ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกอื่นที่จะออมให้ได้ดอกผลสูงกว่าเงินฝาก สำหรับคนที่ไม่อยากเสี่ยงมากนัก K-Expert ขอแนะนำทางเลือกในการลงทุน 3 แบบ ตามระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินก้อนนี้ในอนาคต
ระยะสั้น หรือ ระยะเวลาไม่แน่นอน
ถ้าอยากเก็บเงินไว้เพื่อใช้เป็นสภาพคล่อง หรือยังไม่แน่ไม่นอนว่าจะต้องใช้เงินก้อนนี้เมื่อไหร่ แนะนำเป็นพวกกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และสภาพคล่องใกล้เคียงกับการฝากออมทรัพย์มากสุด ถ้าขายกองทุนวันนี้ ก็จะได้รับเงินคืนวันทำการถัดไป (t+1) โดยกองทุนประเภทนี้มีการลงทุนในเงินฝาก พันธบัตร และหุ้นกู้ อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี อัตราผลตอบแทนประมาณ 1-3% ต่อปี ผลตอบแทนจะขึ้นลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี
มีกำหนดระยะเวลาชัดเจน
ถ้ามีแผนที่จะใช้เงินในระยะเวลาที่ชัดเจน ก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนโดยเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แบบกำหนดอายุได้ครับ กองทุนประเภทนี้มีระยะเวลาลงทุนที่ชัดเจน เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของไทยและต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนประมาณ 2-3% ต่อปี ผลตอบแทนที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี แม้ว่าอัตราผลตอบแทนของกองทุนประเภทนี้จะใกล้เคียงกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น แต่เราสามารถทราบผลตอบแทนที่จะได้รับทันทีเมื่อเริ่มลงทุน ขณะที่ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินครับ
เงินเย็น หรือยังไม่มีแผนที่จะใช้ในระยะเวลานานถึงนานมาก
สำหรับเงินเย็นที่ยังไม่มีแผนว่าจะใช้ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า การลงทุนในหุ้นกู้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ โดยหุ้นกู้เป็นตราสารทางการเงินที่บริษัทออกเพื่อระดมทุนจากประชาชนไปใช้ในการดำเนินงานของบริษัท ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นกู้อยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ย โดยมีการจ่ายทุก 3 หรือ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท และดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% การลงทุนหุ้นกู้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรที่มีอายุเท่ากัน แต่หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า เพราะหากบริษัทล้มละลาย นักลงทุนมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินต้นกลับคืนมา ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกู้ควรพิจารณาว่า หุ้นกู้นั้นออกโดยบริษัทใด มีฐานะการเงินเป็นอย่างไร โดยสามารถใช้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจครับ
การลงทุนที่แนะนำข้างต้น แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง ดังนั้น ก่อนลงทุนเราควรศึกษาก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราจะลงทุนมีลักษณะเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงที่เราจะไม่ได้รับเงินต้นคืนมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่ว่าเมื่อเราลงทุนไปแล้ว จะสบายใจได้ว่า การลงทุนครั้งนี้ เราจะได้รับผลตอบแทนเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ และเงินต้นอยู่ครบครับ
อ่านความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติม ได้ที่
http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based14.aspx
หรือมาค้นหาวิธีการลงทุนที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ ได้ที่
http://k-expert.askkbank.com/Pages/CalToolProductRisk.aspx
<คำถามฮิต K-Expert ช่วยตอบ> ลงทุนยังไงดีในยุคดอกเบี้ยต่ำ
ระยะสั้น หรือ ระยะเวลาไม่แน่นอน
ถ้าอยากเก็บเงินไว้เพื่อใช้เป็นสภาพคล่อง หรือยังไม่แน่ไม่นอนว่าจะต้องใช้เงินก้อนนี้เมื่อไหร่ แนะนำเป็นพวกกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และสภาพคล่องใกล้เคียงกับการฝากออมทรัพย์มากสุด ถ้าขายกองทุนวันนี้ ก็จะได้รับเงินคืนวันทำการถัดไป (t+1) โดยกองทุนประเภทนี้มีการลงทุนในเงินฝาก พันธบัตร และหุ้นกู้ อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี อัตราผลตอบแทนประมาณ 1-3% ต่อปี ผลตอบแทนจะขึ้นลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี
มีกำหนดระยะเวลาชัดเจน
ถ้ามีแผนที่จะใช้เงินในระยะเวลาที่ชัดเจน ก็สามารถเพิ่มผลตอบแทนโดยเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้แบบกำหนดอายุได้ครับ กองทุนประเภทนี้มีระยะเวลาลงทุนที่ชัดเจน เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของไทยและต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนประมาณ 2-3% ต่อปี ผลตอบแทนที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี แม้ว่าอัตราผลตอบแทนของกองทุนประเภทนี้จะใกล้เคียงกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น แต่เราสามารถทราบผลตอบแทนที่จะได้รับทันทีเมื่อเริ่มลงทุน ขณะที่ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินครับ
เงินเย็น หรือยังไม่มีแผนที่จะใช้ในระยะเวลานานถึงนานมาก
สำหรับเงินเย็นที่ยังไม่มีแผนว่าจะใช้ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า การลงทุนในหุ้นกู้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ โดยหุ้นกู้เป็นตราสารทางการเงินที่บริษัทออกเพื่อระดมทุนจากประชาชนไปใช้ในการดำเนินงานของบริษัท ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นกู้อยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ย โดยมีการจ่ายทุก 3 หรือ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท และดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% การลงทุนหุ้นกู้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรที่มีอายุเท่ากัน แต่หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า เพราะหากบริษัทล้มละลาย นักลงทุนมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินต้นกลับคืนมา ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกู้ควรพิจารณาว่า หุ้นกู้นั้นออกโดยบริษัทใด มีฐานะการเงินเป็นอย่างไร โดยสามารถใช้การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจครับ
การลงทุนที่แนะนำข้างต้น แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ยังถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง ดังนั้น ก่อนลงทุนเราควรศึกษาก่อนว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราจะลงทุนมีลักษณะเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงที่เราจะไม่ได้รับเงินต้นคืนมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่ว่าเมื่อเราลงทุนไปแล้ว จะสบายใจได้ว่า การลงทุนครั้งนี้ เราจะได้รับผลตอบแทนเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ และเงินต้นอยู่ครบครับ
อ่านความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติม ได้ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/Need-based14.aspx
หรือมาค้นหาวิธีการลงทุนที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ ได้ที่ http://k-expert.askkbank.com/Pages/CalToolProductRisk.aspx