**ก่อนอื่นต้องบอกก่อนครับว่าทางซัมซุงได้ให้โอกาสผมไปทดลองใช้ Galaxy S6 ผมเลยถือโอกาสเอามาเทียบกับ iPhone 6 ที่มี แล้วถ่ายเทียบกันดู เพื่อดูว่าในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันที่สุด (ถือคู่กัน) ภาพจะออกมาแตกต่างกันยังไงบ้าง ส่วนเนื้อหาในกระทู้ขอยกให้เป็นวิจารณญาณของผู้อ่านครับ**
ในงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ S6 edge มีสิ่งนึงที่เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูได้พอสมควร และก็เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง นั่นคือ กล้องของ Galaxy S6 ดีกว่า กล้องมือถือที่ได้รับการยอมรับว่าดีอันดับต้นๆ อย่าง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จริงหรือ ?

(ภาพจากงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558)
(ข้อมูลกล้องหลังของ Galaxy S6 และ iPhone 6 )
ก่อนที่จะไปดูภาพกัน ก็ต้องบอกก่อน ว่าภาพจากทั้ง S6 และ i6 (ขอย่อแบบนี้ละกันนะครับ เพื่อความสะดวก) ที่เอามาลงเทียบกัน ผมจะใช้โหมดเดียวกัน สภาพแสงเดียวกัน กด(แทบจะ)พร้อมกัน วัดแสงและโฟกัสจุดเดียวกัน ในสภาพแสงต่างๆ และภาพไม่มีการตกแต่งใดๆ เป็นภาพ default จากกล้องเลยครับ และสถานการณ์ที่ผมทดลองถ่ายคือการถ่ายแฟชั่นตอนกลางคืน (ขอบคุณเสื้อผ้า Vickteerut
คอเล็คชั่นล่าสุดมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ผมลองถ่ายในสภาพแสงน้อย เพื่อดึงความสามารถของแต่ละกล้องออกมาให้เห็นกันชัดๆครับ

(ภาพเบื่องหลังการถ่ายครับ ผมวางคู่กันเลย เพื่อให้ได้มุมและแสงใกล้เคียงกันที่สุดครับ)
มาเริ่มกันที่ยกแรก #เสียงระฆังเริ่มชก
นางแบบยืนอยู่ระหว่างไฟ 2 สี (แดงและเขียว) และมีไฟสีฟ้าอมเขียวอีกดวง ยิงย้อนมาจากด้านหลัง
สภาพย้อนแสง และสีเพี้ยนแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ปรกติก็ค่อนข้างลำบากในการถ่ายภาพอยู่แล้ว ลองดูครับ ว่าภาพทั้ง S6 และ i6 จะออกมาเป็นยังไงบ้าง

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / เปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
จะเห็นว่า ภาพจาก S6 แสงแฟลร์ด้านหลังจะฟุ้งกว่า ภาพจาก i6 อย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ S6 ใช้รูรับแสงขนาด ƒ/1.9 ซึ่งเป็นรูรับแสงที่กว้างกว่า จึงทำให้ภาพสว่างกว่าแสงฟุ้งมากกว่า ในขณะที่ i6 ใช้รูรับแสงขนาด ƒ/2.2

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / เปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้ผมเปลี่ยนมุม หลบไม่ให้ย้อนแสงโดยตรง สีจาก Galaxy S6 ค่อนข้างตรงกับสีไฟจริง ส่วน iPhone 6 สีจะอมฟ้ากว่าไฟที่ใช้จริง (ไฟที่ยิงย้อนข้างหลังเป็นสีฟ้าอมเขียวครับ)
#ความเห็นส่วนตัว
สำหรับยกที่1นี้ผมให้เสมอกัน ทั้งคู่ถ่ายย้อนแสงออกมาได้ดีกว่าที่ผมคิดทั้งๆที่เป็นโหมด auto
ยกที่ 2
คราวนี้ลองแบบไม่ย้อนแสงบ้าง เปิดไฟในห้องและเพิ่มไฟสีฟ้ายิงเข้าตรงๆอีก 1 ดวง

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
สิ่งที่ผมสังเกตได้ชัดตั้งแต่ตอนถ่ายคือภาพจาก Galaxy S6 สีอิ่ม และคอนทราสดีกว่าทางฝั่ง iPhone 6 พอสมควร ตอนแรกผมคิดว่าต่างกันเยอะเพราะหน้าจอมือถือต่างกัน แต่พอมาดูในคอม ก็ยังเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน และเมื่อเจอแสงสีฟ้าเพี้ยนๆ บวกกับเสื้อขาวเข้าไป S6 รักษารายละเอียดของเสื้อผ้าได้ดีกว่า i6
ลองย้ายมาอีกมุม ใช้ไฟจากในห้อง ไฟในตู้โทรศัพท์ และเติมแสงไฟสีฟ้าเข้าไปที่นางแบบอีกดวงเหมือนเดิม

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
สีของ Galaxy S6 ออกมาดีกว่า iPhone 6 ทั้งเรื่องความถูกต้องของสี (ค่อนข้างตรงกับสีไฟที่ใช้จริง) ความอิ่มสี คอนทราส และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า Galaxy S6 จัดการเรื่อง noise ได้ดีกว่า iPhone 6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะขาดครับ ผมชอบที่ความอิ่มสี ความถูกต้องของสี คอนทราส และการจัดการ noise การเก็บรายละเอียด ซึ่งทุกอย่างทำได้ดีกว่าใน iPhone 6 อย่างเห็นได้ชัด
ยกที่ 3
เราลองย้ายมาที่บาร์ เพื่อให้เห็นบรรยากาศด้านหลังที่แสงค่อนข้างน้อย ใช้ไฟ 2 ตัว 2สี

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้ตัดสินกันได้ค่อนข้างลำบาก เก็บแสงฉากหลังได้ดีพอๆกัน ต่างกันแค่เรื่อง Contrast และความอิ่มสีที่ S6 ทำออกมาได้ดีกว่าเล็กน้อย(และถ้าลองสังเกตหน้าจอมือถือที่วางไว้ดีๆจะเห็นว่า S6 เก็บรายละเอียดได้ครบกว่า i6)
#ความเห็นส่วนตัว
ตอนแรกผมกะว่าจะให้เสมอกัน แต่พอซูมดูสังเกตรายละเอียด ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะคะแนนละกันครับ ถึงแม้ภาพที่ออกมาจะทำได้ดีทั้งคู่ แต่ใจผมก็กดให้คะแนน S6 มากกว่าในเรื่องของการเก็บรายละเอียดครับ
ยกที่ 4
ฉากหลังเป็นรถสีดำ เปิดไฟสีขาว(Daylight) เข้าไปด้านหน้า 1ดวง
ผมใช้โหมด Pro (ใน Galaxy S6 จะให้เราตั้งค่า iso และความสว่างได้ ส่วนใน iPhone ผมกดหน้าจอค้างไว้ กล้องจะล๊อคความสว่าง และปรับความสว่างได้โดยการเลื่อนนิ้วขึ้น-ลง)

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
ช๊อตนี้ เรื่องการควบคุมความสว่างทำได้ดีทั้งคู่ แต่ผมชอบสีจาก S6 มากกว่า เพราะให้ skin tone ดูเป็นธรรมชาติไม่อมเขียวเหมือนภาพจาก i6
setting เดิมอีกสักรูป

(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
จะเห็นว่า Galaxy S6 ก็ยังคงวัดแสง และเก็บ skin tone ได้ดีกว่า iPhone 6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
สำหรับผม ยกนี้ Galaxy S6 ชนะคะแนนไปในเรื่องสีและskin tone ซึ่งทำออกมาได้ถูกใจผมมากกว่าครับ
ยกที่ 5 (ผมเปลี่ยนมาใช้ iPhone 6 Plus แทนนะครับ)
ลองย้ายมาริมถนนบ้าง ฉากหลังมีแค่ไฟจากรถที่ผ่านไปมา และไฟถนน เพิ่มไฟสีม่วงแดง ที่นางแบบ 1 ดวง เพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับกล้อง

(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
Galaxy S6 ให้สีออกมาเหมือนที่ตาเห็น ส่วน iPhone แก้ WB ให้สีขาวใกล้เคียงสีขาวมากกว่า
ทีนี้มาลองใช้ไฟสีขาวบ้าง (Daylight)

(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้เป็นการยืนยันว่า S6 เก็บรายละเอียดผิว และให้สีผิวที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า i6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะ เพราะเก็บสีได้ตรงกับที่ตาเห็น และให้สีผิวที่สวยกว่าครับ
ยกที่สุดท้าย #ถ้าเป็นนักมวยก็คงหอบแฮ้กๆ
กำแพงขาว และโคมไฟสว่างมว้ากกก 1 ดวง ผมใช้โหมดควบคุมแสง (โหมด Pro) เพราะความสว่างแสงต่างกันมว้ากก แบบถ้า auto แล้วเละเทะทั้ง2ฝ่าย

(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
ช๊อตนี้จะเห็นว่า S6 เก็บรายละเอียดบริเวณกำแพงที่โดนไฟแรงๆได้ครบกว่า และ S6 ให้สีเหมือนที่ตาเห็น ส่วน auto WB ของ i6 แก้สีจนกำแพงเกือบขาว
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ว่ากันด้วยเรื่อง auto White Balance ซึ่ง Galaxy S6 ให้สีที่ใกล้เคียงตาเห็นมากกว่า ส่วน iPhone 6 Plus แก้ปัญหาสีอมเหลืองได้ดีกว่า แล้วแต่สถานการณ์และรสนิยมครับ ส่วนเรื่องการวัดแสงและการเก็บรายละเอียด ผมให้ Galaxy S6 ชนะครับ
สรุปคะแนน!
สำหรับตัวผมเอง ให้ Galaxy S6 ชนะ iPhone 6 ไปด้วยคะแนน ชนะ 5 : เสมอ 1
สิ่งที่ Galaxy S6 ทำได้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัดคือ การเก็บรายละเอียดในภาพ การจัดการ noise และด้วยรูรับแสงที่กว้างกว่าจึงทำให้เก็บภาพในสภาพแสงน้อยทำได้ดีกว่า
ส่วนเรื่องการแก้ White Balance ฝั่ง iPhone แก้สีเหลืองได้ดีกว่าก็จริงครับ แต่! ...
ถ้าผมถ่ายภาพด้วยโหมด auto ผมก็ชอบที่จะได้สีเหมือนที่ตาเห็นมากกว่า
เพราะการที่ผมยกมือถือขึ้นมาถ่าย นั่นแปลว่าผมเห็นสิ่งที่ผมชอบ ผมคิดว่ามันสวย ทั้งแสง และสี ผมก็อยากได้ภาพแบบที่ตาผมเห็นครับ
อีกฟังก์ชั่นที่ Galaxy S6 แตกต่างจาก iPhone 6 คือการแยกจุดโฟกัส และจุดวัดแสงออกจากกัน ซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมแสงได้ดีกว่าเดิมมาก

(หน้าจอการใช้งาน การแยกจุดโฟกัสและจุดวัดแสง)
เป็นยังไงกันบ้างครับ ภาพจากสถานการณ์ต่างๆ เทียบกันให้เห็นช๊อตต่อช๊อต
งานนี้ผมมีหน้าที่แค่เอาภาพมาเทียบกันให้ดู ใครชอบกล้องไหน และกล้องไหนดีกว่ากัน คงต้องให้เพื่อนๆเป็นคนตัดสินแล้วหล่ะครับ
ก่อนจบ ผมขอปิดด้วยภาพ Selfie จากนางแบบของเราละกันครับ
อะ แถมๆๆ พอดีหันไปเจอเลยถ่ายมาคิดว่าน่าจะเปรียบเทียบความสามารถกล้องกันได้ดี วัตถุมันวาวในสภาพแสงน้อยครับ
[SR] One night fashion!! ลองถ่ายแฟชั่นกลางคืนด้วย Galaxy S6 vs iPhone 6 เทียบกันช็อตต่อช็อตไปเลย
ในงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ S6 edge มีสิ่งนึงที่เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูได้พอสมควร และก็เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง นั่นคือ กล้องของ Galaxy S6 ดีกว่า กล้องมือถือที่ได้รับการยอมรับว่าดีอันดับต้นๆ อย่าง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จริงหรือ ?
(ภาพจากงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2558)
(ข้อมูลกล้องหลังของ Galaxy S6 และ iPhone 6 )
ก่อนที่จะไปดูภาพกัน ก็ต้องบอกก่อน ว่าภาพจากทั้ง S6 และ i6 (ขอย่อแบบนี้ละกันนะครับ เพื่อความสะดวก) ที่เอามาลงเทียบกัน ผมจะใช้โหมดเดียวกัน สภาพแสงเดียวกัน กด(แทบจะ)พร้อมกัน วัดแสงและโฟกัสจุดเดียวกัน ในสภาพแสงต่างๆ และภาพไม่มีการตกแต่งใดๆ เป็นภาพ default จากกล้องเลยครับ และสถานการณ์ที่ผมทดลองถ่ายคือการถ่ายแฟชั่นตอนกลางคืน (ขอบคุณเสื้อผ้า Vickteerut
คอเล็คชั่นล่าสุดมา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ผมลองถ่ายในสภาพแสงน้อย เพื่อดึงความสามารถของแต่ละกล้องออกมาให้เห็นกันชัดๆครับ
(ภาพเบื่องหลังการถ่ายครับ ผมวางคู่กันเลย เพื่อให้ได้มุมและแสงใกล้เคียงกันที่สุดครับ)
มาเริ่มกันที่ยกแรก #เสียงระฆังเริ่มชก
นางแบบยืนอยู่ระหว่างไฟ 2 สี (แดงและเขียว) และมีไฟสีฟ้าอมเขียวอีกดวง ยิงย้อนมาจากด้านหลัง
สภาพย้อนแสง และสีเพี้ยนแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ปรกติก็ค่อนข้างลำบากในการถ่ายภาพอยู่แล้ว ลองดูครับ ว่าภาพทั้ง S6 และ i6 จะออกมาเป็นยังไงบ้าง
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / เปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
จะเห็นว่า ภาพจาก S6 แสงแฟลร์ด้านหลังจะฟุ้งกว่า ภาพจาก i6 อย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ S6 ใช้รูรับแสงขนาด ƒ/1.9 ซึ่งเป็นรูรับแสงที่กว้างกว่า จึงทำให้ภาพสว่างกว่าแสงฟุ้งมากกว่า ในขณะที่ i6 ใช้รูรับแสงขนาด ƒ/2.2
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / เปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้ผมเปลี่ยนมุม หลบไม่ให้ย้อนแสงโดยตรง สีจาก Galaxy S6 ค่อนข้างตรงกับสีไฟจริง ส่วน iPhone 6 สีจะอมฟ้ากว่าไฟที่ใช้จริง (ไฟที่ยิงย้อนข้างหลังเป็นสีฟ้าอมเขียวครับ)
#ความเห็นส่วนตัว
สำหรับยกที่1นี้ผมให้เสมอกัน ทั้งคู่ถ่ายย้อนแสงออกมาได้ดีกว่าที่ผมคิดทั้งๆที่เป็นโหมด auto
ยกที่ 2
คราวนี้ลองแบบไม่ย้อนแสงบ้าง เปิดไฟในห้องและเพิ่มไฟสีฟ้ายิงเข้าตรงๆอีก 1 ดวง
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
สิ่งที่ผมสังเกตได้ชัดตั้งแต่ตอนถ่ายคือภาพจาก Galaxy S6 สีอิ่ม และคอนทราสดีกว่าทางฝั่ง iPhone 6 พอสมควร ตอนแรกผมคิดว่าต่างกันเยอะเพราะหน้าจอมือถือต่างกัน แต่พอมาดูในคอม ก็ยังเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน และเมื่อเจอแสงสีฟ้าเพี้ยนๆ บวกกับเสื้อขาวเข้าไป S6 รักษารายละเอียดของเสื้อผ้าได้ดีกว่า i6
ลองย้ายมาอีกมุม ใช้ไฟจากในห้อง ไฟในตู้โทรศัพท์ และเติมแสงไฟสีฟ้าเข้าไปที่นางแบบอีกดวงเหมือนเดิม
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
สีของ Galaxy S6 ออกมาดีกว่า iPhone 6 ทั้งเรื่องความถูกต้องของสี (ค่อนข้างตรงกับสีไฟที่ใช้จริง) ความอิ่มสี คอนทราส และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า Galaxy S6 จัดการเรื่อง noise ได้ดีกว่า iPhone 6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะขาดครับ ผมชอบที่ความอิ่มสี ความถูกต้องของสี คอนทราส และการจัดการ noise การเก็บรายละเอียด ซึ่งทุกอย่างทำได้ดีกว่าใน iPhone 6 อย่างเห็นได้ชัด
ยกที่ 3
เราลองย้ายมาที่บาร์ เพื่อให้เห็นบรรยากาศด้านหลังที่แสงค่อนข้างน้อย ใช้ไฟ 2 ตัว 2สี
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้ตัดสินกันได้ค่อนข้างลำบาก เก็บแสงฉากหลังได้ดีพอๆกัน ต่างกันแค่เรื่อง Contrast และความอิ่มสีที่ S6 ทำออกมาได้ดีกว่าเล็กน้อย(และถ้าลองสังเกตหน้าจอมือถือที่วางไว้ดีๆจะเห็นว่า S6 เก็บรายละเอียดได้ครบกว่า i6)
#ความเห็นส่วนตัว
ตอนแรกผมกะว่าจะให้เสมอกัน แต่พอซูมดูสังเกตรายละเอียด ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะคะแนนละกันครับ ถึงแม้ภาพที่ออกมาจะทำได้ดีทั้งคู่ แต่ใจผมก็กดให้คะแนน S6 มากกว่าในเรื่องของการเก็บรายละเอียดครับ
ยกที่ 4
ฉากหลังเป็นรถสีดำ เปิดไฟสีขาว(Daylight) เข้าไปด้านหน้า 1ดวง
ผมใช้โหมด Pro (ใน Galaxy S6 จะให้เราตั้งค่า iso และความสว่างได้ ส่วนใน iPhone ผมกดหน้าจอค้างไว้ กล้องจะล๊อคความสว่าง และปรับความสว่างได้โดยการเลื่อนนิ้วขึ้น-ลง)
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
ช๊อตนี้ เรื่องการควบคุมความสว่างทำได้ดีทั้งคู่ แต่ผมชอบสีจาก S6 มากกว่า เพราะให้ skin tone ดูเป็นธรรมชาติไม่อมเขียวเหมือนภาพจาก i6
setting เดิมอีกสักรูป
(ทั้ง S6 และ i6 ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
จะเห็นว่า Galaxy S6 ก็ยังคงวัดแสง และเก็บ skin tone ได้ดีกว่า iPhone 6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
สำหรับผม ยกนี้ Galaxy S6 ชนะคะแนนไปในเรื่องสีและskin tone ซึ่งทำออกมาได้ถูกใจผมมากกว่าครับ
ยกที่ 5 (ผมเปลี่ยนมาใช้ iPhone 6 Plus แทนนะครับ)
ลองย้ายมาริมถนนบ้าง ฉากหลังมีแค่ไฟจากรถที่ผ่านไปมา และไฟถนน เพิ่มไฟสีม่วงแดง ที่นางแบบ 1 ดวง เพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับกล้อง
(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
Galaxy S6 ให้สีออกมาเหมือนที่ตาเห็น ส่วน iPhone แก้ WB ให้สีขาวใกล้เคียงสีขาวมากกว่า
ทีนี้มาลองใช้ไฟสีขาวบ้าง (Daylight)
(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมด Auto / ปิด HDR / Auto WB / ไม่ได้กดวัดแสง ยกมาแล้วถ่ายเลย)
ช๊อตนี้เป็นการยืนยันว่า S6 เก็บรายละเอียดผิว และให้สีผิวที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า i6 พอสมควร
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ผมให้ Galaxy S6 ชนะ เพราะเก็บสีได้ตรงกับที่ตาเห็น และให้สีผิวที่สวยกว่าครับ
ยกที่สุดท้าย #ถ้าเป็นนักมวยก็คงหอบแฮ้กๆ
กำแพงขาว และโคมไฟสว่างมว้ากกก 1 ดวง ผมใช้โหมดควบคุมแสง (โหมด Pro) เพราะความสว่างแสงต่างกันมว้ากก แบบถ้า auto แล้วเละเทะทั้ง2ฝ่าย
(ทั้ง S6 และ i6 Plus ตั้งค่ากล้องโดยใช้โหมดควบคุมแสง / ปิด HDR / Auto WB / กดวัดแสงที่หน้านางแบบ)
ช๊อตนี้จะเห็นว่า S6 เก็บรายละเอียดบริเวณกำแพงที่โดนไฟแรงๆได้ครบกว่า และ S6 ให้สีเหมือนที่ตาเห็น ส่วน auto WB ของ i6 แก้สีจนกำแพงเกือบขาว
#ความเห็นส่วนตัว
ยกนี้ว่ากันด้วยเรื่อง auto White Balance ซึ่ง Galaxy S6 ให้สีที่ใกล้เคียงตาเห็นมากกว่า ส่วน iPhone 6 Plus แก้ปัญหาสีอมเหลืองได้ดีกว่า แล้วแต่สถานการณ์และรสนิยมครับ ส่วนเรื่องการวัดแสงและการเก็บรายละเอียด ผมให้ Galaxy S6 ชนะครับ
สรุปคะแนน!
สำหรับตัวผมเอง ให้ Galaxy S6 ชนะ iPhone 6 ไปด้วยคะแนน ชนะ 5 : เสมอ 1
สิ่งที่ Galaxy S6 ทำได้ดีกว่าแบบเห็นได้ชัดคือ การเก็บรายละเอียดในภาพ การจัดการ noise และด้วยรูรับแสงที่กว้างกว่าจึงทำให้เก็บภาพในสภาพแสงน้อยทำได้ดีกว่า
ส่วนเรื่องการแก้ White Balance ฝั่ง iPhone แก้สีเหลืองได้ดีกว่าก็จริงครับ แต่! ...
ถ้าผมถ่ายภาพด้วยโหมด auto ผมก็ชอบที่จะได้สีเหมือนที่ตาเห็นมากกว่า
เพราะการที่ผมยกมือถือขึ้นมาถ่าย นั่นแปลว่าผมเห็นสิ่งที่ผมชอบ ผมคิดว่ามันสวย ทั้งแสง และสี ผมก็อยากได้ภาพแบบที่ตาผมเห็นครับ
อีกฟังก์ชั่นที่ Galaxy S6 แตกต่างจาก iPhone 6 คือการแยกจุดโฟกัส และจุดวัดแสงออกจากกัน ซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมแสงได้ดีกว่าเดิมมาก
(หน้าจอการใช้งาน การแยกจุดโฟกัสและจุดวัดแสง)
เป็นยังไงกันบ้างครับ ภาพจากสถานการณ์ต่างๆ เทียบกันให้เห็นช๊อตต่อช๊อต
งานนี้ผมมีหน้าที่แค่เอาภาพมาเทียบกันให้ดู ใครชอบกล้องไหน และกล้องไหนดีกว่ากัน คงต้องให้เพื่อนๆเป็นคนตัดสินแล้วหล่ะครับ
ก่อนจบ ผมขอปิดด้วยภาพ Selfie จากนางแบบของเราละกันครับ
อะ แถมๆๆ พอดีหันไปเจอเลยถ่ายมาคิดว่าน่าจะเปรียบเทียบความสามารถกล้องกันได้ดี วัตถุมันวาวในสภาพแสงน้อยครับ