ลากกระเป๋า พาเที่ยว Snow Festival 2015 ที่ Sapporo Otaru Hakodate และแช่ออนเซนที่ Noburibetsu แบบจัดเต็ม!!!

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Pantip สัญญากับตัวเองไว้ว่าหลังจากกลับจากญี่ปุ่นครั้งนี้ ต้องมาเขียนรีวิว ก่อนเขียนผมนั่งไล่ๆดูกระทู้ย้อนไป ยังไม่มีใครเขียนแฮะ เลยขออาสาเขียนแล้วกันนะครับ เผื่อใครจะไปปีหน้า จะได้ตามรอยกันได้ครับ รับรองถ้าอ่านตามผม จะได้ไปเที่ยวฮอกไกโดตอนล่างเกือบครบแล้วล่ะครับ

การไปฮอกไกโดครั้งนี้ เรียกว่าอยู่นอกแผนการ เพราะเมื่อต้นปีที่แล้ว(เดือน มีค.57 )ผมก็เพิ่งไปโตเกียว โอซาก้ามาครับ มีเขียนรีวิวลง pantip ด้วยนะ ลองอ่านกันดูได้ครับ http://pantip.com/topic/31840566 กะว่าปีนี้อยากไปแถบยุโรปมั่ง พอช่วงสักเดือน ตุลาคมก็เริ่มหาข้อมูล แต่เพื่อนผมมันดันอยากไปฮอกไกโดขึ้นมา (เพื่อนคนเดียวกับที่ไปโตเกียวกับผมเนี่ยแหล่ะ) ผมก็สนใจเพราะผมเองชอบหิมะครับ แต่สารภาพเลยว่าเกิดมาไม่เคยสัมผัสหิมะเลย พอลองหาข้อมูล ก็พบว่าช่วงต้น กพ. มันจะมีเทศกาลหิมะที่ซัปโปโรด้วย เลยสนใจมากๆ แต่พอดูราคาตั๋วเครื่องบิน Direct Flight ของการบินไทย พบว่าราคาครึ่งแสน!!! พระเจ้า ล้มเลิกแผนการเลยครับ...อยู่ดีๆวันนึงเลยมานั่งหาตั๋วแบบ Transit ก็เจอว่า Korean Air มีไป ฮออกไกโดราคาแค่ 26,xxx เอง เลยกดจองไปแบบมึนๆ โทรถามเพื่อน เพื่อนบอกไม่พร้อม เพราะจะเริ่มสร้างบ้าน สุดท้ายเลยได้ไปกับภรรยาสองคน โดยทริปผมเป็นทริปหลวมๆนะครับ เน้นกิน และเที่ยวครบโดยไม่เหนื่อยมาก แบบไปจุ่มทีละสิบนาที ค่อยๆเดิน ค่อยๆไป แช่นานๆสบายๆ

การจองโรงแรม ผมจองผ่าน Agoda และ Booking.com นะครับ จองก่อน ไปจ่ายที่โน่น เลื่อนวัน ยกเลิกได้ไม่จำกัด คราวที่ไปโตเกียวเป็นการไปแบบแบคแพคครั้งแรก แต่ครั้งนี้เริ่มเชี่ยวชาญละ หาวันไป เลื่อนไปเลื่อนมาจนพอใจ แต่สุดท้ายก็มีปัญหาอยู่ดี ตามไปเที่ยวพร้อมๆกันเลยครับ


เดินทาง 8 กพ. - 15 กพ. ได้เที่ยว 8 วัน 6 คืนครับ โดยจะเดินทางเป็นวงกลมจาก Chitose > Sapporo > Otaru > Hakodate > Noburibetsu > Chitose แต่บางท่านอาจเดินทางย้อนกลับก็แล้วแต่สะดวกครับ เทศกาลหิมะจัด 5 - 11 กพ.ครับ

วันแรก 8 กพ. 58 ออกเดินทาง


ออกเดินทางโดย KE ครับ เวลา 9.50 เวลาไทย ไปถึง Incheon 18.00 เวลาเกาหลี(ซึ่งตรงกับญี่ปุ่น) และต่อเครื่องจากเกาหลี ไปสนามบิน New Chitose ไปถึงเวลา 21.30 น.

ตรงนี้แหล่ะครับที่เป็นปัญหา เพราะผมเชคตารางรถไฟเที่ยวสุดท้าย จากสนามบิน New Chitose ไปยัง Sapporo ที่ผมจองโรงแมไว้คืนแรก มันหมดเวลา 22.53 ครับ แต่ดูเวลาลงเครื่องผมสิครับ มีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งในการลงเครื่อง เอากระเป๋า ผ่าน ตม. แค่นี้จะพอไหม ก่อนไปผมเครียดมากเลย ถามคนโน้นคนนี้ตลอด มีหลังไมค์ไปถามคุณนายปลาดิบด้วยนะครับ แกก็ใจดีตอบมาให้ว่า วิ่ง!!!ค่ะ วิ่ง!!! 555+ สุดท้ายผมเลยจองโรงแรมที่ Chitose อีกคืนครับ แล้วไป Cancel ที่ Sapporo ได้กำไรมาอีกพันกว่าบาท เพราะที่ Chitose ถูกกว่า ไม่เครียดด้วย


ภาพจากโณงแรม ANA Crown ที่ Chitose ครับ ตอนเช้า ตอนกลางคืนไม่ได้ถ่ายเพราะมาถึงดึก ฉุกละหุกมาก ขอบอกว่าโรงแรมนี้กว้างมากกกก เมื่อเทียบกับ โรงแรมญี่ปุ่นในเมือง ราคาถูกกว่าที่ซัปโปโร่ แต่ห้องกว้างกว่า 2 เท่า แนะนำครับ

วันที่สอง 9 กพ. 58 เที่ยว Snow Fest ที่ Sapporo

ตอนเช้า ก็ออกเดินทางจาก Chitose เข้าเมือง Sapporo เลยครับ เพราะไม่ได้วางแผนจะเที่ยว Chitose ถึงโรงแรมเก้าโมงเช้า ฝากกระเป๋า ออกเที่ยว Snow Fest โลดครับ โย Snow Fest ที่ Sapporo นี้จะจัดหลายที่เลยครับ หาข้อมูลได้ตามหนังสือท่องเที่ยวเลยครับ ไม่ขอบอกรายละเอียด แต่ที่ผมไปก็มีที่ สวน Odori ซึ่งเป็นไซต์หลัก แล้วก็ย่าน Susukino เพราะเดินทางง่ายดีครับ เล่าเรื่องด้วยภาพ ไปดูกันเลย


สถานีรถไฟซัปโปโร ด้านทิศเหนือครับ เป็นสถานีที่ใหญ่มากๆๆๆ มีห้างสามห้างในอาณาบริเวณ แค่คงไปใต้ดินก็เดินได้ทั้งวันแล้วครับ ร้านเยอะมากๆๆๆๆๆ ผมพักโรงแรม Best Western Fino Sapporo ห้องเล็กมากตามประสา รร.ในเมือง แต่อย่างอื่นดีหมดครับ wifi บริการ ตรงข้ามมีร้าน Lawson สะดวกสบาย ใกล้สถานีรถไฟ 100 เมตร


แผนที่ Sapporo ประกอบการเล่าเรื่องครับ

เริ่มดู Snow Fest ที่สวน Odori ก่อน วันที่ไปดูได้ข่าวว่าทีมไทยชนะเลิศด้วยครับ เจ๋งมากๆ


เริ่มต้นเดินกันที่ TV Tower ก่อนเลยครับ ขึ้นรถไฟใต้ดินจากสถานี sapporo สาย Toholine มาลงที่ Odori เลยครับ ขึ้นมาเจอเลย หอนี้คล้ายๆหอคอยโอซาก้าเลย จริงๆน่าจะอันเดียวกัน เพราะจุดประสงค์ตอนสร้างคือเอาไว้ส่งสัญญาณโทรทัศน์ในระบบอานาล๊อค ตอนแรกจะขึ้นไป แต่คนเยอะ เลยเอาไว้ก่อน เดินดูงานก่อนดีกว่า


อันนี้ของกองกำลังป้องกันตนเอง ที่มา Theme Star Wars ของกองกำลังป้องกันตนเองนี่อลังการงานสร้างทุกปีครับ


สถาปัตยกรรมใหญ่โตอลังการ


มี Event บนเวทีด้วย


ส่วนรูปปูทาระบะนี้เป็นอันเล็กๆ กระจายตามทางเดิน


โดเรมอนก็มี


ปราสาทเอลซ่าก็มา


เดินจนสุดทางก็เจอรัฐสภาเก่าของเมืองครับ อยู่สุดทางตะวันตกของสวนเลย

เดินรอบแรกหาของไทยไม่เจอ ได้ข่าวว่าเป็นรูปรถตุ๊กๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวตอนค่ำๆมาเดินใหม่ กลางคืนเขามีเล่นแสงสีด้วยครับ ตอนนี้ไปดูอย่างอื่นก่อน เลยว่าจะเดินกลับไปที่ TV  tower แต่ไม่ไหวครับ หนาว ปวดเท้าด้วย เลยขึ้นรถไฟใต้ดินที่ปลายสวน Odori ย้อนกลับมา เดินขึ้นผิดทางไปเจอกับหอนาฬิกาพอดี อยู่ใกล้ๆ TV Tower น่ะแหล่ะครับ


หอนาฬิกาประจำเมือง นาฬิกาที่เห็นนี้ เดินมาร้อยกว่าปีแล้วนะครับ ข้างในตอนนี้เป็นพิพิธพรรณประวัตศาสตร์ไปละ แนะนำว่าถ้าใครจะขึ้นหอ TV tower สามารถมาซื้อตั๋วที่นี่ได้เลย ควบสองแห่งถูกกว่า 200 เยนแน่ะ จากนั้นเดินต่อไปขึ้นหอคอย


ภาพถ่ายยอดนิยมจาก Observation Floor ถ้ามาฤดูอื่นจะเห็นซากุระสวยทีเดียว มาหน้าหนาวก็มีแต่หิมะเต็มไปหมด

หลังจากลงจากหอคอย แฟนผมหิวพอดี เลยพาเดินไปกินที่ตลาดปลานิโจ


ตลาดปลานิโจว


ขายของประมาณนี้ครับ ถ่ายรูปได้นะครับเขาไม่ว่า มีให้ชิมตามทางตลอด

ตลาดนี้เป็นตลาดเช้าที่ขายปลา และอาหารทะเลสดๆ ตามธรรมเนียมตลาดปลาที่ต้องมีร้านขายอาหารเยอะแยะเต็มไปหมด อาหารที่ขึ้นชื่อของ Hokkaido คือปูทาราบะ ปูขน ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน และปลาหมึก แต่ร้านที่ผมเลือกตามหนังสือที่แนะนำคือร้าน Kairen ครับ แนะนำจริงๆ อร่อยมากๆๆๆๆ เคยแต่กินไข่หอยเม่นที่ไทย จะมีกลิ่นคาวๆ แต่ที่นี่ หวานมัน อร่อยมากๆ ไม่มีคาวเลยสักนิด ไข่ปลาแซลม่อนที่ไทยจะออกเค็ม แต่ที่นี่หวาน เค็มนิดๆ อร่อยสุดๆ และหอยเชลล์โฮตาเตะ ที่ไทยจะจืดๆ แต่ที่นี่หวานติดลิ้น โอยยบรรยายยังไงก็ไม่เท่ากินเอง ตอนพิมพ์ผมยังหิวเลย


หน้าร้านเป็นแบบนี้ ร้านอยู่หัวมุมตลาดด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ


ข้าวหน้าทะเลรวมของแฟน


ผมกินแบบแยกเป็นชุด อร่อยสุดๆ ฟินมาก

หลังจากอิ่มแล้วก็เดินต่อไปยังถนนคนเดิน ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกันอีกนั่นแหล่ะ ถนนคนเดินนี้ก็คล้ายๆกับที่โตเกียว โอซาก้า ที่มีหลังคาคลุม และมีร้านรวงขายของข้างทางเพียบครับ เป็นแหล่งช้อปของผู้หญิงเลย โดยเฉพาะคนไทย เจอเพียบตามร้านขายมาสก์เต้าหู้ 555+


ถนนช้อปปิ้ง ทานูกิ

เดินออกมาสุดทางก็เย็นแล้วครับ ว่าจะไปกินบุฟเฟปู Nanda ชื่อดัง แต่คิวเต็ม เลยจองของพรุ่งนี้แทนครับ ใครจะไปแนะนำจองก่อนนะครับ โทรไปจองก็ได้ ยืมโทรศัพท์ที่โรงแรมโทรไป หรือจะไปจองไว้ที่ร้านแบบผมก็ได้ล่วงหน้า...พอจองเสร็จก็ออกมาย่าน Susukino พอดี ชอบ Sapporo ตรงนี้แหล่ะ อยู่ใกล้ๆกัน สะดวกในการเดินทาง


ย่านนี้เป็นย่านที่น่าเดินเหมือนกันครับ อารมณ์คล้ายๆชินจูกุในโตเกียว(แต่เล็กกว่ามาก) ที่นี่ก็มีจัด Snow fest เหมือนกัน แต่ออกแนวแกะสลักน้ำแข็งมากกว่าครับ ไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่


แกะสลักน้ำแข็งแนวๆนี้

จาก Susukino ก็นั่งรถไฟใต้ดินสถานีเดียวย้อนกลับไปที่ Odori เพื่อเดินดูแสงสีต่างๆ


Star Wars ตอนกลางคืนมีแสงสีเสียงอลังการ


ตรงนี้เหมือนมี idol มาร้องเพลงด้วย คนชูป้ายกันเต็มเลย แต่ผมไม่รู้จัก ... ว่าแต่ขาวดีนะ...หิมะอ่ะ อิอิ


เดินมาจนเจอ Thailand...แต่ทว่า แงๆๆๆ พังแล้ว ค้นดูในเนต ก็เจอว่าปั้นเสร็จ คืนนั้นก็พังเลย(คืนก่อนที่ผมว่าวันเดียว) เฮ้อ อุตส่าหวังใจจะมาดู น่าเสียดายมาก เดินจนเสร็จ เหนื่อย กลับโรงแรมนอน

วันที่สาม 10 กพ. ไปโรงแรมช้อคโกแลต โรงเบีย กินปู

ตื่นมาวันนี้ก็ไปโรงงานช้อคโกแลตก่อนเลยครับ ออกมาหน้าโรงแรม โอ้วว หิมะตก ตกแรงด้วยครับ เพิ่งบ่นกับแฟนไปเองว่ามาสองวันแล้วยังไม่เห็นหิมะตกเลย วันนี้ได้เห็นสมใจ


นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tozai มาลงที่ Miyanosawa ออกมาเดินไปอีก 500 เมตร ระหว่างทางหิมะตกเอาๆ แรกๆก็สนุก เดินไปสักพักเริ่มไม่สนุกละครับ หนาว หิมะเกาะตามหัว ตัวเต็มไปหมด เดินมาสักพักก็เจอแนวกำแพงนี้ครับ ถึงสักที


โรงงานผลิตช้อคโกแลตนี้ชื่อ Shiori Koibito Factory ผลิตช้อคโกแลตชื่อดังขายไปทั่วญี่ปุ่น


มาช่วงหิมะตกนี่เขาจะจัดสวนเป็นธีมหมู่บ้านหิมะเลยครับ สวยมากๆ เหมือนเมืองในเทพนิยาย Frozen


สวนสวยดีครับ ถ่ายรูปได้ไม่เบื่อเลย

ตัวอักษรเต็ม ต่อเม้นสองนะ...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่