แน่นอนเป็นเพลงที่ดีของ Van Halen มันก็ทำให้เราหวังว่าจะทำให้ได้ตามที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้แม้ว่าจะมีความเครียดไม่มากก็ตาม โดยเฉพาะปัจจัยต่างๆของตลาดหุ้น ผมได้พูดทั้งเรื่องของ Day Trade กับ Swing Trade ในกลยุทธ์การเล่นหุ้นอยู่เสมอ ที่ทำให้เราสามารถทำกำไรและนอนหลับได้สบายใจ
พวกเราจะมาพูดเกี่ยวกับการค้นหากลยุทธ์การเล่นหุ้นที่เหมาะสมกับตัวเองว่า เมื่อไรจะต้อง Day Trade และเมื่อไรจะเล่นแบบ Swing Trade เมื่อตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงเร็วหรือมี Volume เพิ่มขึ้น เราอาจจะเล่นหุ้นแบบ Day Trade ก็ได้ เมื่อไรที่ตลาดหุ้นมีการเคลื่อนไหวแบบอ่อนๆและพอที่จะคาดการณ์ได้ ก็อาจจะใช้วิธีเล่นแบบ Swing Trade ก็ได้ แล้วจะใช้ทั้ง 2 อย่างนี้ได้อย่างไร แล้วทำไมไม่นำแนวทางทั้ง 2 อย่างนี้มาทำกำไรควบคู่ไปเลยล่ะ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง
บางครั้งตลาดหุ้นก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เราจะต้องมั่นใจก่อนว่าตลาดจะเข้าไปเล่นได้จริง แม้ว่าเราจะวางเงินส่วนหนึ่ง เราก็สามารถวางเงินเต็มจำนวนและเล่นตามกระแสแนวโน้มได้ แล้วทำไมถึงไม่ตั้งค่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ดีไปเลยและเล่นหุ้นตามกรอบการเคลื่อนไหวแบบ Day Trade ล่ะ? ก็คือเราจะต้องนำเงินอีกส่วนหนึ่งในการทำกำไรจากทิศทางแนวโน้มครั้งใหญ่ด้วย แนวทางนี้เราสามารถทำเงินในกระเป๋าได้ส่วนหนึ่งและก็นอนหลับสบายในขณะที่รอคอยแนวโน้มครั้งใหญ่
ผมเลือกหุ้นจากข้อมูลข่าวสารที่ผมได้ให้บริการกับพวกเรา ซึ่งมีการเคลื่อนไหวทิศทางแนวโน้มที่ดีขึ้น (เหมาะสำหรับคนเล่นแบบ Day Trade) และก็เล่นแบบ Swing Trade (จากการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้เวลาหลายวัน) ทำให้เรามีกลยุทธ์การเล่นหุ้นแบบยืดหยุ่นได้ทั้ง 2 วิธี หมายความว่าเราสามารถเข้าไปซื้อในบริเวณที่เหมาะสมได้ เทรดเดอร์ก็สามารถจับการเคลื่อนไหวและรอให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หุ้นบางตัวก็หมายความว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะค่อยๆขึ้นอย่างช้าๆและมั่นคงหรือมากกว่านั้น ส่วนหนึ่งเราก็ต้องตั้งใจที่จะต้องขายหุ้นออกมาด้วย หลังจากที่คลื่นลูกแรกได้เริ่มอ่อนตัวลงและก็เตรียมตัวนำเงินส่วนหนึ่งใส่เข้าไป รอให้พักก่อนหรือให้ฟื้นขึ้นมาก่อน แต่การเคลื่อนไหวนี้จะต้องไม่ทำให้ผลกำไรของเราลดลง การวางเงินน้อยๆจะทำให้เทรดเดอร์รอโอกาสที่เหมาะสมต่อทิศทางแนวโน้มครั้งใหญ่ได้หลายวัน หลายสัปดาห์
เล่นหุ้นแบบยืดหยุ่นจะช่วยให้เราขาดทุนน้อยในแต่ละครั้ง การจัดสรรเงินนั้น Day Trade ควรที่จะมีการตัดขาดทุนอย่างน้อย 1 % หรืออย่าให้มากเกินไป และหากเราเล่นแบบ Swing Trade ก็ต้องตัดขาดทุนแบบเดียวกัน โดยที่จะต้องตัดขาดทุนให้เหมาะสมต่อเงินทุนที่เราวางเอาไว้ การขาดทุนน้อยๆชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันดีแค่ไหน กลยุทธ์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการขาดทุนเราได้ แล้วก็มองหาการทำกำไรครั้งต่อๆไป
หากเราเล่นหุ้นแบบย้อมแมวขาย มันก็ต้องมีแนวทางย้อมแมวขายเป็นจำนวนมากเกิดขึ้น กุญแจก็คือจะต้องเล่นหุ้นให้เหมาะสมตามสถานการณ์ วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับเรา และช่วงเวลาของเรา จากนั้นก็ปรับปรุงแก้ไขตัวเองเท่าที่จำเป็น หากเราต้องการเล่นให้ได้ดีทั้ง Day Trade กับ Swing Trade ในการทำกำไรและเป็นอิสระจากความเครียดในแต่ละวัน ก็ต้องเล่นด้วยความยืดหยุ่น ตลาดหุ้นเปิดวันต่อไป เราก็ต้องเล่นให้ได้ตามแบบแผน
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
สูตรทั้ง 2 ที่ดีที่สุด
พวกเราจะมาพูดเกี่ยวกับการค้นหากลยุทธ์การเล่นหุ้นที่เหมาะสมกับตัวเองว่า เมื่อไรจะต้อง Day Trade และเมื่อไรจะเล่นแบบ Swing Trade เมื่อตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงเร็วหรือมี Volume เพิ่มขึ้น เราอาจจะเล่นหุ้นแบบ Day Trade ก็ได้ เมื่อไรที่ตลาดหุ้นมีการเคลื่อนไหวแบบอ่อนๆและพอที่จะคาดการณ์ได้ ก็อาจจะใช้วิธีเล่นแบบ Swing Trade ก็ได้ แล้วจะใช้ทั้ง 2 อย่างนี้ได้อย่างไร แล้วทำไมไม่นำแนวทางทั้ง 2 อย่างนี้มาทำกำไรควบคู่ไปเลยล่ะ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง
บางครั้งตลาดหุ้นก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เราจะต้องมั่นใจก่อนว่าตลาดจะเข้าไปเล่นได้จริง แม้ว่าเราจะวางเงินส่วนหนึ่ง เราก็สามารถวางเงินเต็มจำนวนและเล่นตามกระแสแนวโน้มได้ แล้วทำไมถึงไม่ตั้งค่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ดีไปเลยและเล่นหุ้นตามกรอบการเคลื่อนไหวแบบ Day Trade ล่ะ? ก็คือเราจะต้องนำเงินอีกส่วนหนึ่งในการทำกำไรจากทิศทางแนวโน้มครั้งใหญ่ด้วย แนวทางนี้เราสามารถทำเงินในกระเป๋าได้ส่วนหนึ่งและก็นอนหลับสบายในขณะที่รอคอยแนวโน้มครั้งใหญ่
ผมเลือกหุ้นจากข้อมูลข่าวสารที่ผมได้ให้บริการกับพวกเรา ซึ่งมีการเคลื่อนไหวทิศทางแนวโน้มที่ดีขึ้น (เหมาะสำหรับคนเล่นแบบ Day Trade) และก็เล่นแบบ Swing Trade (จากการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้เวลาหลายวัน) ทำให้เรามีกลยุทธ์การเล่นหุ้นแบบยืดหยุ่นได้ทั้ง 2 วิธี หมายความว่าเราสามารถเข้าไปซื้อในบริเวณที่เหมาะสมได้ เทรดเดอร์ก็สามารถจับการเคลื่อนไหวและรอให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หุ้นบางตัวก็หมายความว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะค่อยๆขึ้นอย่างช้าๆและมั่นคงหรือมากกว่านั้น ส่วนหนึ่งเราก็ต้องตั้งใจที่จะต้องขายหุ้นออกมาด้วย หลังจากที่คลื่นลูกแรกได้เริ่มอ่อนตัวลงและก็เตรียมตัวนำเงินส่วนหนึ่งใส่เข้าไป รอให้พักก่อนหรือให้ฟื้นขึ้นมาก่อน แต่การเคลื่อนไหวนี้จะต้องไม่ทำให้ผลกำไรของเราลดลง การวางเงินน้อยๆจะทำให้เทรดเดอร์รอโอกาสที่เหมาะสมต่อทิศทางแนวโน้มครั้งใหญ่ได้หลายวัน หลายสัปดาห์
เล่นหุ้นแบบยืดหยุ่นจะช่วยให้เราขาดทุนน้อยในแต่ละครั้ง การจัดสรรเงินนั้น Day Trade ควรที่จะมีการตัดขาดทุนอย่างน้อย 1 % หรืออย่าให้มากเกินไป และหากเราเล่นแบบ Swing Trade ก็ต้องตัดขาดทุนแบบเดียวกัน โดยที่จะต้องตัดขาดทุนให้เหมาะสมต่อเงินทุนที่เราวางเอาไว้ การขาดทุนน้อยๆชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันดีแค่ไหน กลยุทธ์นี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการขาดทุนเราได้ แล้วก็มองหาการทำกำไรครั้งต่อๆไป
หากเราเล่นหุ้นแบบย้อมแมวขาย มันก็ต้องมีแนวทางย้อมแมวขายเป็นจำนวนมากเกิดขึ้น กุญแจก็คือจะต้องเล่นหุ้นให้เหมาะสมตามสถานการณ์ วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับเรา และช่วงเวลาของเรา จากนั้นก็ปรับปรุงแก้ไขตัวเองเท่าที่จำเป็น หากเราต้องการเล่นให้ได้ดีทั้ง Day Trade กับ Swing Trade ในการทำกำไรและเป็นอิสระจากความเครียดในแต่ละวัน ก็ต้องเล่นด้วยความยืดหยุ่น ตลาดหุ้นเปิดวันต่อไป เราก็ต้องเล่นให้ได้ตามแบบแผน
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net