[CR] [[JAPAN DIARY]] บันทึกการเดินทางในวันที่ใครๆ ก็ไปญี่ปุ่น (KYOTO-OSAKA-KOBE-NARA 5 วัน 6 คืน) :: ก่อนการเดินทาง ::

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวพันทิป เรากลับมาจากทริปคันไซ-ญี่ปุ่น (เกียวโต-โอซาก้า-โกเบ-นารา) ได้ประมาณ 2 เดือนเศษ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะรีวิวทริปนี้ดีรึเปล่า เพราะช่วงนี้มีรีวิวเกี่ยวกับญี่ปุ่นเยอะมาก แล้วแต่ละคนก็รีวิวกันไว้ค่อนข้างละเอียดและรูปก็สวยด้วย แต่พอมาคิดอีกที ตอนที่เราวางแผนทริปนี้ จากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเลย เราก็ได้รีวิวจากเพื่อนๆ ที่เคยรีวิวไว้นี่แหละที่ทำให้ทริปนี้ผ่านไปได้ด้วยดี เราก็เลยคิดว่าน่าจะรีวิวทิ้งไว้ เผื่อข้อมูลบางส่วนอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกัน

ก่อนอื่นเราต้องขอออกตัวก่อนว่า รีวิวของเราคงไม่ได้มีข้อมูลมากมายอะไรนัก เพราะมันเป็นทริปสั้นๆ แค่ 5 วันเท่านั้น แต่เราจะพยายามเก็บรายละเอียดที่เราพบเจอมาเล่าให้ฟังในรูปแบบบันทึกการเดินทางก็แล้วกันนะคะ (เนื้อหาอาจจะยาวไปหน่อย เพราะอยากให้อ่านแล้วเหมือนได้เดินทางไปด้วยกัน)


ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นแบบงงๆ ประมาณ 6 สับดาห์ก่อนการเดินทาง เมื่อเราไปคลิ๊กเว็บไซต์แอร์เอเชียเล่นๆ แล้วไปเจอตั๋วเครื่องบินในราคาที่พอรับได้ (ประมาณหมื่นนิดๆ แต่บินตรง) หลังจากคำนวนวันลาที่เหลือน้อยนิดเรียบร้อยแล้ว ปฏิบัติการจองตั๋วเครื่องบินก็เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง แต่ที่เศร้าสุดคือ เราจองตั๋วไปได้แค่วันเดียวก็มีโปรโมชั่นลดอีก 20% แบบว่าได้ค่าที่พัก 2 คืนเลยทีเดียว

หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือหาที่พักด้วยเงื่อนไขคืนละไม่เกิน 1,000 บาทต่อคน และถ้าเป็นไปได้น้องที่ไปด้วยขอเป็นห้องน้ำในตัว แผนการคร่าวๆ (แบบที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้าง) ของเราคือพักที่เกียวโต 1 คืนตามคำแนะนำของเพื่อนที่เคยไปมาแล้ว ส่วนอีก 3 คืนที่เหลือพักที่โอซาก้า

จากรีวิวของเพื่อนๆ ในพันทิปทำให้เราได้ที่พักที่โอกาซ้าก่อนเกียวโต โรงแรมที่เราเลือกคือ Hotel Consort ซึ่งอยู่ติดกับสถานี Nishinakajima-Minmigata ของ Osaka City Subway - Midosuji Line (เป็นชื่อสถานีที่ยาวมาก ไปจนกลับมาแล้วก็ยังจำไม่ได้) ในราคาคนละ 954.79 บาทต่อคืน แบบไม่รวมอาหารเช้า

ส่วนที่พักที่เกียวโต เราไม่สามารถหาได้ตามเงื่อนไขที่วางไว้ในตอนแรก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะที่เกียวโตมีโรงแรมน้อยกว่าที่โอซาก้า และที่สำคัญคือช่วงที่เราไปเริ่มเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว แม้จะยังไม่ถึงช่วงพีค แต่เกียวโตก็เป็นเมืองที่คนนิยมไปชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น

หลังจากที่พยายามเปิด Agoda และ Booking อยู่หลายรอบจนจำนวนห้องว่างลดลงเรื่อยๆ เราก็ตัดสินใจเลือกเกสต์เฮาส์แถววัด Kiyomizu ชื่อ Sim’s Cozy Guesthouse ห้องที่เราจองเป็นแบบ Traditional Standard ห้องน้ำรวม เราเลือกที่นี่เพราะอยากลองนอนบนเสื่อทาทามิแบบคนญี่ปุ่นดูบ้าง ที่สำคัญราคาห้องพักยังอยู่ในงบประมาณที่รับได้คนละ 1,038.27 บาทต่อคืน

จากที่เราเกริ่นไว้ตอนแรกว่าเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นเลย การวางแผนช่วงแรกๆ ก็เลยเป็นอะไรที่งงมากถึงมากที่สุด และอย่างที่หลายๆ คนทราบว่าค่าเดินทางในประเทศญี่ปุ่นมีราคาค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นเราจะต้องวางแผนดีๆ ว่าจะใช้บัตรโดยสารแบบไหนที่จะคุ้มค่าแล้วก็สะดวกที่สุด

เรานั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับบัตรโดยสารหรือ Pass ต่างๆ อยู่เกือบอาทิตย์จนพอเข้าใจคอนเซ็ปต์คร่าวๆ แล้วค่อยมาเลือกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง จากนั้นก็ดูว่าแต่ละที่มีวิธีการเดินทางแบบไหน ช่วงนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแผนที่ของสายรถไฟประเภทต่างๆ (สำหรับเกียวโตอาจจะต้องใช้แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวประกอบด้วย) เพราะเราจะได้วางแผนเที่ยวเป็นโซนๆ ไม่ต้องนั่งรถย้อนไปย้อนมาให้เสียเวลา และถ้าวางแผนดีๆ ก็จะประหยัดค่าเดินทางด้วย

เว็บไซต์ที่เราต้องเปิดบ่อยที่สุดช่วงที่วางแผนทริปนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก http://www.hyperdia.com สำหรับวางแผนการเดินทางโดยสารรถไฟ

แต่ถ้าเป็นการเดินทางโดยรถเมล์ในเกียวโต เราขอแนะนำ http://www.arukumachikyoto.jp เว็บไซต์นี้เราสามารถพิมพ์ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวต้นทางและที่ที่เราต้องการจะไปลงไปได้เลย ผลที่ได้ก็จะเป็นสายรถเมล์ที่ผ่านบริเวณนั้นๆ ชื่อป้ายรถเมล์ ราคาค่าโดยสาร และเวลาเดินทางโดยประมาณ ทำให้เรากำหนดเวลาได้คร่าวๆ ว่าในกรณีที่รถไม่ติดจนเกินไป เราจะต้องใช้เวลาเดินทางมากน้อยแค่ไหน

บัตรโดยสารหรือ Pass ที่เราเลือกจะนึกถึงความสะดวกมากกว่าราคา แต่ก็ต้องไม่แพงจนเกินไป แผนการเดินทางคร่าวๆ ของเราก็เลยออกมาประมาณนี้

วันที่ 1    สนามบินนานาชาติดอนเมือง, กรุงเทพฯ (15.20) – สนามบินนานาชาติคันไซ, โอซาก้า (22.40)
วันที่ 2    สนามบินนานาชาติคันไซ, โอซาก้า – เกียวโต >> ใช้บัตร ICOCA & HARUKA และ Kyoto One-Day Pass (City Bus)
วันที่ 3    เกียวโต – โอซาก้า >> ใช้ Kyoto One Day Pass (City Bus) และบัตร ICOCA
วันที่ 4    โอซาก้า – ฮิเมจิ – โกเบ – โอซาก้า >> ใช้ Kansai Thru Pass (ถ้าไม่มีแผนไปเที่ยวฮิเมจิ มีบัตรประเภทอื่นที่ราคาถูกกว่านี้)
วันที่ 5    โอซาก้า – นารา – โอซาก้า >> ใช้ Kansai Thru Pass
วันที่ 6    โอซาก้า - สนามบินนานาชาติคันไซ, โอซาก้า >> ใช้ Osaka One-Day Pass (Subway + New Tram) และบัตร HARUKA   
วันที่ 7    สนามบินนานาชาติคันไซ, โอซาก้า (00.10) - สนามบินนานาชาติดอนเมือง, กรุงเทพฯ (04.00)

นอกจากตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และบัตรโดยสารแล้ว ก่อนการเดินทางยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เราต้องทำอีกหลายอย่างทั้งซื้อประกันการเดินทาง สั่งอาหารล่วงหน้า ทำ Web Check-in และเช่า Pocket WiFi Router

สำหรับคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำอยู่แล้ว เราแนะนำให้ทำ Web Check-in และสั่งอาหารล่วงหน้า เพราะราคาจะถูกกว่าแถมยังได้น้ำดื่ม 1 ขวดอีกด้วย

Web Check-in ของแอร์เอเชียสามารถทำได้ 14 วันจนถึง 4 ชั่วโมงก่อนกำหนดการเดินทาง ตอนที่เราทำใช้เวลานานมาก ไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์มีปัญหาหรืออยู่ที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตของเราเอง เมื่อทำ Web Check-in เรียบร้อยแล้วจะมี Boarding Pass ส่งมาให้ แต่เราก็ต้องไป Verify Travel Document ที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง ไม่ว่าจะมีกระเป๋าโหลดหรือไม่ก็ตาม แต่แถวสำหรับคนที่ทำ Web Check-in มาก่อนสั้นกว่าแถวปกติมาก โดยเฉพาะขากลับจากญี่ปุ่น

สำหรับ Pocket WiFi Router เราใช้บริการของ www.4gpocketwifi.com/ ผ่าน KTC World Travel Service ราคารวมประกัน 240 บาทต่อวัน (ไม่คิดค่าบริการวันเดินทางไปและกลับ) ที่นี่มีบริการส่งและรับคืนเครื่องฟรีในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในด้วย สะดวกมากสำหรับคนทำงานอย่างเรา

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะสงสัยก็คือไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเป็นแบบ 110V และปลั๊กไฟเป็นขาแบน 2 ขา ถ้าอุปกรณ์ของเราสามารถรองรับไฟฟ้าระหว่าง 100-240V ได้ก็แสดงว่าเอาไปใช้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ แต่อาจจะต้องติด Universal Plug ไปด้วยถ้าปลั๊กของอุปกรณ์นั้นๆ เป็นแบบขากลม

เมื่อวางแผนและเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมออกเดินทางกันได้ Let’s go to KANSAI!
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่