ทำไมสังคมโซเชียลของไทย ถึงเป็นแบบนี้ พอจะให้เกียรติกันบ้างได้มั้ยคะ ลดๆ สักนิดเถอะ

คือได้เจอกับตัวเองเลยเมื่อสักครู่

เรื่องของเรื่องคือ เราได้ไปโพสตอบในกระทู้นึง ที่มีการฉ้อโกงกัน เกี่ยวกับบริษัทที่เปิดเวปค้าขายอุปกรณ์จาก Wacom ว่าบริษัทของเรา กำลังจะได้ร่วมงานกับคนกลุ่มนี้ ก็มีคนเข้ามาบอกให้ลบก่อนโจรจะรู้ตัว จากนั้นตลอดทั้งวันเราก็ได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายท่านนึงมาโดยตลอดทั้งวัน ยันดึกดื่น เพราะเราได้มีการบอกทางเจ้านายไปว่า คนที่บริษัทกำลังจะให้มาดูด้านกฏหมาย เค้าเป็นแบบนี้นะ มีชื่อเสียงในทางไม่ดีนะ

บริษัทเราเป็นบริษัทในญี่ปุ่นค่ะ กำลังจะเปิดสาขาในไทย มีลูกค้าคือกลุ่มไร่พลังงานในลำปาง กำลังคิดจะทำโมเดลไร่พลังงานในเชียงใหม่ เอาไว้เจาะตลาดที่เล็กกว่าไร่พลังงาน จำพวกโรงงานหรือโรงพยาบาลหอพัก อยู่ในระหว่างการดำเนินการเตรียมการบริษัท

บริษัทได้ลงประกาศในเวปไซท์สมัครงานรับตำแหน่ง Law manager แต่มีมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวติดต่อเข้ามาแล้วพูดคุยให้บริษัทจ้างงานเป็น consultant แทน เพราะบริษัทกฏหมายของเค้า ซึ่งเค้าอ้างว่าเป็นเครือบริษัทกฏหมายยักษ์ใหญ่ที่นึง มีระบบจัดการทั้งหมด ทั้งบัญชี จัดตั้งบริษัท และอื่นๆ มีพนักงานที่เข้ามาคุยกับทาง country manager ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางมาดูงานหลายครั้ง เตรียมงานกันไประดับที่ทางบริษัทได้ให้เอกสารสำคัญในการจัดตั้งบริษัทหลายอย่าง รวมทั้งได้มีการขายหุ้นให้แก่คนญี่ปุ่นที่อยู่ในเชียงใหม่บางกลุ่มด้วย ซึ่งยังไม่ได้มีการชำระเงินกันแต่อย่างใด เป็นเพียงขั้นตอนปรกติในการจัดตั้งบริษัท และมีแพลนจะจัดตั้งให้แล้วเสร็จปลายปี 2558

เราก็พูดคุยกับผู้เสียหายทางหลังไมค์เป็นร้อยข้อความค่ะ เพราะมิจฉาชีพได้มีการนัดหมายกับทางเราก่อนหน้าว่าจะเข้ามาในวันพุธ เพื่อเซ็นสัญญาเป็น consult และจะได้เงินค่าจ้างในการจดทะเบียน จัดการบัญชี และภาษี เป็นจำนวน 2 ล้านบาท

เมื่อทางเราได้บอกกับเจ้านายว่าบริษัทนี้น่าจะมีปัญหา เราซึ่งเป็นคนไทยคนเดียวก็ได้บอกกับเจ้านายไปว่า มีกระทู้ในพันทิปอ้างถึงบุคคลเหล่านี้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เจ้านายบอกว่าความผิดยังไม่เกิด แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจ มีการสอบถามแก่ผู้ถือหุ้นว่ามีการชำระเงินไปทางนั้นแล้วหรือยัง

ปรากฏว่ามีหนึ่งรายที่มีภรรยาเป็นคนไทย ให้เช็คไปห้าล้านบาท แต่สั่งจ่ายในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยวันที่คุยกันทางหลังไมค์เป็นวันวีคเอน

ทางผู้เสียหาย พยายามให้ถ่วงเวลาและแนะนำวิธีจับโจรมา โดยบอกว่าบริษัทที่เค้าอ้างเป็นบริษัทกฏหมาย ได้ใช้เลขทะเบียนปลอมเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
ให้นำตำรวจจับได้เลย และไม่ให้ประกันตัว

ทางเจ้านาย ก็วิตกกังวล ทางผู้เสียหายขอชื่อบริษัทไปทางหลังไมค์ครั้งแรกเราไม่ได้ให้ไป เพราะนายบอกว่า มารยาทการใช้โซเชียลของคนไทยมีการแชร์ที่ผิดๆ เยอะ แล้วก็กังวลเรื่องชื่อเสียงบริษัทที่อาจจะไปเอี่ยวหรือมีชื่อไปในทางวิจารณ์ว่า ทำไมถึงโดนหลอกได้ มีผลต่อความมั่นคง

แต่เราก็ดันบอกชื่อไป เพราะว่าทางผู้เสียหาย ถามเหมือนกังวลว่าเราจะเป็นพวกเดียวกับมิจฉาชีพมาหลอกถามข้อมูล

เรากับทางเจ้านายและคนญี่ปุ่นในกลุ่มก็ได้มีการปรึกษากันถึงเรื่องนี้ จึงได้สั่งอายัติเช็คของวันจันทร์ไปก่อน จากนั้น โทรแจ้งบริษัทนี้ว่าขอให้เข้ามาเซ็นสัญญาในวันจันทร์เลย เพราะทางเจ้านายตกลงร่วมกันเห็นว่าใช้ชื่อบริษัทอื่น มาปลอมว่าเป็นบริษัทกฏหมายจริง โดยทางนั้นแจ้งว่าจะมาถึงบ่ายสองโมง

ต่อมาในวันจันทร์เช้า ทางบริษัทกฏหมายโทรแจ้งว่าหาตั๋วเครื่องบินเต็ม ไม่สามารถหาตั๋วมาได้ภายในบ่ายสองโมง ขอมาวันพุธตามปรกติเพราะได้มีการจองตั๋วไว้แล้ว จากนั้นบริษัทกฏหมายคาดว่านำเช็คไปขึ้นเงินแล้วขึ้นไม่ได้จึงติดต่อลูกค้าที่จ่ายเช็คมา ทางลูกค้าบอกว่าอายัติเช็คเพราะว่าต้องการจ่ายให้กับคนญี่ปุ่นด้วยกัน แต่ได้ถามบริษัทกฏหมายไปว่ามีเรื่องอะไรกัน เพราะสามีวิ่งวุ่นเช็คข่าวกันให้วุ่นวาย

ตลอดเวลาที่ทางบริษัทเราติดต่อบริษัทกฏหมายคือเน้นให้เค้าเอาเอกสารรับรองบริษัทตัวจริงมาด้วย เค้าก็เลี่ยงตลอด คิดว่าไฟลท์ไม่เต็มแต่ที่ไม่มาเพราะไม่มีเอกสารตัวจริงมากกว่า

ตลอดทั้งวันจันทร์เราไม่ได้ใช้หลังไมค์เพราะงานยุ่งทั้งวัน งานเข้าทั้งวัน เมื่อมาอ่านตอนกลางคืน จึงทราบว่าพี่เค้ารอ เราก็อธิบายไปตามที่บอกข้างต้นแล้วบอกว่านายไป กทม เพราะ เจ้านายมีประชุมในวันอังคาร แถวพระราม 3

ต่อมาวันอังคาร เจ้านายไปประชุม แล้วจะต้องกลับในเย็นวันเดียวกัน ทางบริษัทกฏหมายติดต่อมาในระหว่างประชุม ว่าอยู่บริเวณเดียวกับที่นายประชุมขอพบกันสักนิดก่อนกลับ พูดคุยเรื่องงาน เจ้านายไปกับลูกน้องหลายคน คนญี่ปุ่นทั้งหมด ก็ได้นัดพบบริเวณเซ็นทรัลพระราม 3

เมื่อเจ้านายกลับมา ก็บอกว่าทางนั้นนัดพบและนำเอกสารสำคัญต่างๆ มาคืนบอกว่าไม่สามารถรับงานนี้ได้ เนื่องจากบางเรื่องไม่ถนัด และมีสเกลที่ใหญ่เกินไป ทางบริษัทเราตรวจสอบได้เอกสารครบถ้วน จึงกลับมาตามปรกติไม่มีเวลาพูดคุยกันมากด้วย เพราะไฟลท์ขากลับไม่ได้ถูกจองเผื่อเวลาในการทำอย่างอื่น จึงรีบกลับ

เราก็มาเช็คหลังไมค์ ผู้เสียหายที่คุยกับเราทางหลังไมค์ แจ้งว่าวันนี้ไปออกสื่อมากมายเรื่องข่าวนี้ วิ่งวุ่นตลอดเวลา เราเลยแจ้งเค้าไปว่าทางเราได้รับเอกสารสำคัญคืนหมดแล้ว และไม่ได้ติดต่อกับทางนั้นแล้ว เพราะทางนั้นถอนตัวไปเอง ผู้เสียหายท่านนี้พยายามให้ทางเราเป็นผู้เสียหายร่วม แต่อย่างที่บอก ทางเรายังไม่ได้เสียหายอะไร และเจ้านายก็ไม่ต้องการให้บริษัทมีชื่อติดเป็นผู้เสียหาย เพราะมันมีผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัท และก็กลัวว่าจะถูกนำไปแชร์ต่อในทางผิดๆ ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการในการจะจัดตั้งมานาน ไม่ต้องการให้มีอะไรมากระทบ เราก็แจ้งเค้าไปดังนั้น

เมื่อสักครู่มาเช็คหลังไมค์ ปรากฏว่าผู้เสียหายที่คุยกับเราทางหลังไมค์ ส่งข้อความมาทำนองว่ามีอารมณ์ เพราะว่าข้อความมาในลักษณะถามว่าไปสอบถามดูไม่เห็นมีใครรู้ว่ามีไร่พลังงานในเชียงใหม่ เดี๋ยวจะมาตั้งกระทู้ถามในพันทิพว่ามีใครรู้จักไร่พลังงานในเชียงใหม่มั้ย (เราไม่เคยบอกว่าเราทำไร่พลังงานในเชียงใหม่นะ เพราะในเชียงใหม่ไม่มีค่ะ ฐานลูกค้าอยู่ที่ลำปาง)

คือประเด็นว่า เค้าคงคิดว่าเราเป็นมิจฉาชีพพวกเดียวกันแล้วมาหลอกถามหรือยังไง แล้วพอบริษํทเราไม่ร่วม ทำไมต้องทำเหมือนกับว่าบริษัทเราอยู่ที่ไหนอย่างไร จะต้องหาความจริงอะไร คือไม่ค่อยชอบใจลักษณะนี้เลย

นายญี่ปุ่นพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ในการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียของไทยต้องระวัง เพราะคนใช้เยอะมาก จะมีบางกลุ่มบางจำพวกที่ไล่ล่าจนเกินความจำเป็น เช่นเกิดความเสียหายเพียงเท่านี้ แต่ต้องลากไส้มาแฉจนหมด บางครั้งไม่มีไส้ให้แฉก็กุขึ้นมาเอง เพราะไม่รู้ใครเป็นใคร โพสอะไรบ้าง

เจ้านายเห็นว่าทางเราไม่ได้เสียหาย จึงไม่ต้องการเป็นส่วนร่วม พอรู้ว่าทางเราไม่เอาด้วย ต้องส่งข้อความมาพูดลักษณะนี้มันไม่น่ารักเลยอ่ะค่ะบอกตรงๆ

เราก็ส่งข้อความกลับไปถามเค้าว่า เค้าคิดว่าเราเป็นมิจฉาชีพเหรอ ทำไมไม่ดูโพสเก่าๆ ของเรา ว่าเราไม่ใช่เพิ่งมาเล่นพันทิพ หรือสมัครมาเพื่อการนี้นะ

คือ มารยาทในการแชร์ หรือในการโพสกระทู้ หรือหาความจริง หรืออะไรก็ตามแต่ จำเป็นต้องเช่นนี้ด้วยเหรอ ทำอย่างไรสังคมโซเชียลของไทยจึงจะมีการ เคารพนับถือกันมากขึ้น ให้เกียรติกันมากขึ้น หรือยังไงซะมันก็คงจะแก้ไม่ได้ เพราะมันไม่รู้ใครเป็นใคร และก็เคยมีทั้งด้านดีและเลวให้ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

เฮ้อ รู้สึกไม่ดีเลย ประเด็นนี้ไม่กล้านำไปบอกเจ้านายด้วยซ้ำว่าเค้าถามมาแบบนี้ คือเจ้านายเคารพคนไทยมากถึงได้จะมาดำเนินการในไทย และคนญี่ปุ่นที่ลงหลักปักฐานในเชียงใหม่เยอะมาก แต่เค้าก็อยู่มานานจนพอรู้ว่าสังคมโซเชียลของไทยเป็นแบบนี้ จึงไม่ต้องการเสี่ยงกับทุกสิ่ง

อยากให้สังคมโซเชียลของไทย ให้เกียรติกันมากขึ้น แม้ว่าคุณยังไม่ได้เคยเจอกันเลยก็ตามนะคะ แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไป ที่จะต้องมีใครพยายามไปหลอกลวงคุณนะคะ

Edit: แก้ไขเว้นวรรค
Edit 2,3 : แก้ไขเพิ่ม tag ให้ตรงกับกระทู้นู้น tag ค่ะ จะได้เห็นจากที่เดียวกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่