ชีวิตกับโอกาสที่สุดไขว่คว้าจนมีวันนี้ของ‘หนุ่ม เดอะวอยซ์’

นำบทสัมภาษณ์ สีหนุ่ม จาก นสพ.คมชัดลึก มาฝากค่ะ
    
          จบการแข่งขันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ รายการประกวดค้นหาเสียงจริง ตัวจริง อย่าง "เดอะวอยซ์ ซีซั่น 3"  ที่ตอนนี้ได้แชมป์คนล่าสุดนั่นก็คือ "หนุ่ม" สมศักดิ์ รินนายรักษ์ หรือ "หนุ่ม เดอะวอยซ์" บุรุษผู้มากับฟันคู่หน้า คือ นามที่ โค้ชประจำทีมอย่าง "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" เป็นผู้มอบให้ เดินทางไกลมาจาก จังหวัดเชียงราย สู่เมืองกรุงเพื่อไขว่คว้าความฝันและโอกาสไปครอบครอง วันนี้หน้าบันเทิง หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก  เลยขอพาหนุ่มหน้ามนคนซื่อคนนี้มาทำความรู้จักกันลึกซึ้งมากกว่าเดิม


         เดอะวอยซ์ ซีซั่น 3

          000หลังจากจบการแข่งขันออกมาแล้วตอนนี้ ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หรือเปล่า

          ความรู้สึกตอนนี้หลังจากจบการประกวดมา หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น มันเร็วมากๆ กับผม บางทีผมเอง ก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย  เงินทุกบาททุกสตางค์ ที่ได้อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ว่าจะนำเงินที่ได้ไปจ่ายหนี้ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา  ที่ทำให้ผมได้เรียนในระดับปริญาตรีต่อ  และคงต้องทำงานในช่วงเวลานี้ที่ได้รับโอกาสให้ดีที่สุด


         000ก่อนจะมาประกวดรายการนี้ เตรียมตัวอย่างไรบ้าง และทราบข่าวว่าโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าจะเก็บเงินมาประกวดรายการนี้ด้วย

          คือเหมือนตอนนั้น ผมตั้งใจแล้วก็อยากจะลองมาดู คือตอนนั้น ผมแค่โพสต์ข้อความที่เป็นความตั้งใจของเรา อาจไม่ได้จริงจังขนาดนั้น แต่พอถึงเวลา ก็ได้ไปจริงๆ ช่วงที่เปิดรับสมัคร เพื่อนผมจะไปสมัครพอดี เลยชวนผมไปออดิชั่นด้วยที่เชียงใหม่ ตื่นเต้นมาก เพราะคนเยอะมาก ผมเลือกใช้เพลง คนลืมช้า ของ โบว์ลิ่ง มานิดา ในการร้องออดิชั่น แต่จริงๆ ทีมงานให้ร้องแค่ 30 วินาทีเท่านั้นแหละ แต่ผมซัดไปเต็มเพลง และพี่ๆ เขา ก็บอกให้ผมร้องเพลงอื่นด้วย แล้วจากนั้น ก็จะมีการประกาศผลทางเว็ปไซต์ ว่าใครเข้ารอบบ้าง บางคนเขาจะมีคนโทรมาบอกแต่วันนั้นผมไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป เลยไปรอดูผลออดิชั่น ที่มหาวิยาลัยคนเดียว พอผลออกเท่านั้นแหละ ผมนี่ดีใจสุด เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยกับการประกวดร้องเพลงในเวทีใหญ่


         000พูดถึงโค้ช "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" และเพื่อนๆ อีก 3 คนที่เข้ามายืนในรอบสุดท้ายด้วยกันหน่อย ทั้ง อิมเมจ บิว และ บอม แต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

          พูดถึงพี่คิ้ม เขาเป็นคนที่น่ารักและอบอุ่นสำหรับผม และเพื่อนๆ ในทีมมาก พี่คิ้มจะคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบลูกทีมทุกคนตลอด คอยแนะนำเรื่องรางต่างๆ เหมือนแม่อีกคนของผมเลยก็ว่าได้ คือผมรู้สึกผูกพันกับพี่คิ้มมากๆ เพราพี่คิ้มจะพูดกรอกหูผมตลอด ด้วยความที่หน้าผมเป็นคนนิ่งๆ เหมือนไม่รับไม่รู้อะไร แต่จริงๆ ผมมฟังอยู่นะ พูดถึงเพื่อนๆ บ้างดีกว่า ที่เข้ารอบสุดท้ายมาด้วยกัน อย่าง "อิมเมจ" สุธิตา ชนะชัยสุวรรณ  เขาจะเป็นคนกินเยอะ ออกแนวโก๊ะๆ แต่เทคนิคการร้องเพลงนี่สุดยอด ส่วน "บิว" จรูญวิทย์ พัวพันวัฒนะ เขาคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่เพื่อนพึ่งพาได้ ดูเป็นงานเป็นการสุดแล้ว  และ  "บอม" ปัญจพล ธรรมสอน โชคดีมาก คือเขาเป็นเด็กเชียงรายเหมือนผม ปกติเราก็จะมีคุยกันบ้าง เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน คือทั้ง 4 คนนี้หลังจากจบการแข่งขันปุ๊บเราก็ได้เจอกันตอนออกไปงาน เดินสายบ้างคงต้องเจอกันอยู่ในช่วงนี้ และแต่ละคนเขาก็เป็นคนดีทั้งนั้นเลย  


         ก่อนจะมาล่าฝันในเมืองหลวง

         000ชีวิตของหนุ่มก่อนจะเข้ามาประกวด อยู่ที่ จ.เชียงราย เป็นอย่างไรบ้าง

          ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ทั่วไปสักเท่าไหร่ จำได้ว่าเด็กๆ ผมทำงานทุกอย่างที่ได้เงินมาแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ครอบครัวไม่เชิงว่าลำบาก คือเราพออยู่พอกิน แต่ที่ผมทำงาน เพราะไม่อยากขอเงินพ่อแม่ใช้  เริ่มจากตอนเรียนอยู่มัธยมต้น ก็ไปทำงานที่โรงงานหม้อดินเผา ได้ค่าจ้างประมาณวันละ 120 บาท สำหรับเด็กคนหนึ่งตอนนั้น ถือว่าเยอะมากแล้ว  พอขึ้นมัธยมปลายเป็นช่วงปิดเทอม ญาติแถวบ้านชวนให้ไปเป็นช่างประปาขุดหลุมขุดบ่อ วางระบบท่อน้ำตามบ้านคน ตึกแถว ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท จนได้เข้าไปช่วยทำระบบกรมชลประทาน ขุดหลุมวางท่อในเหมือง ได้เงินเยอะขึ้นมาหน่อยวันละ 220 บาท

          ผมทำไปเรื่อยๆ จนเปิดเทอมก็เลิก จากตอนนั้นผมเริ่มกลับมาทำงานอีกที ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ผมเรียนอยู่ปี 2 ก็ไปเป็นพนักงานคราวนี้อยู่ยาวเลย เริ่มจากเก็บถ้วยเก็บช้อน แล้วก็ได้ไปเป็นกุ๊กหมักไก่อยู่ในครัว ทำอยู่นานมาก แรกเริ่มได้เงินชั่วโมงละ 27 บาท แล้วก็ปรับขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 40 บาท ก็ทำวันละ 8 ชั่วโมงชีวิตผมถามว่าสู้ชีวิตหรือเปล่า คือผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ครอบครัวผมก็พอกินพอใช้นะ


         000ต้องเดินทางมาตามฝันที่ กรุงเทพฯ ครั้งแรก

          ผมรู้สึกวุ่นวาย มีตึกเต็มไปหมด รู้สึกแปลกตาดี บางทีมีนัดออดิชั่นตอน 10 โมงเช้า แต่กะเวลาไม่ถูก คือเราคุ้นชินกับตอนอยู่ต่างจังหวัด เวลาไปไหนมาไหน ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที แต่กรุงเทพฯ เจอรถติดทีเป็นชั่วโมงก็จะไปช้าตลอด จำได้ว่าตอนขึ้นรถไฟฟ้าคนเดียว งงมาก ดูไม่เป็นว่าป้ายไหนเป็นป้ายไหน แล้วต้องลงตรงไหน ขึ้นๆ ลงๆ อะไรก็ไม่รู้ อาศัยถามเขาตลอด จนไปถูก ตอนนี้เราก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว เอาเข้าจริงๆ กลายเป็นว่าเริ่มเบื่อ หลังๆ เริ่มคิดถึงบ้าน อยากกลับเชียงราย เพราะไม่ได้กลับมาเกือบเดือนแล้ว



         ครอบครัวของหนุ่ม

         000ทราบข่าวมาว่า ตอนที่หนุ่มสมัครเดอะวอยซ์ ทางครอบครัวไม่ค่อยสนับสนุนสักเท่าไหร่

          คือพ่อกับแม่ผมก็ไม่ได้สนับสนุน ว่าต้องเอาดีทางด้านร้องเพลง แรกๆ ก็ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่ารายการนี้เกี่ยวกับอะไร ผมต้องอธิบายว่าเป็นรายการเกี่ยวกับการประกวดร้องเพลง แกก็เหมือนจะเข้าใจ (หัวเราะ) หลังๆ มานี่ได้ข่าวมาว่าเปิดทีวีเชียร์ผมตลอด พอเข้ามาถึงรอบน็อกเอาท์ ก็ได้กลับมาอยู่บ้านประมาณ 1-2 เดือน คนในหมู่บ้านแห่มาให้กำลังใจผมเยอะมาก รวมถึงรอบชิงชนะเลิศ พ่อผมเดินทางมาเชียร์ผมถึงกรุงเทพฯ ส่วนแม่เชียร์อยู่บ้านที่เชียงราย แล้วถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูว่าวันนั้นชาวบ้านเอาทีวีจอใหญ่มาตั้งเหมือนฉายหนังกลางแปลงเลย เรียกว่าดูกันทั้งหมู่บ้านเลย และคนในหมูบ้านเขาก็อยากจะโหวตให้ผม แต่บางคนก็อายุเยอะแล้ว ทำไม่เป็น เลยต้องเอามือถือมากองๆ กันให้เด็กๆ ในหมู่บ้านช่วยกันกด


         จุดเริ่มต้นบนเส้นทางมายา

         000หลังจาก ที่ชนะการประกวดแล้วมีกระแสตามมาว่าเราไม่เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ หนุ่มรู้สึกอย่างไรบ้าง

          ผมไม่ได้อะไรกับกระแสมาก ผมว่าทุกคนมีโอกาสได้หมด ไม่ใช่แค่เฉพาะผม หรืออิมเมจ ผมมองว่าบิวนี่ตัวเต็งเลย ต้องได้แน่ๆ ส่วนบอมก็สุดๆ โชว์ได้ดีมากๆ จนผมรู้สึกว่าโชว์ตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้เลย ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้ แต่พอประกาศชื่อว่าเป็นผม วินาทีแรก ทั้งมึนและเหวอ อยู่ๆ เราก็ได้เป็นแชมป์ คิดอยู่ว่านี่ซ้อมหรือว่าเอาจริง เพราะทุกทีก่อนออนแอร์จะซ้อมบ่อยมากจนงงไปหมด


         000คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นที่น่าจดจำ  ตอนนี้เริ่มมีแฟนคลับบ้างหรือยัง

          จริงๆ ผมไม่ได้ตลกแล้วทำหน้านิ่งนะ ผมแค่ทำหน้าเฉยๆ ตามแบบของผม แล้วพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง เขาก็หัวเราะเอง ไม่รู้ว่าเขาฮาผมตรงไหน ก็รู้สึกดีนะ เหมือนเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง ที่มีคนสนใจในตัวเรา มีความสุขกับเรา เชื่อไหมตั้งแต่ประกวด  ผมไม่เคยเครียด กดดัน หรือรู้สึกดราม่าอะไรเลย เพราะพี่ๆ ทุกคนน่ารักมาก ดูแลเราอย่างดี จนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน หวังว่าคงจะมีบ้าง (หัวเราะ) แต่ที่สุดๆ เลยคือรอบแสดงสด ตอนร้องเพลง ‘หลงตัวเอง’ โชว์นั้น คือคนจำได้เหมือนเป็นภาพจำ ไปแล้วไหนมาไหน มีแต่คนเดินเข้ามาทักตลอด มีคนรู้จักมากขึ้น เพราะทรงผมม้าเต่อ หรือบ็อบเอียงกวนๆ หน่อย คือต้องขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ผมในวันนั้น จนถึงวันนี้ด้วย


         000มองวงการบันเทิงเป็นอย่างไรบ้างก่อนหน้านี้  

          กับวงการบันเทิง นี่ผมมองว่ามันสวยงามนะ มีแต่คนหน้าตาหล่อ สวยเต็มไปหมด และมันดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็จะดีไปซะหมด แบบใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้หลังจากประกวดจบแล้วผมได้รับคำสอนจากพี่คิ้ม เยอะมากๆ ทั้งเรื่องการวางตัว การใช้ชีวิตในวงการบันเทิง ให้ได้ดีที่สุดควรทำอย่างไร และที่สำคัญคือความไว้เนื้อเชื่อใจคน พี่คิ้มบอกเอาไว้ว่า เราจะเชื่อใจคนง่ายๆ ไม่ได้ เพราะด้วยความที่ผมเป็นคนหน้าตาซื่อ พี่คิ้มคงกลัวผมจะโดนหลอก(หัวเราะ)


         000วางแผนอนาคตของตัวเองในวงการบันเทิงเอาไว้อย่างไรบ้าง

          ผมคิดเอาไว้ว่า อยากจะมีเพลงของตัวเอง 1-2 เพลง ที่คนฟังๆ แล้วคุ้นหู เป็นเพลงหากินเลยก็ว่าได้ ผมคิดว่าคงจะทำงานด้านการร้องเพลงไปเรื่อยๆ ไหนๆ ก็มาทางนี้แล้ว แต่จะไม่สูญเสียความเป็นตัวเองแน่นอน ผมก็เป็นผมแบบนี้ อาจมีสิ่งที่ต้องปรับบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการพูดอาจต้องพูดให้เยอะขึ้น และรู้เรื่องมากกว่านี้ คงต้องค่อยๆ ปรับ ตอนนี้หลายคนบอกฟังผมพูดแล้วรู้เรื่องกว่าตอนแรกๆ เยอะนะ (หัวเราะ) ชีวิตตอนนี้ ถือว่ายังไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนะ ผมว่าน่าจะค่อยๆ เปลี่ยนมากกว่า แต่เชื่อว่าอย่างน้อยชีวิตต่อไปหลังจากนี้คงจะดีขึ้น พ่อกับแม่ไม่ต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว

         "บุรุษผู้มากับฟันคู่หน้า นี่แหละคือฉายาของ...หนุ่มเดอะวอยซ์"


เขาคนนี้คือ "สมศักดิ์ รินนายรักษ์"
ใครๆ ก็เรียกว่า  "หนุ่ม เดอะวอยซ์ ซีซั่น 3"
อายุ 21 ปี
การศึกษา กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่
ผลงานในวงการบันเทิง  ผู้ชนะจากรายการ เดอะวอยซ์ เสียงจริงตัวจริง ซีซั่น 3

.......................................
(หมายเหตุ เผยชีวิตกับโอกาสที่สุดไขว่คว้ากว่าจะมีวันนี้ ของ "หนุ่ม เดอะวอยซ์"
: บันเทิงวันเสาร์  เรื่อง... มงคล บุญคุ้ม ภาพ... วริศรา วุฒิกุล )

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่