สวรรค์บาป ตอนที่3 >>
http://pantip.com/topic/33541755
ตอนที่4
บรรยากาศในห้องนั้นเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง คุณตรีรัตน์ผละอ้อมกอดของตนเองออกจากร่างของลูกสาวบุญธรรม ก่อนจะลงไปนั่งพิงกับหมอนอิงสีสวยอยู่บนแท่น เหลือบมองใบหน้าที่บัดนี้ไม่มีเค้าของบุรุษหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ที่หญิงสูงวัยมองเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือหญิงสาวที่มีความสวยอยู่อย่างเต็มล้น คุณตรีรัตน์พูดได้เต็มปากว่าลูกสาวของหล่อนนั้น สวยจริงๆ
อย่างไรก็ดีคุณตรีรัตน์ก็กล่าวไปเรื่อยๆว่า
"ไม่มีอะไรเสียหายนี่จ๊ะลูก ยังไงลูกก็ดูใจกันไปก่อน ถือว่าแม่อยากจะให้ลูกทั้งสองคนทำความรู้จักกันเอาไว้ให้มากๆ แม่มั่นใจว่านายสุทธิ์นันท์น่าจะเป็นคนที่แม่จะฝากลูกไว้ให้เขาดูแลได้"
"คุณแม่คะ...คือ...ถ้าคุณแม่คิดว่าดี ตาก็ไม่ได้อยากจะขัดใจคุณแม่หรอกนะคะ เพียงแต่ว่าตาอยากจะเป็นคนเลือกคนที่ตาจะรักเองมากกว่า" ชลิตาพูดอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้ายังไม่หายเป็นสีเข้ม เพราะความสับสนและว้าวุ่นใจ
"ลูก...เอ่อ...ขอดื้อกับคุณแม่อีกสักครั้งนะคะ ตาไม่อยากจะแต่งงานตอนนี้ค่ะ และอีกอย่างใครจะมารักตาจริงๆ บางทีคุณแม่ไม่คิดหรือคะว่าที่เขามานี่อาจจะมาเพื่อหวังสมบัติของเรา! และอีกอย่างย่าแจ้ว ก็บอกกับตาบ่อยๆว่าคนเรามีครอบครัวแล้วก็ไม่ค่อยจะมีความสุขกันสักเท่าไหร่"
จบคำพูดของลูกสาว คุณตรีรัตน์ก็ขมวดคิ้วทำเสียงเอ็ดตะโรขึ้นมาทันที ราวกับย่าแจ้วผู้เป็นแม่นมที่เลี้ยงดูชลิตามาอยู่ตรงนั้นด้วย
"เออ! ยายแจ้วนี่จริงๆเลย ตัวเองแต่งงานแล้วหย่าผัวมันจะไปมีความสุขอะไร! อย่างนี้ต้องตัดเงินเดือนซะแล้ว"
"โธ่ คุณแม่ขา อย่าไปว่าย่าแจ้วอย่างนั้นซีคะ ย่าแจ้วเขาก็พูดเพราะหวังดีกับตานะคะ และตาก็คิดว่าตายังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้ค่ะ"
สตรีสูงวัยที่ดูกระฉับกระเฉงเกินวัยห้าสิบปีของท่านอยู่มากนั้น นั่งคอแข็งอยู่เป็นครู่อย่างไม่พอใจในคำพูดเชิงปฎิเสธของลูกสาว แต่ในที่สุดท่านก็พยายามทำอารมณ์เย็น และกล่าวหว่านล้อมอีกครั้งหนึ่งว่า
"ลูกต้องคิดถึงวันข้างหน้าให้มากๆนะ แม่ก็ไม่ใช่จะอยู่ค้ำฟ้า มีแต่จะแก่ชราลงทุกวัน และสมมติว่าแม่เกิดตายกระทันหันไม่ทันได้เห็นลูกคนเดียวของแม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝา แม่คงนอนตายตาไม่หลับหรอก แล้วลูกก็จะลำบากมากรู้ไหม แม่มั่นใจนะว่านายสุทธิ์นันท์น่ะ ต้องเป็นคนดีแน่นอน และจำเป็นจริงๆนะที่จะต้องมีผู้ชายดีๆที่คุ้มครองเราได้"
"ตา....ไม่รู้หรอกนะคะว่านายสุทธิ์นันท์อะไรนั่นเขาจะดีอย่างที่คุณแม่พูดหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรตาก็ยังไม่อยากจะตกลงปลงใจกับใครทั้งนั้นล่ะค่ะ คุณแม่ไม่มีสามี คุณแม่ยังอยู่และยืนหยัดได้ แต่ทำไมตาถึงจะทำแบบคุณแม่ไม่ได้คะ? ตารู้ค่ะว่าคุณแม่หวังดีกับตามาก และตาก็รักคุณแม่มากนะคะไม่อยากจะขัดใจ...เอาเป็นว่าตาจะลองศึกษาดูใจกับเขาดูก๋็ได้ค่ะ"
คุณนายตรีรัตน์ได้ยินคำพูดจากลูกชายซึ่งบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวที่สวยไม่แพ้ผู้หญิง หล่อนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก และรีบเข้ามาโอบกอดบุตรสาวที่ทรุดนั่งลงข้างๆแท่นที่หล่อนนั่งอยู่ก่อนอย่างมีความสุข
"โอ...แม่ดีใจมากเลยนะลูก ที่หนูยอมที่จะลองคบกับสุทธิ์นันท์ คบกันไปก่อนก็ไม่เสียหายนะลูก ลองดูใจกันก่อนแล้วก็จะรู้เองว่าเขาใช่หรือไม่ใช่"
"แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะคะ?" ชลิตาจ้องมองมารดาเหมือนต้องการคำตอบ "ถ้าไม่ใช่ คุณแม่จะไม่บังคับตาใช่ไหมคะ?"
คุณนายตรีรัตน์นิ่งเงียบกับคำถามไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด หล่อนรู้ว่าชลิตาลองไม่อยากจะทำอะไรแล้วหล่อนก็จะไม่ทำ ไม่มีใครจะหักห้ามหรือทัดทานได้ เพราะฉะนั้นคุณนายตรีรัตน์จึงต้องไม่ทำให้เรื่องร้อน หล่อนจะต้องเอาความเย็นเข้าสู้ ก่อนจะตอบบุตรสาวตรงหน้าอย่างอ่อนหวานว่า
"แม่อยากให้ลูกลองคบหากับสุทธิ์นันท์ดูก่อน แล้วเรื่องอื่นเราค่อยว่ากันนะ ลูกยังไม่ได้พบเขาเลยนะ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ถ้าหากไปกันไม่ได้ มีหรือแม่จะยอมให้ลูกสาวของแม่ต้องทนทุกข์ ไม่มีทางเสียหรอกจ้ะ"
ชลิตาไม่ค่อยพอใจนักกับข่าวร้ายที่หล่อนได้ยินในวันนี้ มันเป็นเช้าที่โหดร้ายมากสำหรับหล่อน แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมารดา หล่อนก็จะลองทำใจพบเจอกับ สุทธิ์นันท์ ชญากร ดูสักครั้ง บางทีมันอาจจะดีเหมือนกับที่มารดาบุญธรรมของหล่อนกล่าวไว้ก็ได้
***********
คืนนั้นคุณตรีรัตน์ หญิงวัยห้าสิบกะรัต อยู่บนห้องนอนตามลำพัง คุณตรีรัตน์ก็อดคิดที่จะปล่อยใจให้หวนคิดถึงอดีตไม่ได้ เมื่อท่านนึกถึง ศักดิ์ชัย ชญากร! ผู้มีวัยอ่อนกว่าหล่อนถึงห้าปี และบัดนี้ได้ล่วงลับไปแล้วนั้นอย่างเศร้าใจ
หล่อนยังจำได้ดีสมัยนั้น คือเมื่อประมาณสามสิบปีล่วงเลยมาแล้ว หล่อนและ ลีลาวดี! ผู้เป็นน้องสาว นับได้ว่าเป็นสตรีที่สวยมากในจังหวัดชุมพร มีความประพฤติดีและมีฐานะที่มั่งคั่งที่สุดในจังหวัดชุมพรเลยทีเดียว หล่อนและลีลาวดีเป็นที่รักและหวงแหนของบิดาและมารดามาก และด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ชายคนไหนคู่ควรและถูกใจบิดาเลยสักคน
คุณตรีรัตน์และน้องสาวอย่างลีลาวดี จึงเหมือนนกน้อยในกรงทอง แต่ทว่าบิดาและมารดาของหล่อนก็ไม่อาจจะทัดทานความต้องการของธรรมชาติได้ ด้วยในที่สุดคุณตรีรัตน์ได้พบรักกับ ศักดิ์ชัย ชญากร ผู้เป็นเสมียนหนุ่มของบิดา
ศักดิ์ชัย ชญากร เป็นเสมียนที่ทำงานกับบิดาของหล่อน ซึ่งเขามีอายุน้อยกว่าถึงห้าปี หล่อนและศักดิ์ชัยแอบชอบพอกันตั้งแต่แรกเห็น เนื่องด้วยศักดิ์ชัยมีหน้าตาที่หล่อเหลาและขยันขันแข็งอย่างมาก ทำให้เขาสามารถชนะใจหล่อนได้
และในเมื่อความรักไม่อาจจะหักห้ามกันได้ บิดาและมารดาของหล่อนรู้ความจริง ด้วยที่ว่าไม่อาจจะห้ามปรามได้อีก หล่อนจึงได้แต่งงานและอยู่กินกันฉันสามีภรรยา หลังจากแต่งงานไปแล้ว เสียงนินทาและคำสบประมาทมีมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการที่คุณตรีรัตน์แต่งงานกับเสมียนหนุ่มที่วัยอ่อนกว่าและมีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างในบ้าน
"ศักดิ์คะ? คุณอย่าไปสนใจเสียงหมากาไก่เลยค่ะ เขาจะนินทาอะไรอย่าเก็บมาคิดให้มากเลยนะคะ ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจจะเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราสร้างอนาคตได้นะคะ"
หล่อนจำได้ดีกับคำพูดนี้ต่อสามีผู้เป็นที่รัก หล่อนจำได้ว่าช่วงก่อนแต่งงานหล่อนพูดประโยคนี้หลายครั้งมาก จนหล่อนจำได้ขึ้นใจ
เมื่อแต่งงานกันแล้ว หล่อนร่วมลงทุนกับผู้เป็นสามีเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ชานเมืองกรุงเทพมหานคร หล่อนนำแรงเงินและศักดิ์ชัยนำแรงกายเพื่อสร้างโรงงงานให้เป็นที่รู้จักและสินค้าเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนผู้บริโภค
และมันก็ประสบความสำเร็จ...โรงงานเติบโตและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก... คุณนายตรีรัตน์ยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันวานที่หล่อนกับสามีได้ช่วยกันสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายโดนนินทา ว่าหล่อน สร้างธุรกิจให้สามี
แต่หล่อนคิดว่าถ้าหากสามีนามว่า ศักดิ์ชัยไม่มีความมานะและความรู้ มีเงินมากเท่าไหร่ก็อาจจะเจ๊งไม่เป็นท่า หล่อนจึงคิดว่าเงินที่หล่อนนำมาให้สามีสร้างธุรกิจนั้นมันไม่เสียเปล่า!
แต่รอยยิ้มก็พลันสูญหายไปจากดวงหน้าอวบอิ่มของคุณตรีรัตน์ เมื่อหล่อนคำนึงถึง ลีลาวดี น้องสาวทรยศที่มารู้ภายหลังไม่นานว่า ก็แอบชอบและหลงรักศักดิ์ชัย ผู้เป็นสามีของพี่สาวตัวเอง!
คุณตรีรัตน์ไม่นึกเลยว่าลีลาวดีจะทำเรื่องอัปยศอย่างนี้กับหล่อน ในตอนแรกตัวคุณตรีรัตน์ไม่เคยคิดและระแคะระคายเรื่องนี้เลยว่าน้องสาวของหล่อนจะสามารถแย่งสามีของพี่สาวแท้ๆได้อย่างเลือดเย็น
วันนั้น วันที่ทุกอย่างแตกหัก ความรัก ความแค้นมันฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หล่อนไม่นึกเลยว่าจะต้องมีวันนั้น วันที่หล่อน และน้องสาวแท้ๆ จะมีผัวคนเดียวกัน!
ถึงแม้เมื่อหล่อนสามารถจับได้คาหนังคาเขาว่าสามีของหล่อนและน้องสาวแอบมีสัมพันธ์กันอย่างลับๆ ในตอนแรกหล่อนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อเสียงบอกกล่าวดังหนาหูขึ้น หล่อนจึงแอบตามไปดูและเห็นว่าสามีของหล่อนเอง และน้องสาว แอบซื้อบ้านในกรุงเทพฯเพื่อพักอยู่ด้วยกันในเวลาที่เข้ามาดูงานของโรงงานในกรุงเทพฯ
วันนั้นหล่อนจำได้ว่าทุกอย่างจบเร็วมากหลังจากที่หล่อนรู้ว่าสามีและน้องสาวของตัวเองแอบมีสัมพันธ์สวาทกัน หล่อนเป็นคนเด็ดขาด เมื่อหล่อนรู้ ถึงกับตัดขาดและหย่าขาดกับผู้เป็นสามีในทันที! ถึงแม้ว่าคุณศักดิ์ชัยผู้เป็นสามีจะไม่ยอมในตอนแรก แต่เมื่อหล่อนบอกว่าจะยินยอมเซ็นต์ยกโรงงานให้เป็นสิทธิ์ขาดของอดีตสามี
แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้ลูกของสองฝ่ายในอนาคตแต่งงานกัน! ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายทั้งสองฝ่ายจะต้องแต่งงานกันโดยถ้าหากไม่แต่งงาน โรงงานจะตกมาเป็นของคุณตรีรัตน์ในทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น!
ตอนแรกลีลาวดีจะไม่ยอม หล่อนอ้างว่าเงินที่สร้างโรงงานมาจากเงินของผู้เป็นบิดาและมารดา ไม่ใช่เงินของพี่สาว ลีลาวดีต้องการให้บิดาและมารดาเป็นผู้ตัดสินใจมากกว่า...แต่ไม่รู้ว่าเวรหรือกรรม ในช่วงเวลาเดียวกันบิดาและมารดาของทั้งสองเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่ขับรถไปดูที่ดินที่จังหวัดกระบี่ ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต
และเมื่อเปิดพินัยกรรม ลีลาวดีผู้เป็นน้องสาวไม่ได้อะไรเลย นอกจากที่ดินสองร้อยไร่ที่จังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น ทำให้ลีลาวดีและศักดิ์ชัยสามีทรยศไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้อีกจึงจำใจต้องตกลงในสัญญาพิศวงนั่น!
คุณนายตรีรัตน์คำนึงถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในวัยสาว หล่อนกำมือแน่นแววตาฉายฉานไปด้วยรอยริษยา วันที่หล่อนรอคอยใก้ลจะมาถึง
"อีกไม่นานแล้วสินะ อีกไม่นาน..." คุณนายตรีรัตน์ยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่ถ้าหากมองให้ดีแล้วมันไม่ใช่รอยยิ้มที่พึงพอใจเยี่ยงเด็กที่ได้ของเล่นใหม่แต่เป็นรอยยิ้มของการเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้ในเวลานี้!
***************************
เมื่อนางแจ้ว ผู้ที่ถูกนับถือเปรียบเสมือนแม่นมของชลิตา โผล่เข้าไปในเรือนครัวของบ้านเกียรติยานนท์ในเช้าวันนั้น ก็ได้รับคำทักทายจากนางสายแม่ครัวประจำบ้าน ซึ่งหล่อนก็เป็นบุตรสาวของสตรีชรานางนี้
"อ้าวแม่...วันนี้แต่งตัวสวยเชียวจะไปไหนหรือจ้ะ" นางสายกล่าวทักทายมารดาอย่างยิ้มแย้มเมื่อเห็นนางแจ้วใส่ชุดใหม่
"เปล่าหรอก แม่ก็อยากจะลองใส่ดูเพราะว่าคุณนายจะให้แม่แต่งตัวสวยๆขึ้น ผ้าถุงเก่ามันจะดูซอมซ่อ...เห็นคุณนายบอกว่าต่อไปจะต้องแต่งชุดใหม่ไม่ให้ใครมาดูถูกได้"
"ใครจะมาดูถูกล่ะแม่ เราก็อยู่ของเราแบบนี้มานานแล้ว" หญิงแม่ครัวผู้มีศักดิ์เป็นลูกสาวของสตรีชราซักต่อไปอย่างสนใจ ทั้งที่มือยังวุ่นวายอยู่กับการพลิกกลับไข่ดาวในกระทะ
"อ้าวนี่แม่บอกแกไปยังล่ะ เอ้อ...เดี๋ยวแม่แก่แล้วหลงๆลืมๆสายเอ้ย....ก็คุณสุทธิ์นันท์ไงล่ะ ลูกชายคนเดียวของคุณ...เอ่อ..." หญิงชราทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยในขณะที่จะเอ่ยถึงนามของ คุณ...อีกคนหนึ่ง แต่เหมือนนางจะนึกคุณได้ว่าไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ลูกของใครแม่ลืมแล้ว...แต่เห็นว่าคุณนายจะหมายหมั้นปั้นมือให้แต่งงานกับหนูตาเชียวน่ะ"
"จริงหรือจ๊ะนี่แม่! คุณหนูจะได้แต่งงานกับเขาแล้วหรือ อู๊ยยยยย หนูนี่ดีใจกับคุณเขามากๆเลยนะจ้ะ นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้แต่งงานซะแล้ว"
"เออ...เอ็งก็อย่าพูดดังไปเดี๋ยวคุณหนูมาได้ยิน คุณหนูแกดูเหมือนไม่อยากจะแต่งงานสักเท่าไหร่หรอก เห็นว่าจะลองคบหาดูก่อน"
"เขาจะมาวันไหนล่ะจ้ะ แต่แปลกจริงนะแม่ คุณสุทธิ์นันท์นี่เป็นใครกันอยู่ก็มาจะให้แต่งงานกันซะงั้น" บุตรสาวของหญิงชรากล่าวอย่างนึกสงสัยว่าเป็นใครกันนะคุณนายจึงจะยกให้มาแต่งงานกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
นางแจ้วนั่งลงบนเก้าอี้ในเรือนครัวนั้น พลางนึกคิดถึงเรื่องราวในอดีต หล่อนอยู่กับคุณนายตรีรัตน์มานาน รับใช้กันมานานมาก ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าคุณนายตรีรัตน์ต้องการอะไร และทำไมถึงอยากให้สุทธิ์นันท์มาแต่งงานกับชลิตาลูกบุญธรรมของหล่อนเอง
แต่เรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับมานานแสนนานแล้ว คุณนายตรีรัตน์ห้ามนักว่าอยากให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับห้ามบอกใครเป็นอันขาด
สตรีชราผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ หญิงชราอยู่ในช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อนึกถึงคำพูดของ ชลิตา ที่หล่อนเลี้ยงมาแต่เล็กไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกหลานเพราะอยู่ด้วยกันมานาน
สวรรค์บาป (ตัวเดินเรื่องเป็นสาวประเภทสอง) ตอนที่4
ตอนที่4
บรรยากาศในห้องนั้นเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง คุณตรีรัตน์ผละอ้อมกอดของตนเองออกจากร่างของลูกสาวบุญธรรม ก่อนจะลงไปนั่งพิงกับหมอนอิงสีสวยอยู่บนแท่น เหลือบมองใบหน้าที่บัดนี้ไม่มีเค้าของบุรุษหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ที่หญิงสูงวัยมองเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือหญิงสาวที่มีความสวยอยู่อย่างเต็มล้น คุณตรีรัตน์พูดได้เต็มปากว่าลูกสาวของหล่อนนั้น สวยจริงๆ
อย่างไรก็ดีคุณตรีรัตน์ก็กล่าวไปเรื่อยๆว่า
"ไม่มีอะไรเสียหายนี่จ๊ะลูก ยังไงลูกก็ดูใจกันไปก่อน ถือว่าแม่อยากจะให้ลูกทั้งสองคนทำความรู้จักกันเอาไว้ให้มากๆ แม่มั่นใจว่านายสุทธิ์นันท์น่าจะเป็นคนที่แม่จะฝากลูกไว้ให้เขาดูแลได้"
"คุณแม่คะ...คือ...ถ้าคุณแม่คิดว่าดี ตาก็ไม่ได้อยากจะขัดใจคุณแม่หรอกนะคะ เพียงแต่ว่าตาอยากจะเป็นคนเลือกคนที่ตาจะรักเองมากกว่า" ชลิตาพูดอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้ายังไม่หายเป็นสีเข้ม เพราะความสับสนและว้าวุ่นใจ
"ลูก...เอ่อ...ขอดื้อกับคุณแม่อีกสักครั้งนะคะ ตาไม่อยากจะแต่งงานตอนนี้ค่ะ และอีกอย่างใครจะมารักตาจริงๆ บางทีคุณแม่ไม่คิดหรือคะว่าที่เขามานี่อาจจะมาเพื่อหวังสมบัติของเรา! และอีกอย่างย่าแจ้ว ก็บอกกับตาบ่อยๆว่าคนเรามีครอบครัวแล้วก็ไม่ค่อยจะมีความสุขกันสักเท่าไหร่"
จบคำพูดของลูกสาว คุณตรีรัตน์ก็ขมวดคิ้วทำเสียงเอ็ดตะโรขึ้นมาทันที ราวกับย่าแจ้วผู้เป็นแม่นมที่เลี้ยงดูชลิตามาอยู่ตรงนั้นด้วย
"เออ! ยายแจ้วนี่จริงๆเลย ตัวเองแต่งงานแล้วหย่าผัวมันจะไปมีความสุขอะไร! อย่างนี้ต้องตัดเงินเดือนซะแล้ว"
"โธ่ คุณแม่ขา อย่าไปว่าย่าแจ้วอย่างนั้นซีคะ ย่าแจ้วเขาก็พูดเพราะหวังดีกับตานะคะ และตาก็คิดว่าตายังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้ค่ะ"
สตรีสูงวัยที่ดูกระฉับกระเฉงเกินวัยห้าสิบปีของท่านอยู่มากนั้น นั่งคอแข็งอยู่เป็นครู่อย่างไม่พอใจในคำพูดเชิงปฎิเสธของลูกสาว แต่ในที่สุดท่านก็พยายามทำอารมณ์เย็น และกล่าวหว่านล้อมอีกครั้งหนึ่งว่า
"ลูกต้องคิดถึงวันข้างหน้าให้มากๆนะ แม่ก็ไม่ใช่จะอยู่ค้ำฟ้า มีแต่จะแก่ชราลงทุกวัน และสมมติว่าแม่เกิดตายกระทันหันไม่ทันได้เห็นลูกคนเดียวของแม่ได้เป็นฝั่งเป็นฝา แม่คงนอนตายตาไม่หลับหรอก แล้วลูกก็จะลำบากมากรู้ไหม แม่มั่นใจนะว่านายสุทธิ์นันท์น่ะ ต้องเป็นคนดีแน่นอน และจำเป็นจริงๆนะที่จะต้องมีผู้ชายดีๆที่คุ้มครองเราได้"
"ตา....ไม่รู้หรอกนะคะว่านายสุทธิ์นันท์อะไรนั่นเขาจะดีอย่างที่คุณแม่พูดหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรตาก็ยังไม่อยากจะตกลงปลงใจกับใครทั้งนั้นล่ะค่ะ คุณแม่ไม่มีสามี คุณแม่ยังอยู่และยืนหยัดได้ แต่ทำไมตาถึงจะทำแบบคุณแม่ไม่ได้คะ? ตารู้ค่ะว่าคุณแม่หวังดีกับตามาก และตาก็รักคุณแม่มากนะคะไม่อยากจะขัดใจ...เอาเป็นว่าตาจะลองศึกษาดูใจกับเขาดูก๋็ได้ค่ะ"
คุณนายตรีรัตน์ได้ยินคำพูดจากลูกชายซึ่งบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวที่สวยไม่แพ้ผู้หญิง หล่อนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก และรีบเข้ามาโอบกอดบุตรสาวที่ทรุดนั่งลงข้างๆแท่นที่หล่อนนั่งอยู่ก่อนอย่างมีความสุข
"โอ...แม่ดีใจมากเลยนะลูก ที่หนูยอมที่จะลองคบกับสุทธิ์นันท์ คบกันไปก่อนก็ไม่เสียหายนะลูก ลองดูใจกันก่อนแล้วก็จะรู้เองว่าเขาใช่หรือไม่ใช่"
"แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะคะ?" ชลิตาจ้องมองมารดาเหมือนต้องการคำตอบ "ถ้าไม่ใช่ คุณแม่จะไม่บังคับตาใช่ไหมคะ?"
คุณนายตรีรัตน์นิ่งเงียบกับคำถามไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด หล่อนรู้ว่าชลิตาลองไม่อยากจะทำอะไรแล้วหล่อนก็จะไม่ทำ ไม่มีใครจะหักห้ามหรือทัดทานได้ เพราะฉะนั้นคุณนายตรีรัตน์จึงต้องไม่ทำให้เรื่องร้อน หล่อนจะต้องเอาความเย็นเข้าสู้ ก่อนจะตอบบุตรสาวตรงหน้าอย่างอ่อนหวานว่า
"แม่อยากให้ลูกลองคบหากับสุทธิ์นันท์ดูก่อน แล้วเรื่องอื่นเราค่อยว่ากันนะ ลูกยังไม่ได้พบเขาเลยนะ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ถ้าหากไปกันไม่ได้ มีหรือแม่จะยอมให้ลูกสาวของแม่ต้องทนทุกข์ ไม่มีทางเสียหรอกจ้ะ"
ชลิตาไม่ค่อยพอใจนักกับข่าวร้ายที่หล่อนได้ยินในวันนี้ มันเป็นเช้าที่โหดร้ายมากสำหรับหล่อน แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมารดา หล่อนก็จะลองทำใจพบเจอกับ สุทธิ์นันท์ ชญากร ดูสักครั้ง บางทีมันอาจจะดีเหมือนกับที่มารดาบุญธรรมของหล่อนกล่าวไว้ก็ได้
***********
คืนนั้นคุณตรีรัตน์ หญิงวัยห้าสิบกะรัต อยู่บนห้องนอนตามลำพัง คุณตรีรัตน์ก็อดคิดที่จะปล่อยใจให้หวนคิดถึงอดีตไม่ได้ เมื่อท่านนึกถึง ศักดิ์ชัย ชญากร! ผู้มีวัยอ่อนกว่าหล่อนถึงห้าปี และบัดนี้ได้ล่วงลับไปแล้วนั้นอย่างเศร้าใจ
หล่อนยังจำได้ดีสมัยนั้น คือเมื่อประมาณสามสิบปีล่วงเลยมาแล้ว หล่อนและ ลีลาวดี! ผู้เป็นน้องสาว นับได้ว่าเป็นสตรีที่สวยมากในจังหวัดชุมพร มีความประพฤติดีและมีฐานะที่มั่งคั่งที่สุดในจังหวัดชุมพรเลยทีเดียว หล่อนและลีลาวดีเป็นที่รักและหวงแหนของบิดาและมารดามาก และด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้ชายคนไหนคู่ควรและถูกใจบิดาเลยสักคน
คุณตรีรัตน์และน้องสาวอย่างลีลาวดี จึงเหมือนนกน้อยในกรงทอง แต่ทว่าบิดาและมารดาของหล่อนก็ไม่อาจจะทัดทานความต้องการของธรรมชาติได้ ด้วยในที่สุดคุณตรีรัตน์ได้พบรักกับ ศักดิ์ชัย ชญากร ผู้เป็นเสมียนหนุ่มของบิดา
ศักดิ์ชัย ชญากร เป็นเสมียนที่ทำงานกับบิดาของหล่อน ซึ่งเขามีอายุน้อยกว่าถึงห้าปี หล่อนและศักดิ์ชัยแอบชอบพอกันตั้งแต่แรกเห็น เนื่องด้วยศักดิ์ชัยมีหน้าตาที่หล่อเหลาและขยันขันแข็งอย่างมาก ทำให้เขาสามารถชนะใจหล่อนได้
และในเมื่อความรักไม่อาจจะหักห้ามกันได้ บิดาและมารดาของหล่อนรู้ความจริง ด้วยที่ว่าไม่อาจจะห้ามปรามได้อีก หล่อนจึงได้แต่งงานและอยู่กินกันฉันสามีภรรยา หลังจากแต่งงานไปแล้ว เสียงนินทาและคำสบประมาทมีมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการที่คุณตรีรัตน์แต่งงานกับเสมียนหนุ่มที่วัยอ่อนกว่าและมีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างในบ้าน
"ศักดิ์คะ? คุณอย่าไปสนใจเสียงหมากาไก่เลยค่ะ เขาจะนินทาอะไรอย่าเก็บมาคิดให้มากเลยนะคะ ถึงอย่างไรเราก็ไม่อาจจะเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราสร้างอนาคตได้นะคะ"
หล่อนจำได้ดีกับคำพูดนี้ต่อสามีผู้เป็นที่รัก หล่อนจำได้ว่าช่วงก่อนแต่งงานหล่อนพูดประโยคนี้หลายครั้งมาก จนหล่อนจำได้ขึ้นใจ
เมื่อแต่งงานกันแล้ว หล่อนร่วมลงทุนกับผู้เป็นสามีเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ชานเมืองกรุงเทพมหานคร หล่อนนำแรงเงินและศักดิ์ชัยนำแรงกายเพื่อสร้างโรงงงานให้เป็นที่รู้จักและสินค้าเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนผู้บริโภค
และมันก็ประสบความสำเร็จ...โรงงานเติบโตและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก... คุณนายตรีรัตน์ยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันวานที่หล่อนกับสามีได้ช่วยกันสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายโดนนินทา ว่าหล่อน สร้างธุรกิจให้สามี
แต่หล่อนคิดว่าถ้าหากสามีนามว่า ศักดิ์ชัยไม่มีความมานะและความรู้ มีเงินมากเท่าไหร่ก็อาจจะเจ๊งไม่เป็นท่า หล่อนจึงคิดว่าเงินที่หล่อนนำมาให้สามีสร้างธุรกิจนั้นมันไม่เสียเปล่า!
แต่รอยยิ้มก็พลันสูญหายไปจากดวงหน้าอวบอิ่มของคุณตรีรัตน์ เมื่อหล่อนคำนึงถึง ลีลาวดี น้องสาวทรยศที่มารู้ภายหลังไม่นานว่า ก็แอบชอบและหลงรักศักดิ์ชัย ผู้เป็นสามีของพี่สาวตัวเอง!
คุณตรีรัตน์ไม่นึกเลยว่าลีลาวดีจะทำเรื่องอัปยศอย่างนี้กับหล่อน ในตอนแรกตัวคุณตรีรัตน์ไม่เคยคิดและระแคะระคายเรื่องนี้เลยว่าน้องสาวของหล่อนจะสามารถแย่งสามีของพี่สาวแท้ๆได้อย่างเลือดเย็น
วันนั้น วันที่ทุกอย่างแตกหัก ความรัก ความแค้นมันฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หล่อนไม่นึกเลยว่าจะต้องมีวันนั้น วันที่หล่อน และน้องสาวแท้ๆ จะมีผัวคนเดียวกัน!
ถึงแม้เมื่อหล่อนสามารถจับได้คาหนังคาเขาว่าสามีของหล่อนและน้องสาวแอบมีสัมพันธ์กันอย่างลับๆ ในตอนแรกหล่อนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อเสียงบอกกล่าวดังหนาหูขึ้น หล่อนจึงแอบตามไปดูและเห็นว่าสามีของหล่อนเอง และน้องสาว แอบซื้อบ้านในกรุงเทพฯเพื่อพักอยู่ด้วยกันในเวลาที่เข้ามาดูงานของโรงงานในกรุงเทพฯ
วันนั้นหล่อนจำได้ว่าทุกอย่างจบเร็วมากหลังจากที่หล่อนรู้ว่าสามีและน้องสาวของตัวเองแอบมีสัมพันธ์สวาทกัน หล่อนเป็นคนเด็ดขาด เมื่อหล่อนรู้ ถึงกับตัดขาดและหย่าขาดกับผู้เป็นสามีในทันที! ถึงแม้ว่าคุณศักดิ์ชัยผู้เป็นสามีจะไม่ยอมในตอนแรก แต่เมื่อหล่อนบอกว่าจะยินยอมเซ็นต์ยกโรงงานให้เป็นสิทธิ์ขาดของอดีตสามี
แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้ลูกของสองฝ่ายในอนาคตแต่งงานกัน! ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายทั้งสองฝ่ายจะต้องแต่งงานกันโดยถ้าหากไม่แต่งงาน โรงงานจะตกมาเป็นของคุณตรีรัตน์ในทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น!
ตอนแรกลีลาวดีจะไม่ยอม หล่อนอ้างว่าเงินที่สร้างโรงงานมาจากเงินของผู้เป็นบิดาและมารดา ไม่ใช่เงินของพี่สาว ลีลาวดีต้องการให้บิดาและมารดาเป็นผู้ตัดสินใจมากกว่า...แต่ไม่รู้ว่าเวรหรือกรรม ในช่วงเวลาเดียวกันบิดาและมารดาของทั้งสองเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่ขับรถไปดูที่ดินที่จังหวัดกระบี่ ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต
และเมื่อเปิดพินัยกรรม ลีลาวดีผู้เป็นน้องสาวไม่ได้อะไรเลย นอกจากที่ดินสองร้อยไร่ที่จังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น ทำให้ลีลาวดีและศักดิ์ชัยสามีทรยศไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้อีกจึงจำใจต้องตกลงในสัญญาพิศวงนั่น!
คุณนายตรีรัตน์คำนึงถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในวัยสาว หล่อนกำมือแน่นแววตาฉายฉานไปด้วยรอยริษยา วันที่หล่อนรอคอยใก้ลจะมาถึง
"อีกไม่นานแล้วสินะ อีกไม่นาน..." คุณนายตรีรัตน์ยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่ถ้าหากมองให้ดีแล้วมันไม่ใช่รอยยิ้มที่พึงพอใจเยี่ยงเด็กที่ได้ของเล่นใหม่แต่เป็นรอยยิ้มของการเริ่มต้นของบางสิ่งบางอย่างที่ยังหาคำตอบไม่ได้ในเวลานี้!
***************************
เมื่อนางแจ้ว ผู้ที่ถูกนับถือเปรียบเสมือนแม่นมของชลิตา โผล่เข้าไปในเรือนครัวของบ้านเกียรติยานนท์ในเช้าวันนั้น ก็ได้รับคำทักทายจากนางสายแม่ครัวประจำบ้าน ซึ่งหล่อนก็เป็นบุตรสาวของสตรีชรานางนี้
"อ้าวแม่...วันนี้แต่งตัวสวยเชียวจะไปไหนหรือจ้ะ" นางสายกล่าวทักทายมารดาอย่างยิ้มแย้มเมื่อเห็นนางแจ้วใส่ชุดใหม่
"เปล่าหรอก แม่ก็อยากจะลองใส่ดูเพราะว่าคุณนายจะให้แม่แต่งตัวสวยๆขึ้น ผ้าถุงเก่ามันจะดูซอมซ่อ...เห็นคุณนายบอกว่าต่อไปจะต้องแต่งชุดใหม่ไม่ให้ใครมาดูถูกได้"
"ใครจะมาดูถูกล่ะแม่ เราก็อยู่ของเราแบบนี้มานานแล้ว" หญิงแม่ครัวผู้มีศักดิ์เป็นลูกสาวของสตรีชราซักต่อไปอย่างสนใจ ทั้งที่มือยังวุ่นวายอยู่กับการพลิกกลับไข่ดาวในกระทะ
"อ้าวนี่แม่บอกแกไปยังล่ะ เอ้อ...เดี๋ยวแม่แก่แล้วหลงๆลืมๆสายเอ้ย....ก็คุณสุทธิ์นันท์ไงล่ะ ลูกชายคนเดียวของคุณ...เอ่อ..." หญิงชราทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยในขณะที่จะเอ่ยถึงนามของ คุณ...อีกคนหนึ่ง แต่เหมือนนางจะนึกคุณได้ว่าไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ลูกของใครแม่ลืมแล้ว...แต่เห็นว่าคุณนายจะหมายหมั้นปั้นมือให้แต่งงานกับหนูตาเชียวน่ะ"
"จริงหรือจ๊ะนี่แม่! คุณหนูจะได้แต่งงานกับเขาแล้วหรือ อู๊ยยยยย หนูนี่ดีใจกับคุณเขามากๆเลยนะจ้ะ นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้แต่งงานซะแล้ว"
"เออ...เอ็งก็อย่าพูดดังไปเดี๋ยวคุณหนูมาได้ยิน คุณหนูแกดูเหมือนไม่อยากจะแต่งงานสักเท่าไหร่หรอก เห็นว่าจะลองคบหาดูก่อน"
"เขาจะมาวันไหนล่ะจ้ะ แต่แปลกจริงนะแม่ คุณสุทธิ์นันท์นี่เป็นใครกันอยู่ก็มาจะให้แต่งงานกันซะงั้น" บุตรสาวของหญิงชรากล่าวอย่างนึกสงสัยว่าเป็นใครกันนะคุณนายจึงจะยกให้มาแต่งงานกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
นางแจ้วนั่งลงบนเก้าอี้ในเรือนครัวนั้น พลางนึกคิดถึงเรื่องราวในอดีต หล่อนอยู่กับคุณนายตรีรัตน์มานาน รับใช้กันมานานมาก ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าคุณนายตรีรัตน์ต้องการอะไร และทำไมถึงอยากให้สุทธิ์นันท์มาแต่งงานกับชลิตาลูกบุญธรรมของหล่อนเอง
แต่เรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับมานานแสนนานแล้ว คุณนายตรีรัตน์ห้ามนักว่าอยากให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับห้ามบอกใครเป็นอันขาด
สตรีชราผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ หญิงชราอยู่ในช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อนึกถึงคำพูดของ ชลิตา ที่หล่อนเลี้ยงมาแต่เล็กไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกหลานเพราะอยู่ด้วยกันมานาน