สวัสดีชาวพันทิปทุกคนค่ะ
นี้เป็นกระทู้แรกของเด็กดอยอายุยี่สิบที่มีแรงบันดาลใจจากหลายๆกระทู้ในเว็บพันทิปนี้
ออกตัวก่อนว่าการไปต่างประเทศครั้งนี้เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเราเอง
ซึ่ง
เราไม่เคยไปไหนไกลๆคนเดียวเลย
ด้วยเหตุผลนี้แหละเรามาดูกันว่าผู้หญิงอายุยี่สิบที่ไม่เคยไปไหนไกล หรือไม่เคยนั่งรถเมลล์ หรือใช้รถไฟฟ้า
รวมทั้งภาษาอังกฤษง่อยๆ จะใช้ชีวิตต่างแดนเป็นเวลาห้าวันยังไง ??
ขอต้อนรับทุกท่านสู่ประสบการณ์การ การร่อนเร่พเนจรต่างแดนของเด็กดอย ผู้พกพาสกิลภาษาอังกฤษระดับง่อยๆ เยือนต่างแดนครั้งแรกได้เลยค่า


ด่านแรก
ก่อนอื่นอุปสรรคสำคัญของเราหรือหลายๆคนอาจจะประสบปัญหาแบบเรา
คือ "การคุยกับพ่อแม่"
ซึ่งมันเป็นเรื่องหนักใจสำหรับเราเลยทีเดียวเนื่องจากสาเหตุอย่างที่บอกไปข้างต้น
บวกกับเราเป็นลูกคนเล็กและเป็นผู้หญิงด้วย ทำไรก็ไม่เคยทำด้วยตัวเอง อยู่ที่บ้านก็มีคนทำให้ตลอด ทำไรต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่
(ปล. ที่บ้านเราพ่อแม่ค่อนข้างเลี้ยงลูกแบบคนหัวโบราณ

)
แต่!ทำไงได้เมื่อความอยากบังเกิดเกินกว่าอะไรจะห้ามไหว บวกความเกรียนและความกล้า บ้าบิ่นเฉพาะตัว
จึงตัดสินใจกดจองตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่นด้วยความงงๆ
เก็บเงินแบบเงียบๆ โดยที่ยังไม่ได้บอกให้ที่บ้านรู้ !!! (นังนี่ช่างกล้าจริงๆ

)
แต่ถึงยังไงความลับมักไม่มีในโลกกกกกกกกก (ก ไก่สามล้านตัว)
เมื่อรวบรวมความกล้าเปิดปากอ้อนวอนขอร้องท่านแม่
(แม่เราเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านคะ ถ้าแม่อนุญาตทุกคนในบ้านก็ไม่มีปัญหา 55

)
สุดท้าย
.
.
.
.
.
แม่ก็ให้ไป เย้ๆ ๆ ๆ

แต่!หยุดก่อน อย่าพึ่งดีใจไป แม่เราให้ไปก็จริงแต่ก็ให้ด้วยความไม่เต็มใจค่ะ
ถึงยังไงขาข้างหนึ่งเราก็แหย่ออกไปนอกกรอบคร่ำครึนี้แล้ว ก็ต้อง The show must go on !
เอา วะ ! ต่อให้ช้างมาฉุด ตูก็ไม่สนแล้ว


15/01/57 ก้าวแรกสู่มาเก๊า ลาสเวกัสแห่งโลกตะวันออก
บอกตรงๆ ถึงแม้จะดีใจในตอนแรกแต่พอถึงวันเดินทางเท่านั้นแหละ รู้สึกไม่เหมือนตัวเองสุดๆ กังวล ผสมกับความตื่นเต้นไปหมด
เหมือนเราไปเผชิญโลกอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ใช่โลกใบเดิมใบเดิมเหมือนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันๆ
(เวอร์ร์ร์มากนังนี่ แหะๆ

ก่อนจะออกทะเลกันไปมากกว่านี้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงกันดีกว่า... )
ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปมาเก๊า โดยสารการบินแอร์เอเชีย สายการบินที่ใครๆก็บินได้ๆ รวมทั้งเด็กดอยแบบเรา
กราบขอบพระคุณแอร์เอเชียมา ณ ที่นี้

(น้ำตาจิไหลลลลล ถึงแม้จะใช้ตังตัวเองจ่าย 5555 แต่ก็ช่วยเราประหยัดเงินไปได้เยอะ

)
ด้วยเที่ยวบิน FD 752 จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เวลา 11:55 am ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า เวลา 3:25 pm

และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง

ขอสักแชะกับเจ้าหางแดง หนึ่งรูปที่ใครๆก็ควรค่าแก่การถ่ายเก็บไว้

ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การครั้งแรกที่เรานั่งเครื่องบินคะ ที่นั่งของเราคือ 17A

ขาเกือบติดพนักด้านหน้านิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลาอำลาไทยแลนด์แดนสมาย บายๆ เจียงใหม่จ้าว แล้วป๋ะกั๋นใหม่



นี้เป็นหน้าตาอาหารที่เราสั่งจากเว็บไว้กินบนเครื่องค่ะ ถือว่ารสชาติอร่อยใช้ได้เลย

บนเครื่องเรานั่งติดกับคุณตาคุณยายชาวจีนคู่หนึ่ง คุณตาชาวจีนที่นั่งข้างเรา พูดภาษาอังกฤษเก่งมากเลยค่ะ นับถือๆ

แปบๆ เราก็เดินทางมาถึงมาเก๊าโดยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องเราไม่หลับเลยค่ะ เพราตื่นเต้น 555
Helloooooooooo!! MACUA

ก่อนลงจากเครื่องก็ต้องเอากระเป๋าที่อยู่บนที่นั่งของเรา เนื่องจากเรานั่งติดหน้าต่างและนั่งในสุดเลยไม่สามารถเอากระเป๋าได้อย่างสะดวก
แต่คุณยายชาวจีนที่นั่งอยู่ด้านนอกสุด แกใจดีมากพูดเป็นภาษาจีน ที่เราไม่เข้าใจแล้วมโนไปเองว่า
'กระเป๋าด้านในใช่ของเราหรือเปล่า?'
ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าที่มโนไปถูกหรือไม่ แต่หัวเราดันพยักหงึกหงึกไปแล้ว ฮา
พอลงจากเครื่องด้วยความที่ไม่เคยมามาเก๊ามาก่อนไอ้เราก็ไม่รู้ว่าต้องเดินไปไหน ก็เดินตามผู้โดยสารท่านอื่นไป
จนไปเจอกับตม. ความรู้สึกเราตอนนั้นที่เจอตม. บอกตรงๆเลยค่ะ กลัวสุดๆ

ด้วยความที่ไม่เคยมาต่างประเทศเลย พลาสปอร์ตก็ข๊าวขาววววววววจะขาวไปไหน ก็เลยขอไปตั้งหลักในห้องน้ำก่อน
แต่ปรากฏว่ามีแต่คนเข้าห้องน้ำจนแถวล้นออกมาด้านนอก

!!!
เราเลยตัดใจเดินมาต่อแถว เอาวะ!ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน
เด็กดอยเลยต้องจำยอมไปต่อแถวแบบตัวสั่นๆ
ถึงแม้ตอนอยู่ที่ไทยเราเป็นคนกล้ามากๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คนอื่นเค้าไม่ทำกันนั้นไม่อายเลยค่ะ แต่ ณ จุดนั้นเราสั่นจริงๆค่ะ
พอถึงคิวเราเราก็ยื่นพลาสปอร์ต แล้วตีหน้านิ่งๆไว้ เจ้าหน้าที่ก็เปิดพลาสปอร์ตเรา แล้วจ้องเราซักพัก
จากที่พยายามตั้งสติไม่ให้สั่นอีกก็เริ่มสั่นแต่เราก็ทำหน้านิ่งจ้องเจ้าหน้าที่กลับ 555555
เตรียมไฟท์กับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา

สุดท้าย....เค้าก็ให้เราผ่านค่ะ โล่งมากกกกกกกกกกก(ก ไก่ สามพันล้านห้าแสนตัว)


พอออกจากตม.เราก็ไปรับกระเป๋า แล้วเดินตามทางออกไปตามป้าย ตรงนั้นเค้าจะมีเจ้าหน้าที่บอกเราค่ะว่าเราควรเดินออกไปทางไหน
แล้วเราก็เดินออกมาเจอบริเวณนี้

นั่งพักสักแปบ หาข้อมูลว่าเราจะเดินทางไปโรงแรมยังไงดี
สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้วิธีประหยัดเงินค่าเดินทางเหมือนคนไทยหลายๆท่าน ขึ้นรถเมล์ฟรีไปฝากกระเป๋าที่เวเนเชี่ยนคาสิโนก่อน

รถเมล์ของเวเนเชี่ยนคาสิโนแอบเก่านิดนึง คนขับหน้าโหดมากค่ะ 5555
ตอนแรกเรามองหน้าแล้วไม่กล้าขึ้นแต่มีพนักงานเดินมาช่วยเรายกกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถ ไอ้เราก็เลยทำใจกล้าบวกความหน้าด้านขึ้นรถเค้าไป
รถก็ขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าเวเนเชี่ยนคาสิโน

พอถึงเวเนเชี่ยนคาสิโนปุ๊บ เราก็เอากระเป๋าไปฝากบริการฝากกระเป๋าจะอยู่ติดกับประตูที่เราเข้ามาเลยค่ะ
ตอนไปฝากเราก็บอกเค้าว่าเอาไปไว้ที่ west lobby ซึ่งตอนฝากกระเป๋าเจ้าหน้าที่เค้าจะถามเราว่าเราจะผูกป้ายว่านักท่องเที่ยวหรือเปล่า
แต่ตอนนั้นเราฟังไม่ออก เพราะว่าเจ้าหน้าที่เค้าแอบพูดภาษาอังกฤษติดสำเนียงจีน ด้วยความที่ภาษาอังกฤษเราอยู่ในระดับง่อย
เราก็ทำหน้าเอ๋อๆ

จนเจ้าหน้าที่เค้าพูดอีกรอบที่ช้ากว่าเดิมเราถึงจะเข้าใจ
หลังฝากกระเป๋าเสร็จเราก็เดินต่อมาอีกหน่อยเราก็จะเจอกับเจ้านี้

หลังจากถ่ายรูปอยู่แถวนั้นสักพักหนึ่งเราก็ตัดสินใจไปว่าจะไปดูเรือกอนโดล่า เดินวนไปวนมานานพอสมควรก็หาทางไปไม่เจอ
เลยเข้าไวไฟฟรีของเวเนเชี่ยนคาสิโนเข้ากูเกิ้ล ไปเจอกระทู้ที่บอกว่าต้องเดินผ่านส่วนที่เค้าเล่นคาสิโนเข้าไป
เราเลยเดินไปบริเวณนั้นแล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าประตู
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ....
เพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ (เวรแล้วไง

)
เราเลยเปิดรูปให้ดูแล้วบอกว่าเราจะไปตรงนี้จะไปยังไง เค้าก็พูดภาษาจีนใส่เรา
เราเลยใช้วิธีเดิม มโนนั้นเอง !เรามโนว่าเค้าขอพาสปอร์ตเราไปดู เราก็ยื่นให้เค้าดู
ปรากฏว่าสิ่งที่เดาอะถูกด้วย ! (สงสัยว่าชาติที่แล้วเราคงเป็นคนจีนหรือเปล่า)
แต่!! เค้าก็ไม่ให้เราผ่านเข้าไป เงิบบบบบบบบบบบบ-เลยทีเดียว
ยืนเอ๋ออยู่สักพักเจ้าหน้าที่เค้าก็ชี้ปีเกิดในพาสปอร์ตของเราแล้วพูดอะไรสักอย่างที่เราเดาเอาเองว่าอายุเราน่าจะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าได้
เค้าเลยไม่ให้เราผ่านเข้าไป ความคิดตอนนั้นคือ ไหนอายุยี่สิบจะเข้าข้างในได้ไม่ใช่เหรอ
เฟลสักพักเราเลยเดินออกมา ถามพนักงานที่อยู่ร้านแถวนั้นก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อีกแล้ว

เราเลยเดินย้อนกลับไปที่บริการฝากกระเป๋า เผื่อว่าจะเจอพนักงานที่สามารถสื่อสารกับเราได้
จนเราเจอเคาเตอร์ที่เราคิดว่าเค้าน่าจะมีไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวติดต่อเวลามีปัญหา
พอเราเข้าไปสอบถามคร่าวๆ ก็ได้คำตอบ ว่าทางเข้าจะอยู่ขวามือติดประตูแล้วให้ขึ้นไปค่ะ
กว่าจะเจอเล่นซะเราเกือบจะร้องไห้

ภายในก็จะมีร้านค้าต่างๆหลายแบรนด์ แต่ละร้านก็จะออกแบบคล้ายๆอาคารบ้านเรือนที่อิตาลี

คนพายเรือกอนโดล่าเฟรนลี่สุดๆเลยค่ะ โชคดีที่เรากำลังถ่ายรูปตรงนั้นพอดี
แล้วมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเค้าทักทายคนพายเรือกอนโดล่า เค้าเลยเงยหน้าโบกมือให้ เราก็เลยได้อนิจสงส์ถ่ายติดได้มาหนึ่งรูป

เดินเล่นสักพักเราก็เจอบันไดเลื่อน เราเลยใช้บันไดเลื่อนเพื่อที่จะไปรับกระเป๋าแล้วกลับโรงแรม
แต่ตอนที่ใช้บันไดเลื่อนเราก็คิดว่ามันจะต้องไปโผล่ที่main lobbyแน่ๆ แต่พอลงไปมันดันไปโผล่ที่west lobbyได้ไงไม่รู้ งงๆดีเหมือนกัน
พอถึงwest lobbyเราก็ไปเอากระเป๋าแล้วก็เรียกtaxiให้ไปส่งที่โรงแรมค่ะ

ระหว่างทางที่มาโรงแรมเห็นมาเก๊าทาวเวอร์อยู่ไกลๆ เราเลยถ่ายรูปเก็บไว้
หมายเหตุ
-เดี๋ยวมาต่อนะคะ ตัวอักษรใกล้ครบหนึ่งหมื่นตัวแล้ว
-หากผิดพลาดประการใด เราก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ เนื่องจากนี้เป็นกระทู้แรกของเรา
ไม่ว่าจะการใช้ภาษา หรือการเลือกใช้คำที่เยิ่นเย้อ
สุดท้ายขอขอบคุณที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ


[CR] ⊹⊱‧:❉●•﹎.εїз︷✿‧ ✎First Time : [ •Episode 1• ] เด็กดอยท่องโลก ✈ ตอน เยือนมาเก๊า-ฮ่องกง⊰⊹
นี้เป็นกระทู้แรกของเด็กดอยอายุยี่สิบที่มีแรงบันดาลใจจากหลายๆกระทู้ในเว็บพันทิปนี้
ออกตัวก่อนว่าการไปต่างประเทศครั้งนี้เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเราเอง
ซึ่งเราไม่เคยไปไหนไกลๆคนเดียวเลย
ด้วยเหตุผลนี้แหละเรามาดูกันว่าผู้หญิงอายุยี่สิบที่ไม่เคยไปไหนไกล หรือไม่เคยนั่งรถเมลล์ หรือใช้รถไฟฟ้า
รวมทั้งภาษาอังกฤษง่อยๆ จะใช้ชีวิตต่างแดนเป็นเวลาห้าวันยังไง ??
ขอต้อนรับทุกท่านสู่ประสบการณ์การ การร่อนเร่พเนจรต่างแดนของเด็กดอย ผู้พกพาสกิลภาษาอังกฤษระดับง่อยๆ เยือนต่างแดนครั้งแรกได้เลยค่า
ด่านแรก
ก่อนอื่นอุปสรรคสำคัญของเราหรือหลายๆคนอาจจะประสบปัญหาแบบเรา
คือ "การคุยกับพ่อแม่"
ซึ่งมันเป็นเรื่องหนักใจสำหรับเราเลยทีเดียวเนื่องจากสาเหตุอย่างที่บอกไปข้างต้น
บวกกับเราเป็นลูกคนเล็กและเป็นผู้หญิงด้วย ทำไรก็ไม่เคยทำด้วยตัวเอง อยู่ที่บ้านก็มีคนทำให้ตลอด ทำไรต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่
(ปล. ที่บ้านเราพ่อแม่ค่อนข้างเลี้ยงลูกแบบคนหัวโบราณ
แต่!ทำไงได้เมื่อความอยากบังเกิดเกินกว่าอะไรจะห้ามไหว บวกความเกรียนและความกล้า บ้าบิ่นเฉพาะตัว
จึงตัดสินใจกดจองตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่นด้วยความงงๆ
เก็บเงินแบบเงียบๆ โดยที่ยังไม่ได้บอกให้ที่บ้านรู้ !!! (นังนี่ช่างกล้าจริงๆ
แต่ถึงยังไงความลับมักไม่มีในโลกกกกกกกกก (ก ไก่สามล้านตัว)
เมื่อรวบรวมความกล้าเปิดปากอ้อนวอนขอร้องท่านแม่
(แม่เราเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านคะ ถ้าแม่อนุญาตทุกคนในบ้านก็ไม่มีปัญหา 55
สุดท้าย
.
.
.
.
.
แม่ก็ให้ไป เย้ๆ ๆ ๆ
ถึงยังไงขาข้างหนึ่งเราก็แหย่ออกไปนอกกรอบคร่ำครึนี้แล้ว ก็ต้อง The show must go on !
เอา วะ ! ต่อให้ช้างมาฉุด ตูก็ไม่สนแล้ว
15/01/57 ก้าวแรกสู่มาเก๊า ลาสเวกัสแห่งโลกตะวันออก
บอกตรงๆ ถึงแม้จะดีใจในตอนแรกแต่พอถึงวันเดินทางเท่านั้นแหละ รู้สึกไม่เหมือนตัวเองสุดๆ กังวล ผสมกับความตื่นเต้นไปหมด
เหมือนเราไปเผชิญโลกอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไม่ใช่โลกใบเดิมใบเดิมเหมือนที่ใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันๆ
(เวอร์ร์ร์มากนังนี่ แหะๆ
ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปมาเก๊า โดยสารการบินแอร์เอเชีย สายการบินที่ใครๆก็บินได้ๆ รวมทั้งเด็กดอยแบบเรา
กราบขอบพระคุณแอร์เอเชียมา ณ ที่นี้
(น้ำตาจิไหลลลลล ถึงแม้จะใช้ตังตัวเองจ่าย 5555 แต่ก็ช่วยเราประหยัดเงินไปได้เยอะ
ด้วยเที่ยวบิน FD 752 จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เวลา 11:55 am ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า เวลา 3:25 pm
และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
ขอสักแชะกับเจ้าหางแดง หนึ่งรูปที่ใครๆก็ควรค่าแก่การถ่ายเก็บไว้
ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การครั้งแรกที่เรานั่งเครื่องบินคะ ที่นั่งของเราคือ 17A
ขาเกือบติดพนักด้านหน้านิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลาอำลาไทยแลนด์แดนสมาย บายๆ เจียงใหม่จ้าว แล้วป๋ะกั๋นใหม่
นี้เป็นหน้าตาอาหารที่เราสั่งจากเว็บไว้กินบนเครื่องค่ะ ถือว่ารสชาติอร่อยใช้ได้เลย
บนเครื่องเรานั่งติดกับคุณตาคุณยายชาวจีนคู่หนึ่ง คุณตาชาวจีนที่นั่งข้างเรา พูดภาษาอังกฤษเก่งมากเลยค่ะ นับถือๆ
แปบๆ เราก็เดินทางมาถึงมาเก๊าโดยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องเราไม่หลับเลยค่ะ เพราตื่นเต้น 555
Helloooooooooo!! MACUA
ก่อนลงจากเครื่องก็ต้องเอากระเป๋าที่อยู่บนที่นั่งของเรา เนื่องจากเรานั่งติดหน้าต่างและนั่งในสุดเลยไม่สามารถเอากระเป๋าได้อย่างสะดวก
แต่คุณยายชาวจีนที่นั่งอยู่ด้านนอกสุด แกใจดีมากพูดเป็นภาษาจีน ที่เราไม่เข้าใจแล้วมโนไปเองว่า
'กระเป๋าด้านในใช่ของเราหรือเปล่า?'
ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าที่มโนไปถูกหรือไม่ แต่หัวเราดันพยักหงึกหงึกไปแล้ว ฮา
พอลงจากเครื่องด้วยความที่ไม่เคยมามาเก๊ามาก่อนไอ้เราก็ไม่รู้ว่าต้องเดินไปไหน ก็เดินตามผู้โดยสารท่านอื่นไป
จนไปเจอกับตม. ความรู้สึกเราตอนนั้นที่เจอตม. บอกตรงๆเลยค่ะ กลัวสุดๆ
ด้วยความที่ไม่เคยมาต่างประเทศเลย พลาสปอร์ตก็ข๊าวขาววววววววจะขาวไปไหน ก็เลยขอไปตั้งหลักในห้องน้ำก่อน
แต่ปรากฏว่ามีแต่คนเข้าห้องน้ำจนแถวล้นออกมาด้านนอก
เราเลยตัดใจเดินมาต่อแถว เอาวะ!ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน
เด็กดอยเลยต้องจำยอมไปต่อแถวแบบตัวสั่นๆ
ถึงแม้ตอนอยู่ที่ไทยเราเป็นคนกล้ามากๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คนอื่นเค้าไม่ทำกันนั้นไม่อายเลยค่ะ แต่ ณ จุดนั้นเราสั่นจริงๆค่ะ
พอถึงคิวเราเราก็ยื่นพลาสปอร์ต แล้วตีหน้านิ่งๆไว้ เจ้าหน้าที่ก็เปิดพลาสปอร์ตเรา แล้วจ้องเราซักพัก
จากที่พยายามตั้งสติไม่ให้สั่นอีกก็เริ่มสั่นแต่เราก็ทำหน้านิ่งจ้องเจ้าหน้าที่กลับ 555555
เตรียมไฟท์กับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา
สุดท้าย....เค้าก็ให้เราผ่านค่ะ โล่งมากกกกกกกกกกก(ก ไก่ สามพันล้านห้าแสนตัว)
พอออกจากตม.เราก็ไปรับกระเป๋า แล้วเดินตามทางออกไปตามป้าย ตรงนั้นเค้าจะมีเจ้าหน้าที่บอกเราค่ะว่าเราควรเดินออกไปทางไหน
แล้วเราก็เดินออกมาเจอบริเวณนี้
นั่งพักสักแปบ หาข้อมูลว่าเราจะเดินทางไปโรงแรมยังไงดี
สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้วิธีประหยัดเงินค่าเดินทางเหมือนคนไทยหลายๆท่าน ขึ้นรถเมล์ฟรีไปฝากกระเป๋าที่เวเนเชี่ยนคาสิโนก่อน
รถเมล์ของเวเนเชี่ยนคาสิโนแอบเก่านิดนึง คนขับหน้าโหดมากค่ะ 5555
ตอนแรกเรามองหน้าแล้วไม่กล้าขึ้นแต่มีพนักงานเดินมาช่วยเรายกกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถ ไอ้เราก็เลยทำใจกล้าบวกความหน้าด้านขึ้นรถเค้าไป
รถก็ขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าเวเนเชี่ยนคาสิโน
พอถึงเวเนเชี่ยนคาสิโนปุ๊บ เราก็เอากระเป๋าไปฝากบริการฝากกระเป๋าจะอยู่ติดกับประตูที่เราเข้ามาเลยค่ะ
ตอนไปฝากเราก็บอกเค้าว่าเอาไปไว้ที่ west lobby ซึ่งตอนฝากกระเป๋าเจ้าหน้าที่เค้าจะถามเราว่าเราจะผูกป้ายว่านักท่องเที่ยวหรือเปล่า
แต่ตอนนั้นเราฟังไม่ออก เพราะว่าเจ้าหน้าที่เค้าแอบพูดภาษาอังกฤษติดสำเนียงจีน ด้วยความที่ภาษาอังกฤษเราอยู่ในระดับง่อย
เราก็ทำหน้าเอ๋อๆ
หลังฝากกระเป๋าเสร็จเราก็เดินต่อมาอีกหน่อยเราก็จะเจอกับเจ้านี้
หลังจากถ่ายรูปอยู่แถวนั้นสักพักหนึ่งเราก็ตัดสินใจไปว่าจะไปดูเรือกอนโดล่า เดินวนไปวนมานานพอสมควรก็หาทางไปไม่เจอ
เลยเข้าไวไฟฟรีของเวเนเชี่ยนคาสิโนเข้ากูเกิ้ล ไปเจอกระทู้ที่บอกว่าต้องเดินผ่านส่วนที่เค้าเล่นคาสิโนเข้าไป
เราเลยเดินไปบริเวณนั้นแล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าประตู
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ....
เพราะเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ (เวรแล้วไง
เราเลยเปิดรูปให้ดูแล้วบอกว่าเราจะไปตรงนี้จะไปยังไง เค้าก็พูดภาษาจีนใส่เรา
เราเลยใช้วิธีเดิม มโนนั้นเอง !เรามโนว่าเค้าขอพาสปอร์ตเราไปดู เราก็ยื่นให้เค้าดู
ปรากฏว่าสิ่งที่เดาอะถูกด้วย ! (สงสัยว่าชาติที่แล้วเราคงเป็นคนจีนหรือเปล่า)
แต่!! เค้าก็ไม่ให้เราผ่านเข้าไป เงิบบบบบบบบบบบบ-เลยทีเดียว
ยืนเอ๋ออยู่สักพักเจ้าหน้าที่เค้าก็ชี้ปีเกิดในพาสปอร์ตของเราแล้วพูดอะไรสักอย่างที่เราเดาเอาเองว่าอายุเราน่าจะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าได้
เค้าเลยไม่ให้เราผ่านเข้าไป ความคิดตอนนั้นคือ ไหนอายุยี่สิบจะเข้าข้างในได้ไม่ใช่เหรอ
เฟลสักพักเราเลยเดินออกมา ถามพนักงานที่อยู่ร้านแถวนั้นก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้อีกแล้ว
เราเลยเดินย้อนกลับไปที่บริการฝากกระเป๋า เผื่อว่าจะเจอพนักงานที่สามารถสื่อสารกับเราได้
จนเราเจอเคาเตอร์ที่เราคิดว่าเค้าน่าจะมีไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวติดต่อเวลามีปัญหา
พอเราเข้าไปสอบถามคร่าวๆ ก็ได้คำตอบ ว่าทางเข้าจะอยู่ขวามือติดประตูแล้วให้ขึ้นไปค่ะ
กว่าจะเจอเล่นซะเราเกือบจะร้องไห้
ภายในก็จะมีร้านค้าต่างๆหลายแบรนด์ แต่ละร้านก็จะออกแบบคล้ายๆอาคารบ้านเรือนที่อิตาลี
คนพายเรือกอนโดล่าเฟรนลี่สุดๆเลยค่ะ โชคดีที่เรากำลังถ่ายรูปตรงนั้นพอดี
แล้วมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเค้าทักทายคนพายเรือกอนโดล่า เค้าเลยเงยหน้าโบกมือให้ เราก็เลยได้อนิจสงส์ถ่ายติดได้มาหนึ่งรูป
เดินเล่นสักพักเราก็เจอบันไดเลื่อน เราเลยใช้บันไดเลื่อนเพื่อที่จะไปรับกระเป๋าแล้วกลับโรงแรม
แต่ตอนที่ใช้บันไดเลื่อนเราก็คิดว่ามันจะต้องไปโผล่ที่main lobbyแน่ๆ แต่พอลงไปมันดันไปโผล่ที่west lobbyได้ไงไม่รู้ งงๆดีเหมือนกัน
พอถึงwest lobbyเราก็ไปเอากระเป๋าแล้วก็เรียกtaxiให้ไปส่งที่โรงแรมค่ะ
ระหว่างทางที่มาโรงแรมเห็นมาเก๊าทาวเวอร์อยู่ไกลๆ เราเลยถ่ายรูปเก็บไว้
หมายเหตุ
-เดี๋ยวมาต่อนะคะ ตัวอักษรใกล้ครบหนึ่งหมื่นตัวแล้ว
-หากผิดพลาดประการใด เราก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ เนื่องจากนี้เป็นกระทู้แรกของเรา
ไม่ว่าจะการใช้ภาษา หรือการเลือกใช้คำที่เยิ่นเย้อ
สุดท้ายขอขอบคุณที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น