แค่ซีนเปิดไม่กี่นาทีก็บอกโทนหนังได้ มันเกือบหม่นๆ หน่วงนิดๆ
แต่อบอุ่นอาบแสงอาทิตย์ เหมือนชีวิตประจำวันเราๆ ท่านๆ ในวันที่
ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา ขอเพียงแค่นี้ก็พอใจแล้วในแต่ละวัน... ฯลฯ
อีกทั้งดนตรีประกอบก็ยังคลอตอกย้ำอารมณ์ภาพให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มภาพแรกด้วยประโยคจับใจของมาร์คทเวน
"สองวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือวันที่เราเกิด กับวันที่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร"
ตามมาด้วยภาพมุมสูงสะพานแขวนและเมืองใหญ่ยามรุ่งอรุณ
ต่อด้วยภาพจากมุมมองนอกหน้าต่างอพาร์ทเมนต์ยามเช้าของป๋าวอชิงตัน
ค่อยๆ ถอยเข้ามาๆ ในห้องพักที่เปิดรับแสงอรุณ
เป็นเวลา 7:30 น.แล้ว กิจวัตรประจำวันก็ต้องเริ่มขึ้น
ถอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเห็นว่าเป็นห้องนอนที่สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย
ถอยเข้ามาอีก จนเห็นชั้นหนังสือ ป๋าวอเป็นนักอ่านตัวเอ้
เลื่อนเฟรมมาทางขวาก็เห็นป๋ากำลังทำกิจประจำวัน เช่นที่เคยเป็นมา
ป๋าผู้เคร่งขรึมกำลังแต่งตัวไปทำงานเช่นทุกวัน
เอาหละ... เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็โหนรถไฟฟ้าไปทำงานประจำ
เปิดตัวมาก็ง่ายๆ สั้นๆ เล่าเรื่องด้วยภาพและดนตรีประกอบแค่นี้
แต่ก็ประทับใจได้อารมณ์ เลยมาชวนคุยน่ะ ขอบคุณทุกท่าน
รู้สึกประทับใจซีนเปิดตัวหนัง The Equalizer
แต่อบอุ่นอาบแสงอาทิตย์ เหมือนชีวิตประจำวันเราๆ ท่านๆ ในวันที่
ไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา ขอเพียงแค่นี้ก็พอใจแล้วในแต่ละวัน... ฯลฯ
อีกทั้งดนตรีประกอบก็ยังคลอตอกย้ำอารมณ์ภาพให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้