ไม่ต้องเป็นซุปเปอร์แมน แค่เป็นคนธรรมดาที่ ....กล้า.... พอ!!!!

จากบทความพี่นิ้วกลม
* อยากกล้า...ต้องออกรบ*

จริงๆ ตอนเป็นเด็กขี้เกียจมาก เป็นเด็กสายวิทย์ อยู่ห้อง1 แต่ก็เป็นที่โหล่ตลอด.. สอบก็ลอกเพื่อนแอบเอาโพยเข้าห้อง แอบนอนหลังห้อง กินข้าวใต้โต๊ะตอนอาจารย์สอน กินขนม  ลอกการบ้านเพื่อน
เรียนพิเศษ ตามแบบฉบับ เด้กสายวิทย์ ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้เรียนนะจ๊ะ  เพราะ1.แม่มีเงินน้อย  2. ขี้เกียจ
และด้วยความเป็นคนขี้เกียจนี่แหละ ก็ไม่อ่านหนังสือเอน เพื่อนร่วมชั้น อ่านกันที2-3เดือนก่อนสอบ ไอ้เรา ก็อ่านหนังสือรวมเคล็ดลับสูตรสั้นๆ แต่ล่ะวิชา อ่าน แบบเร็วสุดเอาแค่รู้ นอกนั้นไปลอกเอา( ขนาดเอนเมิงยังลอก) แต่ก็เอนติดถึงสองรอบ  ดวงดีบอกเลยเรื่องนี้ (บอกถึงอายุ...55)

เราเป็นเด็กต่างจังหวัดแม่ไม่ให้เรียนมหาลัยด้วยซ้ำ เพราะเป็นพี่คนโต ฐานะทางบ้านไม่ได้ดีพอเอนติดจำได้แม่บ่นมาก...ว่าหาเรื่องเสียเงินเยอะ....(ตอนนั้นโคตรไม่เข้าใจ)แต่เราก็เก็บกระเป๋าไปอยู่มหาลัยเลยจร้าาา เพราะตอนนั้นที่แม่ไม่พอใจเพราะแม่อยากให้เรียนแค่อาชีวะแถวบ้าน  เพื่อที่จะได้ทำงานหาเงินให้น้องอีก2คน เรียน
แต่เราดื้อหนีออกจากบ้านไปมหาลัยเลย ก็ติดแล้วนิ่ แต่ก็แม่นี่แหละที่ทำให้เรียนจบส่งเงินมาให้เรา แม่เราโคตรเก่งเลย และเราก็เข้าใจนะว่าตอนนั้นแม่คงกังวลเรื่องเงิน แต่เราก็มาถูกทาง เพราะเราพิสูจน์ให้แม่เห็นว่า จบมามันมีทางเลือกได้เยอะกว่า

พอเข้ามหาลัย
เรียนปีเดียวก็เอนใหม่เพราะเราไม่ชอบเขียนแบบ(สถาปัตย์) เราชอบแต่งห้องมากกว่าเลยอยากเข้ามัณฑศิลป์แต่ดันติดออกแบบนิเทศศิลป์. ปี1-2ก็สุดเหวี่ยง เรียนปี3ถึงมาจับตัวเองได้เพราะสายที่เรียน เป็นงานออกแบบdesignเลยต้องทำเอง....ถ้าวิชาเอกโชคดีที่ชอบและเป็นปฏิบัติซะเยอะเลยได้เกรดA,B  ส่วนวิชานอกคณะไม่ต้องพูดถึง C,D ,F ตามลำดับ
แต่ก็จบมาได้ เพราะจุดหมายในใจเราเลือกแค่ว่า เรียนให้มันจบๆ จะวิธีไหนก็ได้ ไม่สนตัวเลขของเกรดเฉลี่ย แต่ก็จบมาได้2.75 เพราะได้วิชาเอกช่วยไว้5555

หลังเรียนจบ1เดือน
..ตอนเข้ามาหางานกรุงเทพแรกๆ เชื่อมั้ย เราติดรถขนของ ของโรงงานป้าเข้ามาหางาน  ถ้าให้พูดถึงรถขนของ  ให้นึกภาพ รถ6ล้อ ใหญ่ๆ หน่อย  มีเพลงประกอบ เป็นเพลงแม่พุ่มพวง  ~~ ไม่เด่นไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับไป ทุกวันคืนนอนร้องไห้อีกเมื่อไรจะด้ายยยยยยดี ~~ feel แบบ ยิ้มนี่แหละชีวิต  
เรามีแค่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวกอดกระเป๋านั่งอยู่หน้ารถ 6ล้อ ไม่กล้าหลับด้วยซ้ำ ดีนะ ลุงคนขับรถสนิทกับแม่ เลยปลอดภัยตลอดทาง จากนั้นก็ขอไปอาศัยกับพี่ชายคนละแม่อยู่ เป็นห้องเช่าเล็กๆ แถวทองหล่อ แต่ค่าเช่าแสนถูก 4000 บาท เราจำได้เลย เรานอนบนโซฟาอยู่หลายเดือน โคตะระ ปวดหลัง ส่วนพี่ชาย นอนบนที่นอน  แต่อยู่ได้ไม่นานเท่าไรก็แยกกันอยู่

ช่วงที่เข้ามาแรกๆ เพื่อหางาน...
เราก็มานั่งคิดว่าเราอยากทำงานอะไร...เราก็ล็อกจุดหมายในใจว่า เอาแบบที่เราชอบดีกว่า  กูติส งานก็ต้องสไตล์เรา... คือเราชอบดูหนัง ฟังเพลง แม็กกาซีนแฟชั่น  เพราะเราคิดว่าถ้าทำงานมีสิ่งที่เราชอบสนใจก็คงดี เพราะยังไง เมิงก็คือมนุษย์เงินเดือน ไหนๆๆๆๆ ก็ต้องอยู่จำเจ ก็ขอมีอะไรที่ชอบ เป็นติ่งให้ชีวิตหน่อยเหอะ  
แล้วเราก็list รายชื่อ ที่ทำงานที่เป็นที่สุดของวงการนั้นๆ
...จากนั้นเราวิ่งworkin เข้าไปสมัครเองทุกที่ เพราะเราไม่อยากฝากชีวิตไว้ในemail (กลัวเค้าไม่เปิด) 555 ยิ้มไม่ชัวร์ เอาชัวร์คือสวยและพุ่งเลยดีกว่า

สุดท้าย... เราก็ได้งานที่เกี่ยวกับดูหนัง เป็นค่ายหนังอารมณ์ดี ที่ทุกคนหลงรัก
ทำอยู่ระยะนึงเราก็ออกมาทำงานเกี่ยวกับ เพลง แค่ไม่ได้ดีที่สุด ออกแนวปาร์ตี้ สนุกสนานอยู่3ปี


และงานล่าสุด เราก็ได้ ทำงานเป็นกราฟฟิคให้แม็กกาซีนหัวใหญ่ของประเทศ ที่อยู่มานานหลายปี เป็นแหล่งรวมหัวกะทิของเหล่าแฟชั่นนิสต้ามากมาย ไลฟ์สไตล์ ดูดีมีชาติตระกูล เรารักที่นี่มาก

แต่สุดท้าย...เราค้นพบว่าจริงๆแล้วเราไม่ได้อยากทำงานประจำเพราะฝันเรามันใหญ่มาก มากเกินกว่าจะอยู่หน้าคอม เพราะกราฟฟิคสุดท้ายก็กรรมกรหน้าคอมหน้าคอมดีๆนี่เอง (ความคิดเห็นส่วนตัว) ช่วงที่ทำงานที่แม็กกาซีน....เราหาหลายสิ่ง ทำทั้งออกแบบเสื้อยืดทำขายเองสกีนเองลองผิดลองถูก ผิดพลาดก็เยอะ ทำครีมขายในเน็ต หรือว่าง่ายๆทำทุกอย่างที่วัยรุ่นคนนึงอยากทำขายเพื่อเป็นรายได้เสริม แต่บอกเลย มันก็ยากสำหรับเราตอนนั้นเพราะเราไม่มีความรู้และประสบการณ์ และที่สำคัญทั้งเสี่ยง ลงทุนก็เยอะ สต็อกค้างก็แยะ เงินได้มาก็เป็นเงินหมุน โห้แล้วทำงานประจำอีก.. เรารู้แค่ว่า "ถ้าอยากได้มากกว่าคนอื่นต้องยอมเหนื่อยมากกว่าคนอื่น" คตินี้ฝังใจมาก
หลายคนชอบบอกเรา...ว่าทำไมทำหลายอย่าง...ทำแล้วไม่สำเร็จสักอย่าง
ทำงานประจำรอเงินเดือนสิ้นเดือนออก..ไม่เสี่ยงเจ็บตัวด้วย!
แม่เราหนักสุด บอกว่าเราจับอะไรก็ไม่ได้ดีสักอย่าง
(แต่เราไม่จี๊สสสสนะ !!)

เรากลับบอก ว่า...ไม่ว่ะ เราทำไม่ได้ เราอยากหาเงินจากทางอื่น เราต้องมีภาระดูแลทางบ้าน เงินเดือนลำพังตัวเองไม่พอรับประทานหรอกค่ะ รับฝิ่นรับจ๊อบ เลิกงานก็ดึกกลับบ้านทำจ๊อบ เวลาก็ไม่มีนอน สุขภาพก็เสีย. พังค่ะพัง เลยหาของมาขายทุกทางแต่เลือกมาขายที่ตัวเองชอบและใช่เอง
...เราไม่สนด้วยนะว่าสิ่งที่เราเลือกลงทุนมันจะเจ๊งสักกี่ครั้งหรือ จะขาดทุนไปแล้วยังไง สต็อกของค้างเต็มบ้านรึเปล่า

เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราเคยเลือกเดินไปแล้วถ้ามันไม่เวิกสำหรับเรา เราก็แค่ไม่เดินไปทางนั้นต่อ ... เราเป็นคนใจร้อนคิดแล้วทำเลย

ด้วยเหตุนี้
   เราเลยตัดสินใจออกจากงานที่ทุกคนที่คิดว่ามันดูดี แต่สำหรับเราว่ามันไม่ตอบโจทย์ชีวิตเรา เรายอมรับเลยว่าเราไม่เก่งเลย แต่เราไม่เคยกลัวที่จะทำอะไร มันก็ไม่ใช่ถูกหรือสำเร็จไปทุกอย่างที่เราเลือกหรอก แต่เราไม่เคยหยุดเลือก และไม่เคยหยุดทำ

พอเราอ่านบทความของพี่นิ้วกลม
https://www.facebook.com/Roundfinger.BOOK/posts/1034428353252741

แล้วเกิดแรงบันดาลใจ และก็ย้อนถามตัวเอง เออ กูยิ้มไม่เก่งไรสักอย่างเลยแต่ก็ผ่านมาได้ในหลายๆเหตุการณ์ของชีวิต และก็สงสัยว่าเคยกลัวอะไรมั้ย?

เรานึกนานมาก เราจำได้ว่ามีเพื่อนเคยถามว่าเมิงกลัวฟ้าร้องมั้ย ?
ก็ตอบไปว่า"" ไม่กลัว. มันก็ถามว่าจริงเหรอเพราะมันกลัว
เราตอบไปว่า "เมิงงงงง...ขนาดเสียงปืน กูยังไม่กลัวเลย ผีก็ไม่กลัว ที่สำคัญกูไม่เคยกลัวตาย" เพราะเราบริจาคดวงตาและทั้งร่างกายไปหมดแล้วตั้งแต่เรียนจบ

เรามาได้คำตอบกับตัวเองเพิ่มอีก จริงๆก็มีสิ่งที่กลัวนะ และกลัวมากก  
คือเรากลัวตายก่อนที่จะทำให้คนที่รักสบายนั้นก็คือ ...ครอบครัว  เรากลัวตอบแทนแม่ไม่ทัน เราเคยไปได้ยินคำว่า  ไม่รู้วันพรุ่งนี้ กับชาติหน้าอะไรจะเกิดก่อนกัน   น่าจะเคยเห็นเพื่อนใน เฟชบุ๊คสักคนขึ้นไว้  บอกเลยว่า มันโดนมาก เราจำคำนี้จนขึ้นใจ  เราเลยอยากกกก  ทำทุกๆอย่างแบบไม่เคยกลัวอะไรเลยยย  เพราะเราอยากให้แม่สบาย น้องเราเรียนจบ และทุกคนในครอบครัวมีชีวิตที่ดี เราอยากมาก  จนไม่มีความกลัวใดๆทั้งสิ้น

เราเลยอยากให้กำลังใจคนที่กำลังเบื่อชีวิตเดิมๆแต่ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่กล้าเปิดรับชีวิตดีๆที่ตัวเองสมควรจะได้มัน
จริงๆ ก็แค่เลือก และรับผิดชอบการเลือกตัวเองแค่นั้นเอง

เราให้เคล็ดลับอย่างนึงของเรา
คือ เชื่อในตัวเองและทำทุกอย่างจากจิตใต้สำนึก ที่ไม่ใช่แค่จิตสำนึก (อันนี้เราไปอ่านเจอในหนังสือที่ไหนสักที่....เค้าบอกว่าคนสำเร็จเค้าทำจากจิตใต้สำนึก ซึ่งมันจะทำงานด้วยภาพ
...ส่วนคนที่ทำจากจิตสำนึกจะทำงานด้วยเหตุผล. ก็ด้วยความที่อาร์ตอ่ะนะ ไอ้เราก็มองเป็นภาพก่อนตลอด ไม่เคยสนเรื่องเหตุผลในบางครั้งนะ! <ก็ไม่รู้ว่าดีรึเปล่านะ> ...แต่อย่างน้อยก็ได้ลองทำและรู้ว่าทำแล้วเป็นยังไง)

(ต่อ) เพราะเมื่อเราเชื่อว่าเราทำได้ = เราทำได้

พอเราเชื่อว่าเราทำได้เมื่อไร...เราจะวิ่งหาทางทำมันในทุกๆทางเอง ตามสันชาตญาณ...เห็นภาพและ ทำทุกอย่างให้ภาพมันเกิดขึ้นจริงๆ
อันไหนไม่เป็นแบบภาพที่คิดก็เปลี่ยนทางใหม่555<โธ่อีนี่เมิงใช้อะไรยึดในชีวิต>
แต่ก็นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราผ่านทุกอย่างมาได้ ทั้งๆที่เรายิ้มเริ่มจากไม่เก่งอะไรเลยสักอย่างแต่เรากล้าที่จะลุยทุกอย่างที่เราเลือกและเราเชื่อว่าพวกคุณทำได้แน่ๆ ขอแค่ เลือก แลก และ ลุย

สู้ๆนะคะ

อัพเดท
ตอนนี้เราชีวิตดีและกำลังจะดีมากเพราะเราเลือกงานสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตตัวเองเสมอทำสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตตัวเองและครอบครัวที่สุด


* อยากกล้า...ต้องออกรบ*
ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ ไม่ต้องเพอร์เฟคไปทุกสิ่ง
แต่ทำมันให้มากพอ....แล้วเราจะได้สิ่งที่หวังเอง


ขอบคุณบทความดีๆของพี่นิ้วกลม
อ่านแล้วเลยอยากแบ่งปันต่อ

และขอบคุณที่หลายคนอ่านกระทู้แรกของเรา
ขอบคุณค่ะ

#ผู้หญิงตัวเล็ก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่