บุญบั้งไฟตะไลล้าน (บ้านกุดหว้า) Part I

สวัสดีครับทุกท่าน

ผ่านเทศกาลแห่งสายน้ำ วันสงกรานต์แล้ว ถัดไปก็จะเข้าสู่เทศกาลบุญบั้งไฟ แวะมาเชิญชวนให้ไปเที่ยวงานบุญบั้งไฟตะไลล้านกันครับ


บุญบั้งไฟตะไลล้านบ้านกุดหว้าจะจัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 3ของเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ในวันเสาร์จะเป็นการแห่ (ขบวนแห่) ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นวันจุด

รีวิวนี้จะขอพาไปชมบรรยากาศของวันแห่ก่อนครับ

กำหนดการเดินทางไปอีสานครั้งนี้วางโปรแกรมไว้ 4 - 6 มิถุนายน เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง กำลังจะส่งใบลา เสียงปลายสายดังขึ้นจับใจความได้ว่า ให้ไปอาทิตย์นี้ (19-20 พค)  เพราะมีงานบุญบั้งไฟ .... แจ่มสิครับ ไปอีสานมาหลายปียังไม่เคยไปชมงานประเพณีนี้เลย เปลี่ยนวันลาเรียบร้อย นับถอยหลังสู่การไปเยือนดินแดนอีสานอีกครั้ง
@08.00pm. 18 พ.ค. ออกเดินทางสู่อีสานบ้านเฮา
@07.00am. 19 พค. ถึงอีสานบ้านเฮาโดยสวัสดิภาพ

วันนี้อากาศค่อนข้างดี ท้องฟ้าแจ่มใสถึงใสที่สุด บ่ายโมงตรงใกล้ได้เวลางานจะเริ่มแล้ว ขับรถออกไปบ้านกุดหว้าเสียแต่ตอนนี้ไปช้ากว่านี้ก็เกรงว่าจะไม่มีที่จอดรถ เพราะผู้คนและนักท่องเที่ยวต้องมากแน่ๆ

ดูเวลาขณะนี้บ่ายโมงครึ่ง งานยังไม่เริ่ม แต่ผู้คนเริ่มออกมาจับจองหาที่นั่งตามใต้ต้นไม้บ้าง ใต้ถุนบ้านบ้าง สองฝั่งถนนมีผู้คนอยู่ไม่ขาดสาย



ท้องฟ้ายังโปร่ง มีแดดรำไรๆ บริเวณนี้คือบริเวณก่อนจะถึงหน้าวัดที่ขบวนแห่จะต้องเดินผ่าน ช่วงนี้ถนนยังปล่อยให้รถวิ่งผ่านไปได้ แต่อีกสักพักเจ้าหน้าที่คงเตรียมกันรถไม่ให้เข้าในบริเวณงาน

แล้วต้นขบวนล่ะ อยู่ที่ไหน.... ? อยากรู้ว่าต้นขบวนอยู่ที่ไหน แล้วขบวนจะมาเมื่อไหร่ สอบถามชาวบ้านละแวกนั้นได้ความว่าต้นขบวนจะอยู่ที่หน้าเทศบาล ต้องเดินไปอีกสักประมาณ 1กม. คิดอยู่สักพัก จะเดินไปดีไหม ดูแล้วไกลเหมือนกัน แต่ถ้าอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีอะไร น่าจะลองไปดูสักหน่อย เผื่อจะมีอะไรให้ดูบ้าง  ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองไปดูหน่อยดีกว่า ตัดสินใจเดินไปที่เทศบาล เดินไปเรื่อยๆ

สองข้างทางก็มีชาวบ้านมานั่งรถชมขบวนแห่อยู่เป็นระยะ บ้านใดที่บ้านเป็นสองชั้น ชั้นล่างมีใต้ถุนสูง บ้านนั้นจะเต็มไปด้วยแขกผู้มาเยือน ก็เป็นทั้งเจ้าของบ้านและญาติที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ต่างอำเภอ บ้างก็พูดคุย บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็เฮฮา ดูแล้วก็เป็นภาพที่น่ารักอีกแบบ เดินไปเรื่อยๆ เจออยู่ 3-4 คนกำลังนั่งล้อมวงก๊งเหล้าขาวกันอยู่ สีหน้าอย่างอารมณ์ดี เข้าไปทักทายสักเล็กน้อย แล้วก็ถามแก้เขินเสียหน่อย

เอ่อ... ขอโทษครับ ขอถามหน่อยครับ ต้นขบวนนี้อยู่ที่ไหน ไปอีกไกลไหม เจ้าถิ่นยิ้มรับอย่างอารมณ์ดีพลันชี้มือไปทางนั้น...โน่นนน เดินไปโน่นเลย หลังคาเหลืองๆ โน่นหละ ประมาณ 500ม. พร้อมชวนมานั่งก๊งเหล้าด้วยกันสักเป๊ก แล้วก็มีคำถามต่อมา พี่มาจากช่อง 5 เหรอ
เอ่ออ... เปล่าครับ พอดีมาหาญาติและแวะมาเที่ยวครับ  
อ๋อ เหรอครับ เห็นมีกล้อง
เจ้าถี่นทักทายมาอย่างกันเอง ทั้ง 4 คนต่างอารมณ์ดี ครั้นจะเก็บภาพก็เกรงใจ เก็บไว้ในความทรงจำแทนดีกว่า
ขอบคุณเจ้าถิ่นแล้วเดินต่อไป อีกไม่ไกลแล้วก็จะถึงศาลาสีเหลืองที่ว่านั่น ระหว่างทางก็สวนกับนักท่องเที่ยวอีกคน ก็เลยยิ้มให้แล้วทักไป
เป็นไงครับ ได้ภาพสวยเยอะไหมครับ
อืม..ก็ได้เยอะอยู่ครับ ถามไปอีก แล้วข้างหน้ามีอะไรบ้างครับ
อ๋อ..หน้าเวทีมีการแสดง มีการรำอยู่ รีบไปเลย เดี๋ยวจะพลาดช๊อตสำคัญ  นักท่องเที่ยวบอกมาพร้อมเร่งให้รีบไป กลัวว่าการแสดงจะจบเสียก่อน
เดินกันต่อ . . . อึดใจเดียวก็มาถึงแล้ว เสียงดนตรี และเสียงแคนที่เร้าใจยิ่งนัก ทำนองเสียงเพลงพื้นบ้านอีสาน ถ้าได้ยินรับรองมันส์ไม่แพ้เพลงสตริงในเมืองโดยเฉพาะเสียงพิณ บรรเลงพร้อมกลองและอิเล็คโทน มันเข้ากันได้อย่างดีจริงๆ สไตล์พิณซิ่ง

แหวกฝูงชนเข้ามาได้ ข้างหน้าเวทีกำลังมีการแสดง แอบเห็นกล้องจากสถานนีต่างๆ ทั้งฟรีทีวีและช่องจากดาวเทียม หลากหลายสถานที ผู้คนมากมาย การแสดงชุดนี้น่าจะเป็นชุดสุดท้ายก่อนที่ประธานจะเปิดงาน โชคดีไม่น้อยที่ยังพอมาทัน



ชุดนี้เป็นการรำฟ้อนของชาวผู้ไทย ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่หลายร้อยคน บรรยากาศเป็นไปด้วย
ความสนุก พร้อมเสียงตบมือเป็นระยะๆ




และหลังจากเสร็จสิ้นการแสดงก็เป็นเวลาที่ประธานตัดริบบิ้นเปิดงาน


หลังจากประธานเปิดงานเสร็จก็ได้เวลาแห่ เท่าที่มองด้วยสายตา เหล่านักแสดงน่าจะหลายร้อยชีวิต เรียกว่าทั่วทั้งพื้นที่ของอบต.เต็มไปด้วยบรรดานักแสดง และรถประดับขบวนมากมาย




บรรดารถประดับตกแต่งได้งดงามวิจิตตระการตายิ่งนัก สาวๆ ผู้ไทยก็น่าตาสะสวยไม่แพ้กัน แม้แต่บรรดาป้าๆ น้าๆ ก็แต่งตัวด้วยชุดประจำท้องถิ่นรวมถึงแต่งหน้าแต่งตาก็ดูเด็กดูใสเบบี้ขึ้นมากเช่นกัน


แต่ละหมู่บ้านก็เตรียมความพร้อมก่อนเดินแหไปยังวัดที่ห่างออกไปอีกประมาณ 1 กม.






ช่วงบรรยากาศตรงนี้แม้จะวุ่นวายเล็กน้อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกๆ คนล้วนตั้งใจที่จะแสดงออกถึงวิถึความเป็นคนผู้ไทยและชาวกุดหว้า ในสายตานักท่องเที่ยวอย่างผมที่เพิ่งจะเคยได้มาสัมผัสงานประเพณีแบบนี้ ดูแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน ก่อนที่ขบวนป้ายนำหน้าจะเดินออกมา ออกไปเตรียมตัวด้านนอก รอเก็บภาพขบวนแห่กันดีกว่า

สองสาวถือป้ายนำหน้าเคลื่อนออกจากเทศบาลแล้ว รีบเดินออกไปดักหน้า หามุมเปิดกว้าง ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดขบวนแห่ให้ได้อย่างที่ตั้งใจ


สองข้างทางก็อย่างที่เห็นพื้นที่ใต้ร่มเงาถูกจับจอง รั้วกำแพงเป็นมุมสูงอย่างดีทีเดียว


เจ้าหน้าทีตำรวจและเทศบาลเคลียร์พื้นที่รับขบวนแห่ ขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องช่วยออกไปจากพื้นที่บริเวณถนน รถมอเตอร์ไซด์ทุกคันขอให้อยู่ด้านในอย่าเพิ่งขี่ออกมาครับ เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศขอความร่วมมือ ซึ่งก็ได้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม


ช่วงที่เดินมาที่เทศบาลและช่วงที่อยู่ในเทศบาลท้องฟ้าออกจะอึมครึม มีฝนโปรยบ้างเล็กน้อย แต่พอขบวนแห่เริ่มต้นขึ้น ท้องฟ้าที่อึมครึมก็พลันหายไปในพริบตา แสงแดดที่สาดส่องลงมาเบื้องล่าง สะท้อนกับเสื้อผ้าหลากสีของผู้แสดงทำให้ขบวนแห่นี้น่ามองน่าชมยิ่งนัก

สองสาวผู้ไทยที่ถือป้ายนี้โฆษกประกาศแต่จำไม่ได้ว่าคือใคร แต่รู้ว่าเธอทั้งสองเป็นผู้สร้างชื่อเสียงไม่ทางใดทางหนึ่งให้หมู่บ้าน (ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเช่นนั้น) ส่วนขบวนที่ตามมา ผู้สาวแต่ละคนก็งามไม่แพ้กัน จะสังเกตได้ว่าขบวนแห่นี้จะมีผู้สาวมากกว่าผู้บ่าว ผู้บ่าวจะมีอยู่บ้างก็เห็นจะไม่มาก เป็นประเภทพวกสร้างสีสัน เป็นตัวประกอบที่ทำให้ขบวนแห่แต่ละชุดดูน่าสนุกน่าดูยิ่งขึ้น



แต่ไม่รู้ว่าฟ้าจะเป็นการทดสอบงานประเพณีแห่ในครั้งนี้หรือไม่ แสงแดดที่ส่องลงมาในยามบ่ายกว่าๆ แบบนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่แดดแรงที่สุดของวัน บางครั้งทำให้รู้สึกแสบไปทั้งหน้าและขา ที่สำคัญขบวนแห่นี้เดินหันหน้าเข้าหาดวงตะวัน ยิ่งเหมือนเป็นการถูกทดสอบโดยฟ้าเบื้องบน แต่ทุกคนก็ไม่บ่น ตั้งใจร่วมงานกันอย่างเต็มที่ แม้แดดจะแรงไปบ้าง แม้จะร้อนไปบ้าง ก็อาจทำให้หลายต่อหลายคนอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทุกคนก็ยังตั้งใจเดินหน้ากันต่อไป เพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่หวังไว้ ตลอดเส้นทางเกือบ 1 กม. ขบวนค่อยเคลื่อนไปอย่างทีละนิดๆ ทุกคนก็ยังมีรอยยิ้มให้แก่ผู้ชมสองข้างทาง ที่ต่างมารอชมและให้กำลังใจอยู่เป็นเรือนพันเรือนหมื่น


วันนี้บรรดานักข่าวแต่ละสถานีก็ต่างเลือกหามุมสวย มุมดีๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามให้แก่ผู้ชมทางบ้านที่รอชมผ่านการถ่ายทอดสด ผมเองก็ได้มีโอกาสติดไปกับรถพ่วงข้างของสถานีสปริงนิวส์ด้วย แบบเนียนๆ เนื่องจากมีตากล้องอิสระอีกท่าน เห็นรถพ่วงข้างนี้ผ่านมาก็พูดขึ้นว่า มาพวกเราตากล้องออกไปหามุมดีๆ เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ กัน ผมเองที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็พลอยได้อนิสงฆ์ไปด้วยเลยอย่างเนียนๆ นั่งไปกับเขาด้วย สบายเลยครับ  สำหรับผู้ชมสองข้างทางก็สบายหน่อย อาศัยร่มเงาคอยเป็นที่กำบังแดดให้


เสียดายที่เส้นทางไม่มีช่วงโค้ง เป็นเส้นทางตรงตั้งแต่ออกจากหน้าเทศบาลไปยังหน้าวัดถ้ามีช่วงโค้งและอยู่มุมที่สูงก็น่าจะได้มุมที่สวยมากกว่าเส้นทางตรงๆ แต่ก็ไม่เป็นไร เก็บภาพและบรรยากาศไปเรื่อยๆ ขบวนยังไม่หมดเท่านี้ ท้ายขบวนยังไมได้เคลื่อนตัวออกมาจากเทศบาล


ตอนนี้ขบวนชุดสุดท้ายน่าจะเคลื่อนตัวออกจากที่เทศบาลแล้ว แต่หัวขบวนเพิ่งจะมาถึงครึ่งทาง ขบวนแห่นี้มีผู้แสดงหลายหมู่บ้าน จำนวนผู้แสดงร่วมพันคน ซึ่งการแห่นี้ชาวผู้ไทย หรือไม่ว่าจะเป็นชนไหนๆ ขอให้เป็นงานบุญงานประเพณีแล้ว คนอีสานล้วนทุ่มสุดตัว ไม่ว่าเสื้อผ้าหน้าผม เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ เรียกกว่าจัดเต็ม ทำให้งานออกมาดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าเป็นเช่นนั้น





ใช่ว่าขบวนแห่จะมีแค่การแต่งกายและประดับรถแห่ให้ดูยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว ขบวนแห่นี้ยังเล่าเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนวิถีชิวิตของคนท้องถิ่นของชาวอีสาน ที่ดำรงอยู่ได้อย่างเรียบง่าย ตลอดจนดำรงอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ในหลวงได้ทรงปฏิบัติ






การแสดง การฟ้อน การร่ายรำยังมีให้เห็นตลอดขบวน และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่โดนเด่นไม่แพ้กัน ก็คือชุดที่ร่วมแสดงใส่ เป็นชุดผ้าทอที่มีเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น อาทิ ผ้าพื้นเมือง ผ้าลายขิด ผ้าลายดอก ผ้าไหมมัดหมี่ หรือแม้กระทั่งผ้าไหมแพรวา ก็เป็นอีกอาชีพท้องถิ่นของที่นี่เช่นกันครับ


ข้อความเต็ม ไปต่อที่ Part II นะครับ http://pantip.com/topic/33519152 อมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่