สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา และเป็นการไปเที่ยวสมุทรสงครามครั้งแรกในชีวิตด้วยแหละ ถ้าผิดพลาดประการใดบอกกล่าวได้นะคะ^_^
ทริปนี้ไปมาเมื่อช่วงหยุดยาวที่ผ่านมาค่ะ (4-6เมษายน) แต่เพิ่งได้เอามารีวิว แหะๆ….งั้นตามเราไปเที่ยวสมุทรสงครามด้วยกันเลยยยย
อยากไปเที่ยวแบบback pack ก็ต้องแบบนี้แหละ เริ่มจากนั่งรถไฟกันเลยจ้า เราเลือกขึ้นรถไฟ วงเวียนใหญ่-มหาชัย เที่ยว 10:40 น. เพราะเที่ยวนี้ไม่เช้าเกินไป(เราตื่นสาย) และมีตู้แอร์ด้วย เสียตังเพิ่มกันไป คนละ 25 บาท เย็นสบาย
ฉึกฉักๆๆๆๆ แล้วรถไฟก็มาส่งเราถึงมหาชัย เวลา 11:40 น. ลงจากรถแล้วเราก็แหงนมองตารางเวลารถไฟที่จะพาเราไปถึงปลายทาง นั่นก็คือรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ตารางพี่แกเขียนไว้ เที่ยวต่อไป 13:30 น. โห!เหลือเวลาตั้งเยอะ เดินเล่นถ่ายรูปก่อนค่อยข้ามเรือไปขึ้นรถไฟละกันเนอะ
กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสดทั้งแห้งเรียงรายเต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกหิว อิอิ
เดินตรงมากำลังจะถึงท่าเรือข้ามฟากก็เจอร้านน้ำตาลสดของโปรด เลยจัดมาหนึ่งแก้ว หอม หวาน เย็น อร่อย (ถูกด้วย)
พอมาถึงท่าเรือก็ซื้อตั๋วค่ะ คนละ 3 บาท รอเรือซักพัก เรือก็มา เราก็ลงเรือกัน
หายใจเข้ายังไม่ทันหายใจออก เรือก็มาเทียบถึงที่หมายค่ะ
ตอนมาถึงฝั่งนั่นเวลาประมาณ 12:00 น. เราก็เดินตามป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟบ้านแหลม คิดในใจ ‘อีกนิดเดียว เราก็จะได้เห็นตลาดร่มหุบในตำนานแล้ว^_^’ พอเดินมาถึงสถานีเท่านั้นแหละค่ะ เหมือนความฝันพังครืนลงมาซะอย่างงั้น เราเห็นรถไฟเปิดหวูดลากตัวเองฉึกฉักออกจากสถานีต่อหน้าต่อตา พร้อมกับคำบอกกล่าวของน้าที่อยู่แถวนั้นว่า “รถไฟออกแล้วหนู เที่ยวต่อไปต้องบ่ายสาม บ่ายสี่นู่น” เราหันไปยิ้มแล้วรับคำ’ค่ะๆ’ไปอย่างงั้น ในใจคิดเข้าข้างตัวเอง ‘ไม่จริงน่า เราดูตารางรถไฟแล้วนิ มันออก13:30น. นี่อาจจะเป็นรถไฟไปที่อื่นก็ได้ ไม่ใช่ขบวนที่เราจะไปหรอก’ คิดได้อย่างนั้น เราก็สาวเท้าเลยค่ะ จะไปถามนายสถานีให้รู้เรื่อง โอ้แม่เจ้า ไปถึงหน้าช่องขายตั๋วไม่ต้องถามใครให้มากความ มันฟ้องด้วยภาพ 555
จ้ะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก เราตกรถไฟละ ร้องไห้หนักมาก….ตลาดรุ่มหุบของชั้น
เดินไปเดินมาอยู่ซักพัก ก็ตั้งสติได้5555 ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเราคงต้องข้ามฝั่งกลับไปแล้วหารถตู้ไปก็แล้วกัน
นั่งเรือรอบสอง หึหึหึ
เดินออกมาตรงหน้าท่าเรือ เราก็จะเจอกับคิวรถตู้ค่ะ รถไปส่งถึง บขส.แม่กลอง ราคาคนละ 60 บาท
ใช้เวลาไม่นาน (แน่นอนไม่นานเท่านั่งรถไฟ) เราก็มาถึง บขส.แม่กลอง จากนั้นเราก็เดินเข้าไปหาพี่ตุ๊กๆแถวนั้นค่ะ เพื่อจะเหมาไป ’บ้านไม้โมรีสอร์ท’ ที่จองไว้ แต่พอบอกจุดหมายปลายทางก็ต้องถอยออกมาหาวิธีไปแบบอื่นเพราะสู้ราคารถเหมาไม่ไหวค่ะ
เดินตามคำบอกเล่าของร้านค้า คิวรถสองแถว วินมอ’ไซ มาเรื่อยๆ เราก็พบกับรถสองแถวที่จะพาเราไปส่งถึงหน้ารีสอร์ท โดยราคาจิ๊ดเดียวเอง
(ระหว่างทางเดินไปคิวรถสองแถว ถ่ายรูปกะตลาดร่มหุบซะหน่อย ไหนๆก็ไม่ได้ถ่ายตอนร่มหุบละ ถ่ายมันตอนร่มกางนี่แหละ ชิ)
ถึงละค่ะ คิวรถสุดสายปลายทางที่วัดแก้วเจริญ คิวรถอยู่ตรงข้ามกับธนาคารธนชาติค่ะ
ใกล้แล้วๆ เจอป้ายวัดแก้วเจริญแล้ว
สองแถวมาจอดส่งหน้าซอยทางเข้ารีสอร์ทเลยค่ะ (ระยะทางจาก บขส.ม่กลองมาไกลมว๊ากกกกก แอบเข้าใจพี่ตุ๊กๆเลยว่าทำไมพี่แกเรียกแพงจัง)
เดินตามทางมาประมาณ 100 ม.ทางซ้ายมือก็จะเจอป้ายชื่อรีสอร์ทค่ะ
เรามาถึงที่พักเวลาก็ประมาณบ่ายสามกว่าๆ บ้านพักเราชื่อว่า ’เรือนต้นไม้’ค่ะ หลังนี้นอนได้สองคนนะคะ ห้องค่อนข้างเล็ก ถ้าเทียบกับราคา 1,000 บาท (ถ้าไม่ใช่วันหยุดยาว ห้องละ 800 จ้ะ) แต่สำหรับเรามันก็เพียงพอกับความต้องการพักผ่อนค่ะ เฟอร์ก็มีครบครัน แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ...แต่ลืมถ่ายรูปมาให้ดูอ่า เดี๋ยวแปะlinkไว้ให้ เข้าไปดูรูปห้องพักและวิธีติดต่อรีสอร์ทได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.banmaimo.com/index.php/ng
ที่สำคัญ หน้าบ้านพักทุกหลังติดคลองค่ะ ชอบมากๆตรงนี้ บรรยากาศเงียบสงบ เย็นสบายมากเลย
มีบันไดสำหรับขึ้นไปจุดชมวิวด้วย ^^
ระเบียงหน้าบ้านพักเราค่ะ ลมเย็นมาก
มีมุมจัดไว้สำหรับให้ถ่ายรูปด้วย
เดินเล่นถ่ายรูปซักพักพอให้หายเหนื่อยจากการเดินทางก็ออกแว๊นซ์ค่ะ ทางรีสอร์ทมีรถมอเตอร์ไซท์ให้ยืมขับได้ถ้าไปไม่นาน แต่ถ้าจะไปเป็นวันก็ขอเช่าได้ค่ะ ค่าเช่าคุยกับเจ้าของรีสอร์ทได้เลย เป็นคู่คุณลุงกับคุณป้าที่น่ารักและใจดีมากๆค่ะ (เอาค่าเช่าเราแค่ 200 บาท/2วันอ่ะค่ะ ป้าแกบอกเอาแค่ค่าน้ำมันก็พอ)
ขอบอกก่อนเลยว่า รีสอร์ทนี้เหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัวมาค่ะ เพราะค่อนข้างไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว ขนาดจะไปอัมพวา ยังห่างออกไปตั้งสิบกว่ากิโล และถนนหนทางก็ถึงจะลาดยางตลอดเส้นทางแต่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวนิดนึงค่ะ มีแต่สวนผลไม้ ไม่ค่อยมีบ้านคน แต่เหมาะมากแก่การพักผ่อน เพราะเงียบสงบจริงๆค่ะ
ไปค่ะ หายเหนื่อยแล้ว ออกเดินทางกันต่อ
>>>Next Station ….โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง สักการะหลวงพ่อนิลมณีค่ะ
ไหว้พระเสร็จแอบหิว ไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาตั้งแต่เช้า แวะไปหาอะไรหน้าวัดรองท้องก่อนจัดอาหารมื้อใหญ่หน่อยดีกว่า
“ปากหม้อร้อนๆ หอมๆ อร่อยๆ ซักกล่องมั้ยคะ”
ก่อนจะกลับ แอบเหลือบไปเห็น อะไรน่ะแขวนระโยงรยางค์เต็มไปหมด พอเดินเข้าไปดูก็ร้อง อ๋อ ค่ะ เขาเรียกกันว่า ‘ลอตเตอรี่สอยดาว’
ยืนพิจรณาอยู่นาน เห็นแปลกดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอุดหนุนลุงแกหรอก จขกท.ไม่มีดวงเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
พอออกจากวัดบางกุ้ง ก็ได้เวลาอาหารเย็นค่ะ หิวมาทั้งวัน เราเลยตัดสินใจ ขับรถย้อนกลับไปแถวๆตลาดน้ำอัมพวา เพื่อลิ้มลองร้านอาหารที่มีรีวิวดีๆ อย่างร้านนี้ค่ะ
ไม่ได้พักรีสอร์ทเค้าเพราะจองไม่ทัน ได้ทานอาหารร้านเค้าก็ยังดีนะ
ร้านอาหารบนแพริมน้ำ บรรยากาศดี๊ดี แต่ลมแรงไปนะ จานแทบปลิว
จัดมากับจานแรก หอยนางรม เจ้าค่ะ น้ำจิ้มซีฟู๊ดร้านนี้สุดติ่งจริงๆ
จานนี้ยินดีนำเสนอค่ะ กุ้งเผา มันเยิ้มๆ พูดได้คำเดียวว่า อร่อย
ตามมาด้วยยำรวมมิตรทะเลและข้าวโพดอ่อนผัดกุ้งค่ะ
ราคามื้อนี้ก็ พันหน่อยๆ เทียบกับบรรยากาศ คุณภาพ และปริมาณ คุ้ม!!!
เสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็น ก็บึ่งรถกลับรีสอร์ทเลยค่ะ อยากมาให้ทันพระอาทิตย์ตก
เห็นชัตเตอร์มั้ยคะ -..- พี่แกอยากเข้ากล้อง 5555
สวยค่ะ ท้องฟ้าสามสี ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
จบการเดินทางของวันนี้ค่ะ เหนื่อย สนุก และฟินเฟ่อ ไว้เดี๋ยวมาเล่าต่อจ้า
[CR] Review ทริป_สมุทรสงคราม_3วัน2คืน
ทริปนี้ไปมาเมื่อช่วงหยุดยาวที่ผ่านมาค่ะ (4-6เมษายน) แต่เพิ่งได้เอามารีวิว แหะๆ….งั้นตามเราไปเที่ยวสมุทรสงครามด้วยกันเลยยยย
อยากไปเที่ยวแบบback pack ก็ต้องแบบนี้แหละ เริ่มจากนั่งรถไฟกันเลยจ้า เราเลือกขึ้นรถไฟ วงเวียนใหญ่-มหาชัย เที่ยว 10:40 น. เพราะเที่ยวนี้ไม่เช้าเกินไป(เราตื่นสาย) และมีตู้แอร์ด้วย เสียตังเพิ่มกันไป คนละ 25 บาท เย็นสบาย
ฉึกฉักๆๆๆๆ แล้วรถไฟก็มาส่งเราถึงมหาชัย เวลา 11:40 น. ลงจากรถแล้วเราก็แหงนมองตารางเวลารถไฟที่จะพาเราไปถึงปลายทาง นั่นก็คือรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง ตารางพี่แกเขียนไว้ เที่ยวต่อไป 13:30 น. โห!เหลือเวลาตั้งเยอะ เดินเล่นถ่ายรูปก่อนค่อยข้ามเรือไปขึ้นรถไฟละกันเนอะ
กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสดทั้งแห้งเรียงรายเต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกหิว อิอิ
เดินตรงมากำลังจะถึงท่าเรือข้ามฟากก็เจอร้านน้ำตาลสดของโปรด เลยจัดมาหนึ่งแก้ว หอม หวาน เย็น อร่อย (ถูกด้วย)
พอมาถึงท่าเรือก็ซื้อตั๋วค่ะ คนละ 3 บาท รอเรือซักพัก เรือก็มา เราก็ลงเรือกัน
หายใจเข้ายังไม่ทันหายใจออก เรือก็มาเทียบถึงที่หมายค่ะ
ตอนมาถึงฝั่งนั่นเวลาประมาณ 12:00 น. เราก็เดินตามป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟบ้านแหลม คิดในใจ ‘อีกนิดเดียว เราก็จะได้เห็นตลาดร่มหุบในตำนานแล้ว^_^’ พอเดินมาถึงสถานีเท่านั้นแหละค่ะ เหมือนความฝันพังครืนลงมาซะอย่างงั้น เราเห็นรถไฟเปิดหวูดลากตัวเองฉึกฉักออกจากสถานีต่อหน้าต่อตา พร้อมกับคำบอกกล่าวของน้าที่อยู่แถวนั้นว่า “รถไฟออกแล้วหนู เที่ยวต่อไปต้องบ่ายสาม บ่ายสี่นู่น” เราหันไปยิ้มแล้วรับคำ’ค่ะๆ’ไปอย่างงั้น ในใจคิดเข้าข้างตัวเอง ‘ไม่จริงน่า เราดูตารางรถไฟแล้วนิ มันออก13:30น. นี่อาจจะเป็นรถไฟไปที่อื่นก็ได้ ไม่ใช่ขบวนที่เราจะไปหรอก’ คิดได้อย่างนั้น เราก็สาวเท้าเลยค่ะ จะไปถามนายสถานีให้รู้เรื่อง โอ้แม่เจ้า ไปถึงหน้าช่องขายตั๋วไม่ต้องถามใครให้มากความ มันฟ้องด้วยภาพ 555
เดินไปเดินมาอยู่ซักพัก ก็ตั้งสติได้5555 ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเราคงต้องข้ามฝั่งกลับไปแล้วหารถตู้ไปก็แล้วกัน
นั่งเรือรอบสอง หึหึหึ
เดินออกมาตรงหน้าท่าเรือ เราก็จะเจอกับคิวรถตู้ค่ะ รถไปส่งถึง บขส.แม่กลอง ราคาคนละ 60 บาท
ใช้เวลาไม่นาน (แน่นอนไม่นานเท่านั่งรถไฟ) เราก็มาถึง บขส.แม่กลอง จากนั้นเราก็เดินเข้าไปหาพี่ตุ๊กๆแถวนั้นค่ะ เพื่อจะเหมาไป ’บ้านไม้โมรีสอร์ท’ ที่จองไว้ แต่พอบอกจุดหมายปลายทางก็ต้องถอยออกมาหาวิธีไปแบบอื่นเพราะสู้ราคารถเหมาไม่ไหวค่ะ
เดินตามคำบอกเล่าของร้านค้า คิวรถสองแถว วินมอ’ไซ มาเรื่อยๆ เราก็พบกับรถสองแถวที่จะพาเราไปส่งถึงหน้ารีสอร์ท โดยราคาจิ๊ดเดียวเอง
(ระหว่างทางเดินไปคิวรถสองแถว ถ่ายรูปกะตลาดร่มหุบซะหน่อย ไหนๆก็ไม่ได้ถ่ายตอนร่มหุบละ ถ่ายมันตอนร่มกางนี่แหละ ชิ)
ถึงละค่ะ คิวรถสุดสายปลายทางที่วัดแก้วเจริญ คิวรถอยู่ตรงข้ามกับธนาคารธนชาติค่ะ
สองแถวมาจอดส่งหน้าซอยทางเข้ารีสอร์ทเลยค่ะ (ระยะทางจาก บขส.ม่กลองมาไกลมว๊ากกกกก แอบเข้าใจพี่ตุ๊กๆเลยว่าทำไมพี่แกเรียกแพงจัง)
เดินตามทางมาประมาณ 100 ม.ทางซ้ายมือก็จะเจอป้ายชื่อรีสอร์ทค่ะ
เรามาถึงที่พักเวลาก็ประมาณบ่ายสามกว่าๆ บ้านพักเราชื่อว่า ’เรือนต้นไม้’ค่ะ หลังนี้นอนได้สองคนนะคะ ห้องค่อนข้างเล็ก ถ้าเทียบกับราคา 1,000 บาท (ถ้าไม่ใช่วันหยุดยาว ห้องละ 800 จ้ะ) แต่สำหรับเรามันก็เพียงพอกับความต้องการพักผ่อนค่ะ เฟอร์ก็มีครบครัน แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ...แต่ลืมถ่ายรูปมาให้ดูอ่า เดี๋ยวแปะlinkไว้ให้ เข้าไปดูรูปห้องพักและวิธีติดต่อรีสอร์ทได้ค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่สำคัญ หน้าบ้านพักทุกหลังติดคลองค่ะ ชอบมากๆตรงนี้ บรรยากาศเงียบสงบ เย็นสบายมากเลย
มีบันไดสำหรับขึ้นไปจุดชมวิวด้วย ^^
ระเบียงหน้าบ้านพักเราค่ะ ลมเย็นมาก
มีมุมจัดไว้สำหรับให้ถ่ายรูปด้วย
เดินเล่นถ่ายรูปซักพักพอให้หายเหนื่อยจากการเดินทางก็ออกแว๊นซ์ค่ะ ทางรีสอร์ทมีรถมอเตอร์ไซท์ให้ยืมขับได้ถ้าไปไม่นาน แต่ถ้าจะไปเป็นวันก็ขอเช่าได้ค่ะ ค่าเช่าคุยกับเจ้าของรีสอร์ทได้เลย เป็นคู่คุณลุงกับคุณป้าที่น่ารักและใจดีมากๆค่ะ (เอาค่าเช่าเราแค่ 200 บาท/2วันอ่ะค่ะ ป้าแกบอกเอาแค่ค่าน้ำมันก็พอ)
ขอบอกก่อนเลยว่า รีสอร์ทนี้เหมาะกับคนที่มีรถส่วนตัวมาค่ะ เพราะค่อนข้างไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว ขนาดจะไปอัมพวา ยังห่างออกไปตั้งสิบกว่ากิโล และถนนหนทางก็ถึงจะลาดยางตลอดเส้นทางแต่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวนิดนึงค่ะ มีแต่สวนผลไม้ ไม่ค่อยมีบ้านคน แต่เหมาะมากแก่การพักผ่อน เพราะเงียบสงบจริงๆค่ะ
>>>Next Station ….โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง สักการะหลวงพ่อนิลมณีค่ะ
ไหว้พระเสร็จแอบหิว ไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาตั้งแต่เช้า แวะไปหาอะไรหน้าวัดรองท้องก่อนจัดอาหารมื้อใหญ่หน่อยดีกว่า
“ปากหม้อร้อนๆ หอมๆ อร่อยๆ ซักกล่องมั้ยคะ”
ก่อนจะกลับ แอบเหลือบไปเห็น อะไรน่ะแขวนระโยงรยางค์เต็มไปหมด พอเดินเข้าไปดูก็ร้อง อ๋อ ค่ะ เขาเรียกกันว่า ‘ลอตเตอรี่สอยดาว’
ยืนพิจรณาอยู่นาน เห็นแปลกดีค่ะ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอุดหนุนลุงแกหรอก จขกท.ไม่มีดวงเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ
พอออกจากวัดบางกุ้ง ก็ได้เวลาอาหารเย็นค่ะ หิวมาทั้งวัน เราเลยตัดสินใจ ขับรถย้อนกลับไปแถวๆตลาดน้ำอัมพวา เพื่อลิ้มลองร้านอาหารที่มีรีวิวดีๆ อย่างร้านนี้ค่ะ
ไม่ได้พักรีสอร์ทเค้าเพราะจองไม่ทัน ได้ทานอาหารร้านเค้าก็ยังดีนะ
ร้านอาหารบนแพริมน้ำ บรรยากาศดี๊ดี แต่ลมแรงไปนะ จานแทบปลิว
จัดมากับจานแรก หอยนางรม เจ้าค่ะ น้ำจิ้มซีฟู๊ดร้านนี้สุดติ่งจริงๆ
จานนี้ยินดีนำเสนอค่ะ กุ้งเผา มันเยิ้มๆ พูดได้คำเดียวว่า อร่อย
ตามมาด้วยยำรวมมิตรทะเลและข้าวโพดอ่อนผัดกุ้งค่ะ
เสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็น ก็บึ่งรถกลับรีสอร์ทเลยค่ะ อยากมาให้ทันพระอาทิตย์ตก
สวยค่ะ ท้องฟ้าสามสี ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง