ยอมเพราะรัก...เจ็บเพราะรัก

ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพื่อเตือนใจเพื่อนผู้หญิงด้วยกันว่าอย่าไว้ใจในคำพูด หรือการกระทำของผู้ชายมากเกินไป
เพราะเราไม่รู้เลยว่าคำพูด หรือการกระทำนั้นแฝงไว้ด้วยอะไร ไม่ได้จะบอกว่าผู้ชายจะเป็นแบบที่จะเล่าต่อไปนี้ทุกคน
แต่อยากให้ระวังเอาไว้ จะได้ไม่เจอแบบที่เราเจอ เรื่องราวอาจจะยาวสักหน่อย แต่ถ้ามีเวลาก็ลองอ่านดูค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า เกือบๆ 3 ปีก่อน เรามีโอกาสได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งจากการอบรมในหลักสูตรเดียวกัน (ที่ทำงานเราสองคนอยู่คนละบริษัท แต่ก็เป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกัน) เค้าเข้ามาทำความรู้จักกับเราก่อน ก็ไม่ได้มีอะไร ทักทายถามชื่อ ถามที่ทำงานกันเท่านั้น

เมื่อได้เจอกันอีกครั้งจากการอบรมอีกหลักสูตรหนึ่ง เค้าก็มาขอเบอร์ เราเห็นว่าเพื่อนๆ กันก็ให้เบอร์ไป
แล้วเราก็เริ่มจากการคุย WhatsApp กันมาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนมาคุยไลน์กัน แล้วความสนิทกันก็เพิ่มขึ้น เค้าคุยเก่ง  ถามนู่นถามนี่ ไปทำงานรึยัง งานเป็นงัยมั่ง ยากมั้ย หนักมั้ย ทานข้าวยัง ถึงบ้านรึยัง นอนรึยัง
แล้วเราก็มีนัดเจอกัน ทานข้าวกัน เราสองคนมีโอกาสได้เจอกันบ่อย ทั้งเรื่องงานที่ทำให้เจอกัน มีมาทำงานด้วยกัน สอบใบอนุญาตวิชาชีพเหมือนกันก็นัดกันมาอ่านหนังสือด้วยกัน มีนัดมาเจอกันเอง ความสนิทก็มากขึ้น

เค้ามีการเรียกเราว่า เค้า ตัวเอง บางทีก็เรียก baby โทรคุยกันบ่อยๆ
บางครั้งถ้าเรางอแง ง้องแง้งตามประสาผู้หญิง ... เค้าก็มีบ่น มีขำ ถ้าเรากลับบ้านดึก ก็บอกว่าเราเป็นเด็กดื้อ หรือว่าถ้าเรามีเพื่อนผู้ชาย (เพื่อนจริงๆ) มาส่งเราที่บ้าน ... เค้าก็จะบอกว่าหึง หวง
แล้วก็มีพูดว่าอยากให้เราทำกับข้าวให้กิน อยากให้เรามาอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา
ก็ถ้าเราไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป มันก็ต้องมีคิดบ้างแหละว่าจีบเรา มีใจให้เรา เรายอมรับนะว่าก็แอบมีใจ และเริ่มๆ ชอบเค้าขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

ช่วงที่เราคุยกัน เค้าเรียนโทอยู่ ก็ถือว่าหนักมากสำหรับคนที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แล้วเราก็รู้ว่างานเค้าหนักไม่ใช่น้อย
แต่เค้าก็ยังมีเวลามาเจอกันกับเรา ชวนเราไปอ่านหนังสือด้วยกัน ยังมีแพลนว่าจะไปเรียนต่อโทต่างประเทศด้วยกันเลย
ตอนนั้นมีความสุขมากค่ะ คิดว่าคนนี้คงใช่แล้วสำหรับเรา จากที่เคยมีแฟน แล้วต้องผิดหวังเสียใจ เพราะแฟนเก่าไปมีคนใหม่ พอมีใครเข้ามาจะกี่คนก็ไม่คิดจะคบ จนมาเจอคนนี้ที่คิดว่าน่าจะใช่และจริงจังกับเรา

มีครั้งหนึ่ง เค้าพิมพ์มาว่า อยากกอดเรา ตอนนั้นก็ตกใจนะ อยู่ๆ พิมพ์มาแบบนี้ เพราะยังไม่เคยตกลงเป็นแฟนกัน ก็ถามไปว่าทำมัยพิมพ์มาแบบนี้ เค้าบอกเรียนหนัก งานเยอะ เหนื่อย อยากได้กำลังใจจากเรา อยากกอด
เราก็แบบว่า เอ๋อไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย (แฟนเก่าเคยขอจับมือ ขอหอมแก้ม ก็แค่นั้นจริงๆ)
แต่เวลาที่เจอกัน เราก็ไม่ได้ให้กอดนะ ยังไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อยจะกอดกันได้งัย ใช่มั้ยคะ
อ้อ เรามีแซวกลับไปนะว่า ให้ไปพูดแบบนี้กับแฟนตัวเองสิ ... เค้าก็ตอบกลับมาแบบที่เราทั้งเอ๋อ ทั้งยิ้มไปเลย คือ เค้าบอกว่า ก็เรางัย

แต่วันหนึ่งค่ะ จุดพลิกผันก็เกิดขึ้น
คือเราอยากได้ซื้อโน้ตบุ๊ก ด้วยความที่เราไม่เก่งเอาซะเลยเรื่องไอทีพวกนี้ ตอนเย็นหลังเลิกงาน ก็เลยให้เค้าไปซื้อเป็นเพื่อน
เค้าก็มาช่วยเลือก แล้วเค้าก็มาส่งที่บ้าน ของมันหนักอ่ะนะ เค้าก็เลยช่วยขนเข้ามาในบ้านเรา มาช่วยติดตั้ง ลงโปรแกรม อะไรมากมายที่เราก็ไม่ค่อยรู้ ลองเล่นเครื่องดูว่ามีปัญหาอะไรมั้ย
ต้องบอกก่อนว่า ที่ผ่านมาเค้าเคยมาส่งเราที่บ้าน มานั่งทำงานที่บ้านเรา ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นนะคะ

แต่คืนนั้น เราก็มีอะไรกันค่ะ (ต้องบอกว่าเราเป็นคนต่างจังหวัด แต่เรามีบ้านที่กรุงเทพ เราก็เลยไม่ได้อยู่กับพ่อแม่)
จริงๆ แล้ว เราก็ไม่ได้ยินยอมตั้งแต่แรกนะคะ (กับแฟนเก่าเรา เราก็ไม่เคยมีอะไรกันเลย)
แต่ด้วยคำพูดของเค้า ความไว้ใจ ความเชื่อใจที่เรามีให้เค้า และคิดว่าเค้าจริงจังกับเรา คืนนั้นเราก็เลยยอมเค้า เป็นครั้งแรกของเราค่ะ

ในคืนนั้น ความกลัวเกิดขึ้นค่ะ กลัวเค้าจะหายไป เราก็เลยรวบรวมความกล้า ถามเค้าไปว่า เราเป็นอะไรกัน เราคบกันได้มั้ย
สิ่งที่เค้าตอบกลับมาทำเอาเราหน้าชา ร้องไห้ไปเลย ... เค้าบอกว่า ก็ดูกันอยู่ แต่อย่าปิดกั้นตัวเอง ถ้าเจอใคร ก็ลองคบดู
แล้วเราก็เลยถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคืนนี้ล่ะ ... เค้าก็บอกว่า ก็มีความสุขด้วยกันงัย
... เราไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว ความเสียใจมันกระหน่ำเข้ามา จนเราสับสนว่านี่เราทำอะไรลงไป ยอมเค้าทั้งๆ ที่เค้าเห็นเป็นแค่เรื่องสนุกหรอ

หลังจากวันนั้น เราสองคนก็ยังมีพูดคุยกันอยู่ มีไลน์ มีโทรหา แต่รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่า เค้าไม่เหมือนเดิม คุยไม่เหมือนเดิม ตอบไลน์ช้ากว่าเดิม ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ พอจะนัดเจอกัน เค้าก็บอกว่า เค้าไม่ว่าง ต้องทำรายงาน ต้องทำโปรเจ็กจบ
จนวันหนึ่งเค้าปิดกั้นเฟซบุ๊กเค้าไม่ให้เราเข้าไปดูรูป หรือโพสข้อความอะไรของเค้าได้เลย คิดว่าไม่ได้บล็อก เพราะเรายังเข้าเฟซบุ๊กเค้าได้ แต่ไม่สามารถดูอะไร โพสอะไรได้เลย
... เรารู้แล้วว่าเค้าเริ่มตีตัวออกห่างเราไปทุกที

จริงๆ ช่วงที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ เราเห็นใน facebook เค้ามีถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งหลายรูป แต่ก็เป็นรูปหลายปีละ
เราก็เคยถามว่าใครหรอ แฟนกันรึป่าว เค้าก็บอกว่าไม่ใช่ แค่เพื่อนกัน เราก็เชื่อเค้านะ
... แต่ถึงตอนนี้ เราอาจจะต้องเชื่อแล้วว่า เค้าเป็นแฟนกันใช่มั้ย

ผ่านมา 1 ปี 2 เดือนแล้วค่ะหลังจากคืนนั้นที่เรามีอะไรกัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรายังปักใจเชื่อว่า เค้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เชื่อว่าเรายังเป็นคนสำคัญแบบที่เค้าเคยบอกเรา จะกลับมาคุยกับเราเหมือนเดิม เจอกัน ทานข้าว ดูหนังกันได้เหมือนเดิม เราพยายามจะเจอกับเค้า แต่ก็บอกไม่ว่าง ก็สามารถหาเหตุผลมาบอกเราว่าติดนู่นติดนี่ได้เรื่อยๆ

จริงๆ ใช่ว่าเราไม่เคยคิดจะเลิกยุ่ง เลิกคุย กับเค้านะคะ แต่เพราะมีโอกาสเจอกันเรื่องงาน บางทีเค้าก็โทรเข้าออฟฟิศมาเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องงาน
เราเคยลองเงียบหายไปอาทิตย์หนึ่ง ไม่พิมพ์ไลน์ไปเลย ปรากฏว่า เค้าถามเราว่า หายไปไหน พอเราบอกว่า ก็ไม่ได้อยากคุย อยากเจอกับเราแล้วไม่ใช่หรอ เค้าก็บอกมาว่า ป่าว เดี๋ยวใกล้ว่างละ ว่างแล้วจะบอก แล้วเจอกัน
... มันก็เลยยังทำให้เราหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เราก็เลยกลับไปคุยกะเค้าเหมือนเดิม
แต่สุดท้าย เราก็ไม่ได้เจอกันแบบที่นัดเจอเลยค่ะ จะมีเจอกันบ้างก็เพราะเรื่องงาน หรือไปอบรมด้วยกัน แต่เค้าก็แทบไม่คุยกับเราเลย
และตอนนี้เค้าก็ไม่คุยไลน์กับเราอีกแล้ว วันเกิดเราที่ผ่านมา เค้าก็หายไปเลย ไม่มีแม้แต่ไลน์หรือคำพูดใดๆ

ถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่อยากยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา บางทีเรายังรู้สึกว่าเรื่องคืนนั้นเพิ่งเกิดขึ้นกับเราไม่นาน
เราไม่รู้ว่าเราจะทำใจได้จริงๆ เมื่อไร เราเคยเสียใจ ร้องไห้แทบทุกคืน เคยคิดว่าไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว รู้สึกตัวเองไม่มีค่า ผิดหวังหลายครั้ง จนอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็พยายามนึกถึงพ่อแม่เอาไว้
ที่เราเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ก็เผื่อว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆ คน ไม่ได้บอกนะคะว่าผู้ชายที่พูดจาดี พูดเอาใจ จะเป็นแบบนี้ เพียงแต่อย่าเชื่อ อย่าไว้ใจใครมากเกินไป จะได้ไม่เป็นแบบเราค่ะ

เราก็หวังว่า เราจะทำใจยอมรับ และลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ในสักวัน

ขออภัยถ้ากระทู้มันจะยาวไปหน่อย และขอบคุณที่อดทนอ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่