ใต้เงารัก : บทที่ 1 (secret love: ปฏิบัติการแอบรักฉบับรีไรท์)

กระทู้คำถาม
อ่านบทนำที่นี่ค่ะ http://pantip.com/topic/32992006






“พริม...พริมตื่นได้แล้ว...”

    หมอนสองสามใบกระจายอยู่บนพื้น ผ้าห่มหลุดลุ่ยลงมากองอยู่ที่พื้นข้างเตียง เผยให้เห็นร่างสมส่วนที่นอนคว่ำ กางขากินพื้นที่เต็มเตียงกว้าง ใบหน้ากว่าครึ่งนั้นมุดอยู่กับกองหมอนที่ยังพอมีเหลือบ้างบนเตียง โผล่ออกมาแค่เพียงส่วนคางมนเท่านั้น

    ชายหนุ่มสั่นศีรษะหน่ายๆ เสื้อยืดเก่าๆ ตัวยาวที่ตอนนี้ม้วนขึ้นมาอยู่บริเวณเอวบาง เปิดเผยเนื้อนวลช่วงเอวให้เห็นวับๆ แวมๆ กับกางเกงขาสั้นสีตุ่นๆ ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์อะไรนอกจาก...

    ...โทรมสุดๆ...

    เตียงนอนไหวยวบเมื่อร่างสูงของคนที่บุกรุกเข้ามาทรุดนั่งลงด้านข้าง มือขาวเรียวเหมือนผู้หญิงเอื้อมออกไปช้าๆ

    ...ก่อนตบดังป้าบเข้าบริเวณหัวไหล่มนของคนขี้เซาอย่างแรง!

    “โอ๊ย!”

    ร่างบางสะดุ้งพรวดพราดลุกขึ้นจากกองหมอน ใบหน้าสะลืมสะลือกับดวงตาที่เปิดปรือเหลียวขวับหันมาเอาเรื่องคนมือหนักอย่างรวดเร็ว

    “อะไรของเธอ ภูธเรศ!”

    เสียงตวาดแหวดังกว่าที่คิด ทำให้ภูธเรศที่ยกมือขึ้นปิดหูไม่ทันทำหน้านิ่ว “ตื่นมาปุ๊บ ใครเค้าใช้งานหลอดเสียงหนักอย่างนั้นเนี่ย...ตื่นมาก็โวยวายบ้านแตก ระวังกล่องเสียงแตกไปด้วยนะ”

    “ช่างเราเถอะน่า...แล้วนี่หมอมาทำไมเนี่ย”

    พริมาทำหน้ายุ่ง กระฟัดกระเฟียดลงจากเตียง คนที่นั่งอยู่คว้าเอวบางรั้งร่างนั้นเข้ามาจนชิด ก่อนจะเขกกระโหลกพริมาเสียงดัง

    “ลืมแล้วเหรอ...เราจะชวนเธอไปซื้อของไงวันนี้”

    “เลิกประทุษร้ายร่างกายเราซะทีเหอะ” พริมายกมือคลำหัวที่โดนเขกป้อยๆ พร้อมกับขยับตัวออกห่างเพื่อน แก้มเนียนแดงจัด เธอส่งค้อนใส่ตาคมที่จ้องมองอย่างขันๆ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ต่อ “แล้วมันเรื่องอะไรของเราเนี่ย หมอไปซื้อของ ก็นัดเวลากันแล้วนี่ว่าสิบโมง แล้วนี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ...”

    เสียงแจ๋วๆ ถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อคนที่นั่งเกือบชิดยกนาฬิกาข้อมือให้เธอดูเต็มๆ ตา เข็มสั้นและเข็มยาวที่เคลื่อนไหวตามเวลานั้นบอกให้รู้ว่าเลยเวลานัดไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง

    ภูธเรศทั้งฉิวทั้งขัน เมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเงียบงันเพราะหมดทางเถียง คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ย “รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ เราให้เวลาเธอสิบห้านาที ถ้าไม่เสร็จเป็นเรื่องแน่”

    ริมฝีปากของหญิงสาวขยับน้อยๆ เหมือนจะเถียง แต่เมื่อเห็นสายตาคมดุที่ส่งมาก็ทำให้ต้องก้าวออกไปนอกระเบียงเพื่อหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ถัดไปอย่างไร้ปากเสียง

    ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากท้วงบางอย่าง แต่พริมาก็ปิดประตูห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้คนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงกว้างสั่นศีรษะอีกครั้งอย่างหน่ายปนขำ ร่างสูงลุกขึ้นช้าๆ ก่อนก้มลงโยนหมอนที่ตกบนพื้นกลับขึ้นไปบนเตียง หยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาสะบัดๆ ก่อนพับเก็บเรียบร้อย ดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงสวย ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออกช้าๆ...

    “หมอ...หยิบเสื้อผ้าให้หน่อยดิ เค้าลืมเอาออกมาด้วยอีกแล้วอ่ะ...”

    นั่นไงเล่า...ภูธเรศยิ้มขำ เมื่อหันไปมองใบหน้าเล็กๆ ที่โผล่แต่ส่วนหัวออกมาจากบานประตูห้องน้ำที่แง้มออกน้อยๆ ดวงตากลมที่ทำตาปริบๆ มีแววกระดากน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเขาเปิดตู้เสื้อผ้ารออยู่แล้วเหมือนคาดได้ มือเรียวเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าที่จำได้ว่าเพื่อนสาวชอบใส่ประจำออกมาจากตู้ ก่อนเดินไปยื่นให้ตรงหน้าประตูห้องน้ำที่ตอนนี้เหลือแต่แขนยื่นออกมาคว้าของในมือเขาไปรวดเร็ว

    “ขอบใจ”

    ประตูห้องน้ำปิดลง แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนขำอยู่ ก่อนจะถาม “พริม...ไม่เอาชั้นในด้วยเรอะ?”

    “อย่ามาทะลึ่ง!” คนข้างในแหวใส่ น้ำเสียงอู้อี้เล็กๆ ทำให้เขานึกรู้ว่าเธอต้องแปรงฟันอยู่แหงมๆ “ฉันเอามาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวแล้วย่ะ อย่าได้คิดไปดูชั้นในของฉันเด็ดขาดเลยนะ!”

    บ้าจริงอีตานี่! คิดอะไรของมันเนี่ย...

    “คร้าบๆๆ” คุณหมอตอบกลั้วหัวเราะ เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเอกสารประกอบการเรียน โน้ตย่อของแต่ละวิชา ปากกาหลากสี และหนังสือเรียนเป็นตั้งที่กองอยู่ลวกๆ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะก้มลงเก็บหนังสือบางเล่ม กระดาษบางแผ่นที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ ทำไปทำมาเขาก็ลงมือจัดโต๊ะหนังสือของเพื่อนเสียเลยพลางงึมงำ “ใครได้ยายนี่เป็นแฟนนี่ซวยจริง ต้องมาตามเก็บกวาดของที่ทำรกไว้อีก”

    ห้องพักที่พริมาอาศัยอยู่นั้นเป็นห้องชุดที่เช่าราคาปานกลาง มีอยู่สามห้องคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน และห้องนั่งเล่นที่รวมห้องครัวกับห้องกินข้าวไว้ด้วยกันในพื้นที่ค่อนข้างประหยัด ชายหนุ่มเดินออกมานั่งรอเพื่อนที่โซฟาหนังเทียม เมื่อเห็นอีกฝ่ายโผล่เข้ามาพร้อมกับผมเปียกหมาดๆ ก็เปิดปากบ่น “เมื่อไหร่เธอจะเก็บห้องให้เรียบร้อยซะที”

    “อยากเก็บอยู่แต่ช่วงนี้ไม่มีเวลาอ่ะ”

    “ข้ออ้างทั้งนั้น คนอื่นๆ มีเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าเธอ ทำไมเค้าทำงานได้ แถมบ้านช่องสะอาด”

    หญิงสาวกลอกตาขึ้นฟ้าหน่ายๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “อิชั้นจะจำเอาไว้เจ้าค่ะ คุณพ่อ”

    พูดจบปุ๊บก็ต้องเอี้ยวตัวหลบมะเหงกที่ลอยมาอย่างรวดเร็ว พริมาหันกลับไปนั่งบนเตียง ก่อนเริ่มเช็ดน้ำออกจากเส้นผมยาวสลวยที่ยาวถึงบั้นเอว ดวงตามองปราดตามร่างสูงที่ตอนนี้เดินไปนั่งตรงโต๊ะเขียนหนังสือของเธอ แล้วถือวิสาสะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเจ้าของห้องโดยไม่เอ่ยปากขออนุญาตใดๆ

        ภูธเรศนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในคณะ ด้วยหน้าตาที่ดีพอจะไปเป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ด้วยฐานะที่ค่อนข้างดีเพราะตระกูลของชายหนุ่มประกอบอาชีพทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพกันทั้งหมด ด้วยนิสัยร่าเริง สบายๆ เข้ากับคนง่ายของเขา ทำให้ชายหนุ่มเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้รู้จัก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ถึงกับตั้งเป็นแฟนคลับหมอภูกันเลยทีเดียว

        วันฝนพรำวันนั้นทำให้เธอได้เพื่อนสนิทสุดฮอต (และแสนขี้บ่น) มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้สิน่า ขนาดผ่านไปสามปีแล้วก็ยังบ่นไม่เลิก

        เฮ้อ...สงสารคุณนุชนาถ แฟนหมอมันซะจริงจริ๊ง มีแฟนขี้บ่นเป็นป้าแก่ๆ เนี่ย

        เพื่อนสนิทสองคนต่างบ่นว่าให้อีกฝ่ายอยู่ในใจเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน


        “รู้รึยังว่าวันเกิดรอบนี้คุณนุชอยากได้อะไร?”

    หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อก้าวเข้าไปนั่งในรถเก๋งสีขาวของภูธเรศ ชายหนุ่มขับรถออกสู่ถนนใหญ่อย่างนุ่มนวล “หรือจะเอาเซอร์ไพรส์แบบไหน ขอแต่งงานเลยดีป่ะ?”

    “อย่าเวอร์ ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น”

    “หือ? อย่าบอกนะว่าหมอแค่คบคุณนุชนาถเค้าเล่นๆ น่ะ ไม่ไหวๆ ผู้ชายอะไร...”

    พริมาเบิกตากว้าง มือทาบอก ท่าทางตกใจโอเวอร์เกินจริงเรียกสายตาอีกฝ่ายให้เหล่มองอย่างหมั่นไส้ “อย่าเวอร์ ยายพริม อย่าเวอร์”

    คนเวอร์ย่นจมูกนิดหนึ่ง แล้วกลับมาเข้าเรื่องต่ออย่างรวดเร็ว “สรุปแล้ววันเกิดนี้กำลังหาอะไรเป็นของขวัญอ่ะ”

    “ก็ไม่รู้สิ เธอคิดว่านุชอยากได้อะไรอ่ะ” ภูธเรศตอบสบายๆ ทั้งที่นัยน์ตาหม่นแสงลงวูบหนึ่ง

    “อ้าว! ตานี่!” เพื่อนสาวอุทานเสียงดัง “เธอเป็นแฟนกันนะ ไม่รู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเขาอยากได้อะไรเป็นของขวัญ มาถามฉันทำไม ฉันคนนอกนะเฟ้ย!”

    คนโดนแหวใส่หน้าบึ้ง “รสนิยมผู้หญิง ฉันไม่รู้หรอก ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันด้วย”

    “แต่คบกันมาตั้งนานแล้วนา จวนจะร่วมหอลงโรงกันแล้วด้วย” อีกฝ่ายแย้ง “อย่าพูดจาไม่รับผิดชอบอย่างนั้นสิ...ช่างเหอะ พูดไปก็เข้าหูซ้ายทะลุไปสี่แยกโน่น รอบนี้ฉันจะช่วย แต่รอบหน้า ฉันไม่ยุ่งแล้วนะ”

    ชายหนุ่มหันมาทำหน้าทะเล้นใส่คนพูดพร้อมเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับ”

    “ของตอบแทนล่ะ?” พริมาหันเข้าหาคนขับรถ ทำสีหน้าท่าทางทวงบุญคุณเต็มที่

    “ข้าวที่ฟู๊ดคอร์ทมื้อนึง” คุณหมอหนุ่มยื่นข้อเสนออย่างใจป้ำ “ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวด้วย”

    “เดี๋ยวฉันไปดูหนังสือเสร็จแล้วก็กลับเลยดีกว่า”

    “เคเอฟซีอ่ะ ข้าวไก่แซ่บอร่อยมากเลยนะ”

    “มีหนังเข้าใหม่ด้วยแฮะ ดูหนังสือเสร็จไปดูหนังดีกว่า เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้นะ”

    “พิซซ่ามะ?” คนเป็นหมอเอ่ยเสนอด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ “เอาหน้าที่เธอชอบ เต็มที่เลย”

    “เดี๋ยวเราช่วยคิดหาวิธีง้อให้เลยด้วย ไม่ต้องห่วง!” พริมายิ้มหน้าบาน ก่อนจะหุบฉับเมื่อได้ยินอีกฝ่ายย้อนเสียงขันๆ

    “เอาโปรซื้อหนึ่งแถมหนึ่งละกันนะ”

    “โหย...งก!”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่