จากพ่อครัว>>มาเป็นสจ๊วต>>และกำลังจะแปลงร่างเป็น....

.....แอร์
.
.
.
.
.
ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แอร์ จะบ้าหราาาา
แต่เป็นอะไรที่ผมสนใจมานานมากๆ และพยายามที่จะทำให้สำเร็จ
จากตอนแรกที่ผมอยากเป็นพ่อครัว อยากทำอาหาร อยากมีร้านอาหาร ผมก็ทำมันสำเร็จแล้ว ด้วยการจบจากโอเรียลเตน
ตอนนั้นไฟลุกโชติช่วงชัจวาลมาก ออกมาพร้อมกับปฎิธานอันแน่วแน่ว่าจะเป็นเชฟที่ดี และมีร้านเป็นของตัวเองให้ได้

ผมได้งานที่ร้านอาหารโรงแรมดังระดับโลกร้านหนึ่ง แต่ไม่ใช่เชฟนะครับ เป็นผู้ช่วย ตื่นเต้น สนุก ...แต่......เป็นแค่ช่วงแรก
เพราะหลังจากนั้นผมก็พบว่ามันเป็นงานที่หนักมาก หนักจริงๆ คือยืนกันเช้ายันค่ำ หน้าเตาร้อนๆ ท่ามกลางความกดดัน
และที่สำคัญมันช่างสวนทางกับค่าตอบแทนสิ้นดี

ไม่เห็นเหมือนทำกับข้าวที่บ้านเลย  แหง๋ละสิ จะไปเหมือนได้ยังไงอยู่บ้าน ทำไปตีกับแม่ไป ไหนหลานจะมาแอบเอาแป้งไปโรยเล่น
ไหนหมาจะเข้ามาคุ้ยถังขยะหาของกิน
ร้องเพลงเสียงดัง มีเต้นบ้างบางทีถ้ามีเพลง Dance with me tonight ดังขึ้น ทำไปชิมไป ลองใส่นู่นนิดนี่หน่อย โอ้ยฟิน

แต่งานครัวระดับโรงแรมมันไม่ใช่ เขามีสูตรของเขา มีกำหนดระยะเวลา มีกฎเกณฑ์ต่างๆมากมาย คือมันเป็นระบบปกติของเขาและของ
ทั่วโลก ไม่ผิดนะครับ

มันผิดที่ผม ผิดที่แค่อยากจะทำอาหารชิวๆด้วยความรัก อยากลองทำนู่นใส่นี่ อยากคัดแต่ของดีๆสะอาดๆ คือติสต์ไปว่างั้น

สุดท้ายผมจึงลาออก....

ในวันที่ตัดสินใจลาออกคือวันที่มองไปข้างหน้าแล้วพบว่าเราไปถึงตรงนั้นได้ ตรงเชฟดังที่เราปลื้มอยู่ได้
แต่ระหว่างทางหล่ะ ความสุขเราอยู่ตรงไหน
เชฟทำอาหารให้คนทั่วประเทศ หรืออาจมาจากหลายประเทศกิน แต่กลับไม่ทำให้คนที่รักกิน
เชฟไม่กินอาหารข้างนอก
เชฟต้องผ่านความกดดัน
ต้องนอนสะดุ้งเพราะฝันว่าทำอาหารไม่ทัน  ต้อง.........

แล้วไหนล่ะความสุข มันคงจะมีแหละ ไม่งั้นเชฟเค้าไม่ทำมาถึงทุกวันนี้หรอก

แต่ผมมันพวกไม่อดทนไง พวกชอบความสุขแบบฉาบฉวย ง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ 555
วันนั้นผมอยู่ครัวร้อนต้องยืนย่างสารพัดสิ่ง เนื้อ หมู ไก่ กุ้ง หอย หน้ามันแผล็บ ผู้ช่วยลาไปคนหนึ่ง
สรุปเหลือผมอยู่คนเดียว วันนั้นจึงวุ่นวายมาก น้ำสักหยดแทบจะไม่ตกถึงท้อง เลิกงานนั่งหน้าโรงแรม
แล้วคิดว่า
"เมื่อไหร่จะได้เงินเก็บ เมื่อไหร่จะทำความฝันได้" เพราะมันทำ 6วัน  หยุด 1 วัน  วันหยุดที่เหลือผมแทบจะไม่ได้เข้าครัวทำอาหารของตัวเองเลย
เพราะเหนื่อยมาก นอนทั้งวัน แม่ยังบ่นอยากกินยำวุ้นเส้น แต่ทำไม่ไหวจริงๆ ไม่มีเวลาลองทำนู่นๆทำนี่ หรือเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม

คิดๆๆๆ ไปเรื่อย
จนจู่ๆ เจอมอเตอร์ไซต์รับจ้างวิ่งผ่านแล้วไปตัดตรงช่องเล็กๆเพื่อจะข้ามไปอีกเลนส์
โดยไม่ต้องวิ่งไปไกลเพื่อไปติดไฟแดงแล้วถึงจะอ้อมมาเส้นนั้น
พอเห็นดังนั้นก็ นะ บรรลุปรมาตมันว่า เออ บางทีเราอาจไม่ต้องไปทางตรงเพื่อไปให้ถึงฝันอย่างเดียวก็ได้ มันอาจมีทางลัดที่ใกล้กว่า เร็วกว่า
สบายกว่า(นี่มันคนประเภทไหนกัน)
อาจไปซ้ายได้ ขวาดู หรือขับรถก็เร็วดี เผลอๆจะไปถึงที่หมายได้เร็วกว่าการไต่เต้าเอาก็เป็นได้
ว่าแล้วจึงยกหูโทรศัพท์ หาเพื่อคนหนึ่ง......

และทางลัดทำเงิน งานที่สองก็ตามมา






......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่