คงยากจะปฏิเสธนะครับว่า ณ ยุคสมัยปัจจุบันนี้เวทีรางวัลทางสายภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และมีสายตาจากทั่วโลกจับจ้องมากที่สุดนั้นคือรางวัล
Academy Awards หรือที่เราๆคุ้นหูกันในชื่อ
"Oscar" นั่นเอง
นับตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มมีการประกาศผลรางวัลในปี 1929 จวบจนครั้งล่าสุดที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ก็ปาเข้าไปถึง 86 ครั้งเข้าไปแล้วครับ ตลอดระยะเวลายาวนานนี้เองก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญๆและเรื่องราวที่น่าสนใจจะนำมาพูดคุยกันเกิดขึ้นมากมาย
ในโอกาสที่การประกาศผล Academy Awards ประจำปี 2015 กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แล้ว ผมก็ขอเอาเกร็ดน่าสนใจ 77 ข้อของ
Oscar มาเล่าสู่กันฟังดีกว่าครับ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มลุยกันเลยดีกว่าจ้า

-----------------------------------------------------------------
1. | ที่มาของชื่อ Oscar นั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนที่บรรณารักษ์ของสมาพันธ์
Margaret Herrick ได้เห็นเจ้าตุ๊กตาสีทองเป็นครั้งแรกแล้วเธอเผลออุทานออกมาว่า
“โอ้ให้ตาย! ทำไมมันถึงหน้าตาเหมือนลุงออสการ์ของฉันเลยล่ะ!”
2. | ตุ๊กตา Oscar นั้นมีน้ำหนักประมาณ 8.5 ปอนด์ หรือราวๆ 3.8 กิโลกรัม และสูงประมาณ 13.5 นิ้วหรือ 34.5 เซนติเมตร
3. | งานประกาศผลรางวัลครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่
16 พฤษภาคม 1929 ณ โรงแรม
Hollywood Roosevelt โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น เนื่องจากผู้ชนะทุกสาขาจะทราบผลก่อนล่วงหน้าถึง 3 เดือน
4. | และคนๆแรกที่ได้รับรางวัลคือ
Emil Jannings ที่ได้รางวัลสาขานำแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง
The Last Command and The Way of All Flesh (1929)
5. | พรมแดงที่
Dolby Theatre สถานที่จัดงานประกาศผลนั้นมีความยาวทั้งสิ้น 500 ฟุต(152 เมตร) และกว้าง 33 ฟุต (10 เมตร)
6. |
Bob Hope คือผู้ครองสถิติการเป็นพิธีกรในงานวันประกาศผลมากที่สุด คือ 19 ครั้ง
7. | มีบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีชื่อว่า Oscar และได้รับรางวัล Oscar คนๆนั้นได้แก่
Oscar Hammerstein II
8. | ตามปรกติแล้วตุ๊กตา Oscar จะไม่ได้ถือว่าเป็นของผู้ชนะจริงๆเนื่องจากผู้ชนะจะต้อง
เซ็นต์สัญญาว่าจะไม่ขายมันหรือถ้าหากจะขายจะต้องนำมา
ขายคืนให้สมาพันธ์ในราคา 1 เหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ตามกฎนี้ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี 1950 ดังนั้นตุ๊กตา Oscar ของปีก่อนหน้าที่จะมีกฎจึงมีจำนวนหนึ่งที่ถูกนำออกมาขายในตลาดมืด เช่นในปี 2001
Steven Spielberg ได้ซื้อรางวัลของ
Bettie Davis มาในราคาถึง
578,000 เหรียญและนำมันมาบริจาคคืนให้สมาพันธ์ รวมไปถึง Oscar ของ
Orson Welles จากเรื่อง
Citizen Kane (1941) ก็เคยถูกประมูลไปเป็นเงินถึง
800,000 เหรียญเช่นกัน
9. | นอกจากตุ๊กตา Oscar แล้ว อีกสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศรางวัลไม่แพ้กันก็คือประโยคอมตะยามเปิดซองผู้ชนะที่ว่า
“And the winner is …” ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานจนกระทั่งในปี
1989 ถึงได้มีการเปลี่ยนประโยคเป็น
“And the Oscar goes to …” แทนเนื่องด้วยต้องการปรับให้การประกาศผลไม่ออกมาเป็นเหมือนการแข่งขันกันมากเกินไปและเพื่อรักษาความรู้สึกของผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล(มองในแง่ทุกผู้เข้าชิงมีเกียรติเท่ากันไม่มีผู้แพ้ชนะ) อย่างไรก็ตามในปี 2010 ได้มีการนำประโยค “And the winner is …” กลับมาใช้อย่างเฉพาะกิจอีกครั้งโดยไม่ทราบเหตุผลแต่คาดว่าน่าจะเป็นการให้เข้าธีมการย้อนกลับมาเพิ่มจำนวนผู้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมเป็น 10 เรื่องเหมือนยุคแรกๆอีกครั้งนั่นเอง(ประจวบเหมาะปีนั้นมีอดีตผัวเมียอย่าง
James Cameron ละ
Kathryn Bigelow ดันมาเข้าชิงพร้อมกันให้กลายเป็นทอปปิคว่าเป็นการแข่งขันของทั้งคู่ไปเสียอีก และสุดท้ายก็เป็น Kathryn ที่ชนะไปในที่สุด)
10. | สุนทรพจน์ของผู้ชนะที่สั้นที่สุด ณ ปัจจุบันคือคำว่า
“Thank You” ซึ่งถูกกล่าวไว้โดย
William Holden และ
Alfred Hitchcock
11. | มีภาพยนตร์ภาคต่อเพียงสองเรื่องที่ชนะออสการ์คือ
The Godfather : Part II (1974) และ
The Lord of the Rings : The Return of the king (2003)
---------------------------------------------------------------------------------------------

ท่านใดชอบใจถูกใจไว้ใจมีใจและอยากติดตามกันต่อไปยาวๆ ขอแนะนำเพจ
"โรงภาพยนตร์ที่ 3 ที่นั่ง E12"
ว่างๆเมื่อไหร่แวะเข้าไปเยี่ยมชมกันได้จ้า
www.facebook.com/SeatNoE12
- - - จัดหนัก!! รวมเด็ด 77 เกร็ด OSCAR ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน - - -
นับตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มมีการประกาศผลรางวัลในปี 1929 จวบจนครั้งล่าสุดที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ก็ปาเข้าไปถึง 86 ครั้งเข้าไปแล้วครับ ตลอดระยะเวลายาวนานนี้เองก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญๆและเรื่องราวที่น่าสนใจจะนำมาพูดคุยกันเกิดขึ้นมากมาย
ในโอกาสที่การประกาศผล Academy Awards ประจำปี 2015 กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แล้ว ผมก็ขอเอาเกร็ดน่าสนใจ 77 ข้อของ Oscar มาเล่าสู่กันฟังดีกว่าครับ เอาเป็นว่าเรามาเริ่มลุยกันเลยดีกว่าจ้า
1. | ที่มาของชื่อ Oscar นั้นเกิดขึ้นเมื่อตอนที่บรรณารักษ์ของสมาพันธ์ Margaret Herrick ได้เห็นเจ้าตุ๊กตาสีทองเป็นครั้งแรกแล้วเธอเผลออุทานออกมาว่า “โอ้ให้ตาย! ทำไมมันถึงหน้าตาเหมือนลุงออสการ์ของฉันเลยล่ะ!”
2. | ตุ๊กตา Oscar นั้นมีน้ำหนักประมาณ 8.5 ปอนด์ หรือราวๆ 3.8 กิโลกรัม และสูงประมาณ 13.5 นิ้วหรือ 34.5 เซนติเมตร
3. | งานประกาศผลรางวัลครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 1929 ณ โรงแรม Hollywood Roosevelt โดยใช้เวลาไปทั้งสิ้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น เนื่องจากผู้ชนะทุกสาขาจะทราบผลก่อนล่วงหน้าถึง 3 เดือน
4. | และคนๆแรกที่ได้รับรางวัลคือ Emil Jannings ที่ได้รางวัลสาขานำแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Last Command and The Way of All Flesh (1929)
5. | พรมแดงที่ Dolby Theatre สถานที่จัดงานประกาศผลนั้นมีความยาวทั้งสิ้น 500 ฟุต(152 เมตร) และกว้าง 33 ฟุต (10 เมตร)
6. | Bob Hope คือผู้ครองสถิติการเป็นพิธีกรในงานวันประกาศผลมากที่สุด คือ 19 ครั้ง
7. | มีบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีชื่อว่า Oscar และได้รับรางวัล Oscar คนๆนั้นได้แก่ Oscar Hammerstein II
8. | ตามปรกติแล้วตุ๊กตา Oscar จะไม่ได้ถือว่าเป็นของผู้ชนะจริงๆเนื่องจากผู้ชนะจะต้องเซ็นต์สัญญาว่าจะไม่ขายมันหรือถ้าหากจะขายจะต้องนำมาขายคืนให้สมาพันธ์ในราคา 1 เหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ตามกฎนี้ถูกตั้งขึ้นเมื่อปี 1950 ดังนั้นตุ๊กตา Oscar ของปีก่อนหน้าที่จะมีกฎจึงมีจำนวนหนึ่งที่ถูกนำออกมาขายในตลาดมืด เช่นในปี 2001 Steven Spielberg ได้ซื้อรางวัลของ Bettie Davis มาในราคาถึง 578,000 เหรียญและนำมันมาบริจาคคืนให้สมาพันธ์ รวมไปถึง Oscar ของ Orson Welles จากเรื่อง Citizen Kane (1941) ก็เคยถูกประมูลไปเป็นเงินถึง 800,000 เหรียญเช่นกัน
9. | นอกจากตุ๊กตา Oscar แล้ว อีกสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศรางวัลไม่แพ้กันก็คือประโยคอมตะยามเปิดซองผู้ชนะที่ว่า “And the winner is …” ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานจนกระทั่งในปี 1989 ถึงได้มีการเปลี่ยนประโยคเป็น “And the Oscar goes to …” แทนเนื่องด้วยต้องการปรับให้การประกาศผลไม่ออกมาเป็นเหมือนการแข่งขันกันมากเกินไปและเพื่อรักษาความรู้สึกของผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล(มองในแง่ทุกผู้เข้าชิงมีเกียรติเท่ากันไม่มีผู้แพ้ชนะ) อย่างไรก็ตามในปี 2010 ได้มีการนำประโยค “And the winner is …” กลับมาใช้อย่างเฉพาะกิจอีกครั้งโดยไม่ทราบเหตุผลแต่คาดว่าน่าจะเป็นการให้เข้าธีมการย้อนกลับมาเพิ่มจำนวนผู้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมเป็น 10 เรื่องเหมือนยุคแรกๆอีกครั้งนั่นเอง(ประจวบเหมาะปีนั้นมีอดีตผัวเมียอย่าง James Cameron ละ Kathryn Bigelow ดันมาเข้าชิงพร้อมกันให้กลายเป็นทอปปิคว่าเป็นการแข่งขันของทั้งคู่ไปเสียอีก และสุดท้ายก็เป็น Kathryn ที่ชนะไปในที่สุด)
10. | สุนทรพจน์ของผู้ชนะที่สั้นที่สุด ณ ปัจจุบันคือคำว่า “Thank You” ซึ่งถูกกล่าวไว้โดย William Holden และ Alfred Hitchcock
11. | มีภาพยนตร์ภาคต่อเพียงสองเรื่องที่ชนะออสการ์คือ The Godfather : Part II (1974) และ The Lord of the Rings : The Return of the king (2003)
ท่านใดชอบใจถูกใจไว้ใจมีใจและอยากติดตามกันต่อไปยาวๆ ขอแนะนำเพจ "โรงภาพยนตร์ที่ 3 ที่นั่ง E12"
ว่างๆเมื่อไหร่แวะเข้าไปเยี่ยมชมกันได้จ้า www.facebook.com/SeatNoE12