สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องที่ว่าพม่าตัด 'อ' ให้เหลือแค่ 'โยธยา' ในเชิงเหยียดหรือข่มสันนิษฐานกันว่าเป็นการตีความไปเองของคนไทยยุคปัจจุบันมากกว่าครับ สันนิษฐานว่าจริงๆเป็นแค่การกร่อนเสียงเพื่อให้ง่ายต่อการออกเสียงเท่านั้นครับ แม้แต่หลักฐานของไทยสมัยอยุทธยาหลายชิ้นก็ยังตัด อ ออกเช่นมีปรากฏในสมุดไตรภูมิกรุงศรีอยุทธยาหมายเลย ๖(อายุราวสมัยพระเจ้าปราสาททอง) สะกดว่า 'ศีรโยท่ญา' หรือในพระราชสาส์นที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชส่งไปเมืองจีนก็สะกดว่า 'พระนคอนสียุดทยา' เป็นต้น เข้าใจว่าเป็นการสะกดแบบกร่อนเสียงเหมือนกัน ในปัจจุบันก็ยังมีคนอยุธยาเรียกกร่อนเสียงเป็น 'ยุดยา' เลยครับ คนไทยเองคงไม่จงใจตัดเพื่อให้มีความหมายในแง่ลบครับ
คำว่า อโยธยา พม่าจะสะกด 'โยทยา' (ในหลักฐานของไทยบางทีก็ใช้ ท แทน ธ) เหตุที่อ่าน โยเดีย เพราะ พม่าออกเสียง ท เป็น ด คำว่า 'โยทยา' พม่าจะออกเสียง 'โยด๊ะยา' บางทีฟังเร็วๆก็กลายเป็น 'โยเดีย' ครับ ไม่ได้เป็นคำเหยียดแต่ประการใด
คำว่า 'สยาม' คำนี้อย่างว่าเป็นคำที่เรียกในภูมิภาคนี้มาแต่โบราณซึ่งอาจจะรับมาหรือมีชนอื่นเรียก ซึ่งรากเดิมสันนิษฐานว่าก็ไม่น่าจะเป็นคำเหยียดเหมือนกัน(เข้าใจว่ามีแต่สยามในภาษาเขมรที่เป็นคำเหยียด ) จิตร ภูมิศักดิ์สันนิษฐานว่า "สยาม" มาจากคำว่า ซาม หรือ เซียม และคำที่คล้ายคลึงกับคำทั้งสองนั้นคือ ซำ หรือ ซัม ซึ่งเป็นภาษาไตเก่าแก่มีความหมายเกี่ยวกับน้ำและที่ราบลุ่ม เนื่องด้วยลักษณะพิเศษของคนไตที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ตามซำต่าง ๆ ทำให้ชนชาติใกล้เคียงเรียกคนไตว่าพวก ซำ หรือ ซัม"
ในกลุ่มตระกูลไท ก็ต่างรับคำนี้ไปเรียกต่างๆกันเช่น สยาม ฉาน อัสสัม เซียม เป้นต้น
เข้าใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปความหมายก็อาจเปลี่ยน คนก็อาจจะลืมเลือนหมด อย่างที่ลาลูแบร์ที่ว่า "ชื่อ เซียม (siam) นั้น ไม่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวเซียม คำนี้เป็นคำหนึ่งในบรรดาคำที่พวกโปรตุเกสในอินเดียใช้กัน, และก็เป็นคำที่ยากจะค้นหารากเหง้าที่มาของมันได้ พวกโปรตุเกสใช้คำนี้เป็นชื่อเรียกชนชาติ มิใช่เป็นชื่อราชอาณาจักร.....อนึ่งใครก็ตามที่เข้าใจภาษาโปรตุเกสย่อมรู้ดีว่า รูปคำที่โปรตุเกสเขียนคำนี้เป็น Siam บ้างและ Siao บ้างนั้น เป็นคำเดียวกัน และถ้าจะเอาคำโปรตุเกสนี้มาอ่านออกเสียงตามอักขรวิธีของฝรั่งเศสเราแล้วก็ต้องออกเสียงว่า ซียอง (Sions) มิใช่เซียม (Siams); เช่นเดียวกัน เมื่อเขียนเป็นภาษาละติน ก็เรียกชนชาตินี้ว่า ซิโอเน (Siones)
สำหรับคนไทยสมัยก่อนไม่เรียกตัวเองว่าสยาม แต่เรียกตัวเองว่า 'ไทย' (สมัยอยุทธยามี ย สะกดแล้ว) ดังปรากฏในหลักฐานต่างๆ
"ชาวเซียมนั้นเรียกตัวเองว่า ไท (Tai), หมายความว่า อิสระ, ตามความหมายของคำในภาษาของเขาซึ่งยังมีความหมายเช่นนั้นมาจนทุกวันนี้ ชาวเซียมมีความภูมิใจที่ใช้คำนี้เช่นเดียวกันกับบรรรพบุรุษของเราซึ่งใช้นามว่า ฟรองซ์ (Franc) เมื่อได้กอบกู้อิสระภาพของชาวกอลให้หลุดพ้นจากอำนาจครอบครองของโรมันมาได้ ผู้ที่รู้ภาษามอญ (Pegu) ยืนยันว่าคำ เซียม ในภาษามอญนั้นแปลว่า อิสระ ถ้าเช่นนั้นบางทีคงจะเป็นไปได้ว่าชาวโปรตุเกสยืมคำนี้มาจากภาษามอญ, น่าจะเป็นว่าได้รู้จักชาวเซียมโดยผ่านชาวมอญอีกที แต่อย่างไรก็ดี นาวารเรต (Navarrete) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรจีน (Traitez Historique du Royaume de la Chine) บทที่ ๑ ตอนที่ ๕ ว่า ชื่อ เซียม, ซึ่งนายนาวาเรตเขียน เซียน (Sian) นั้น, มาจากคำสองคำคือ เซียนหลอ (Sian-lo), แต่หาได้อธิบายไว้ไม่ว่าคำทั้งสองนี้มีความหมายว่ากระไร, ทั้งก็มิได้บอกไว้ว่าเป็นคำภาษาอะไร, ชวนให้เราเข้าใจว่า นายนาวาเรตถือว่า คำทั้งสองนั้นเป็นภาษาจีน..."
หรือนิโกลาส์ แชรแวสกล่าวว่า "...ชาวต่างประเทศเรียก สยาม(Siam)เป็นนามราชอาณาจักร แต่คนพื้นเมืองรู้จักแต่คำว่า เมืองไทย(Meüang-Thây)หรือไม่ก็เมืองกรุงเทพมหานคร(Meüang-Croung-Thêp-Maanacone)"
คำว่า 'สยาม' จะว่าคนไทยไม่รู้จักเลยคงไม่ใช่ เพราะมีใช้อยู่ในทางสงฆ์ ในงานแต่งวรรณกรรมบาลีหรืออย่างเช่นในหนังสือที่พระแต่งภาษามคธ ก็เรียก 'สยามทิยราชปเทเส'(ประเทศของพระเจ้าแผ่นดินไทยคือสยาม) เข้าใจว่าในสมัยนั้นคำว่าสยามน่าจะเป็นคำโบราณที่ใช้เรียกดินแดนแถบนี้ แต่ไม่ได้ปรากฏใช้งานจริงทางราชการหรือการเรียกทั่วๆไป เมื่อเทียบกับ 'ไทย' หรือ 'อยุทธยา' ที่เรียกตลอดในสมัยกรุงศรีอยุทธยา(แต่คำว่าอยุทธยาจะแพร่หลายกว่า)
ในสมัยอยุทธยาไม่เคยพบหลักฐานว่าเราเรียกตนว่า 'สยาม' อย่างเป็นทางการเพิ่งมาใช้เป็นทางการครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔ ครับ
ในอดีตกษัตริย์ก็เรียกว่า 'พระเจ้าอยู่หัวกรุงศรีอยุทธยา' 'พระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา' หริอ 'พระมหากษัตรยาธิราชเจ้ากรุงไทย' ไม่เคยเรียกว่า 'พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยาม'
ในพระราชกำหนดกฏหมายเก่าของอยุทธยาก็เรียกชนชาติว่า 'ใท' 'ไท' 'ไทย' ไม่ปรากฏเรียกสยาม
ในสนธิสัญญาที่ทำกับฝรั่งเศส พ.ศ.๒๒๓๐ ระบุว่า ใช้ ภาษาไทย ไม่ใช่ ภาษาสยาม

ในสมัยพระเพทราชา และสมัยธนบุรีต่างเรียกแผ่นดินกว่า 'กรุงไทย' ไม่ใช่ 'กรุงสยาม' เรียก 'ชาวไทย่' ไม่เรียก 'ชาวสยาม' ดังในจดหมายเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) หรือ โกษาปานที่ส่งไปฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๓๖
จดหมายเจ้าพระญาศรีธรรมราชปานถึงพระอธิกรณ์ เดอ ลา แชส (François de la Chaise) พระไถ่บาป (confessor) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

จดหมายเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) ส่งถึง มองซิเออร์ เดอ ปงต์ชาร์แตรง (Jérôme Phélypeaux, comte de Pontchartrain) เสนาบดีกระทรวงทหารเรือฝรั่งเศส

และพระราชสาส์นที่พระเจ้ากรุงธนบุรีที่ส่งไปเมืองจีนก็ใช้คำว่า ไทย เช่นเดียวกัน
แล้วก็เอกสารสมัยสมเด็จพระนารายณ์ถึงพระเพทราชาที่มีต้นฉบับภาษาไทยเหลือ ฉบับฝรั่งเศสจะเขียน 'สยาม' แต่ฉบับภาษาไทยเขียน'ไทย' ไม่ก็เขียน 'กรุงศรีอยุทธยา' ทุกฉบับ ไม่มีคำว่า 'สยาม' ปรากฏในฉบับภาษาไทย
วรรณกรรมเก่าๆของสมัยอยุทธยาก็ใช้คำว่า 'ไทย' ตลอด อย่างวรรณคดียุคตันอยุทธยาอย่างลิลิตพระลอ "...ฝ่ายข้างยวนแพ้พ่าย ฝ่ายข้างลาวประลัย ฝ่ายข้างไทยไชเยศ คืนยังประเทศพิศาล..."
หรืออย่าง นิราศ'ตนทางฝรังงเสษ' ที่เขียนโดยกวีที่ตามคณะทูตไปฝรั่งเศสกับออกพระวิสุทสุนธร(ปาน)ก็มี
'เมื่อจากบันตัม ใจพี่กระสัน รัญจวนกวนใจ
เห็นเมืองนี้เอย ดุจเห็นเมืองไทย แต่นี้จากไป ไกลเมืองแลนา'
คำว่า อโยธยา พม่าจะสะกด 'โยทยา' (ในหลักฐานของไทยบางทีก็ใช้ ท แทน ธ) เหตุที่อ่าน โยเดีย เพราะ พม่าออกเสียง ท เป็น ด คำว่า 'โยทยา' พม่าจะออกเสียง 'โยด๊ะยา' บางทีฟังเร็วๆก็กลายเป็น 'โยเดีย' ครับ ไม่ได้เป็นคำเหยียดแต่ประการใด
คำว่า 'สยาม' คำนี้อย่างว่าเป็นคำที่เรียกในภูมิภาคนี้มาแต่โบราณซึ่งอาจจะรับมาหรือมีชนอื่นเรียก ซึ่งรากเดิมสันนิษฐานว่าก็ไม่น่าจะเป็นคำเหยียดเหมือนกัน(เข้าใจว่ามีแต่สยามในภาษาเขมรที่เป็นคำเหยียด ) จิตร ภูมิศักดิ์สันนิษฐานว่า "สยาม" มาจากคำว่า ซาม หรือ เซียม และคำที่คล้ายคลึงกับคำทั้งสองนั้นคือ ซำ หรือ ซัม ซึ่งเป็นภาษาไตเก่าแก่มีความหมายเกี่ยวกับน้ำและที่ราบลุ่ม เนื่องด้วยลักษณะพิเศษของคนไตที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ตามซำต่าง ๆ ทำให้ชนชาติใกล้เคียงเรียกคนไตว่าพวก ซำ หรือ ซัม"
ในกลุ่มตระกูลไท ก็ต่างรับคำนี้ไปเรียกต่างๆกันเช่น สยาม ฉาน อัสสัม เซียม เป้นต้น
เข้าใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปความหมายก็อาจเปลี่ยน คนก็อาจจะลืมเลือนหมด อย่างที่ลาลูแบร์ที่ว่า "ชื่อ เซียม (siam) นั้น ไม่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวเซียม คำนี้เป็นคำหนึ่งในบรรดาคำที่พวกโปรตุเกสในอินเดียใช้กัน, และก็เป็นคำที่ยากจะค้นหารากเหง้าที่มาของมันได้ พวกโปรตุเกสใช้คำนี้เป็นชื่อเรียกชนชาติ มิใช่เป็นชื่อราชอาณาจักร.....อนึ่งใครก็ตามที่เข้าใจภาษาโปรตุเกสย่อมรู้ดีว่า รูปคำที่โปรตุเกสเขียนคำนี้เป็น Siam บ้างและ Siao บ้างนั้น เป็นคำเดียวกัน และถ้าจะเอาคำโปรตุเกสนี้มาอ่านออกเสียงตามอักขรวิธีของฝรั่งเศสเราแล้วก็ต้องออกเสียงว่า ซียอง (Sions) มิใช่เซียม (Siams); เช่นเดียวกัน เมื่อเขียนเป็นภาษาละติน ก็เรียกชนชาตินี้ว่า ซิโอเน (Siones)
สำหรับคนไทยสมัยก่อนไม่เรียกตัวเองว่าสยาม แต่เรียกตัวเองว่า 'ไทย' (สมัยอยุทธยามี ย สะกดแล้ว) ดังปรากฏในหลักฐานต่างๆ
"ชาวเซียมนั้นเรียกตัวเองว่า ไท (Tai), หมายความว่า อิสระ, ตามความหมายของคำในภาษาของเขาซึ่งยังมีความหมายเช่นนั้นมาจนทุกวันนี้ ชาวเซียมมีความภูมิใจที่ใช้คำนี้เช่นเดียวกันกับบรรรพบุรุษของเราซึ่งใช้นามว่า ฟรองซ์ (Franc) เมื่อได้กอบกู้อิสระภาพของชาวกอลให้หลุดพ้นจากอำนาจครอบครองของโรมันมาได้ ผู้ที่รู้ภาษามอญ (Pegu) ยืนยันว่าคำ เซียม ในภาษามอญนั้นแปลว่า อิสระ ถ้าเช่นนั้นบางทีคงจะเป็นไปได้ว่าชาวโปรตุเกสยืมคำนี้มาจากภาษามอญ, น่าจะเป็นว่าได้รู้จักชาวเซียมโดยผ่านชาวมอญอีกที แต่อย่างไรก็ดี นาวารเรต (Navarrete) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรจีน (Traitez Historique du Royaume de la Chine) บทที่ ๑ ตอนที่ ๕ ว่า ชื่อ เซียม, ซึ่งนายนาวาเรตเขียน เซียน (Sian) นั้น, มาจากคำสองคำคือ เซียนหลอ (Sian-lo), แต่หาได้อธิบายไว้ไม่ว่าคำทั้งสองนี้มีความหมายว่ากระไร, ทั้งก็มิได้บอกไว้ว่าเป็นคำภาษาอะไร, ชวนให้เราเข้าใจว่า นายนาวาเรตถือว่า คำทั้งสองนั้นเป็นภาษาจีน..."
หรือนิโกลาส์ แชรแวสกล่าวว่า "...ชาวต่างประเทศเรียก สยาม(Siam)เป็นนามราชอาณาจักร แต่คนพื้นเมืองรู้จักแต่คำว่า เมืองไทย(Meüang-Thây)หรือไม่ก็เมืองกรุงเทพมหานคร(Meüang-Croung-Thêp-Maanacone)"
คำว่า 'สยาม' จะว่าคนไทยไม่รู้จักเลยคงไม่ใช่ เพราะมีใช้อยู่ในทางสงฆ์ ในงานแต่งวรรณกรรมบาลีหรืออย่างเช่นในหนังสือที่พระแต่งภาษามคธ ก็เรียก 'สยามทิยราชปเทเส'(ประเทศของพระเจ้าแผ่นดินไทยคือสยาม) เข้าใจว่าในสมัยนั้นคำว่าสยามน่าจะเป็นคำโบราณที่ใช้เรียกดินแดนแถบนี้ แต่ไม่ได้ปรากฏใช้งานจริงทางราชการหรือการเรียกทั่วๆไป เมื่อเทียบกับ 'ไทย' หรือ 'อยุทธยา' ที่เรียกตลอดในสมัยกรุงศรีอยุทธยา(แต่คำว่าอยุทธยาจะแพร่หลายกว่า)
ในสมัยอยุทธยาไม่เคยพบหลักฐานว่าเราเรียกตนว่า 'สยาม' อย่างเป็นทางการเพิ่งมาใช้เป็นทางการครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔ ครับ
ในอดีตกษัตริย์ก็เรียกว่า 'พระเจ้าอยู่หัวกรุงศรีอยุทธยา' 'พระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา' หริอ 'พระมหากษัตรยาธิราชเจ้ากรุงไทย' ไม่เคยเรียกว่า 'พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยาม'
ในพระราชกำหนดกฏหมายเก่าของอยุทธยาก็เรียกชนชาติว่า 'ใท' 'ไท' 'ไทย' ไม่ปรากฏเรียกสยาม
ในสนธิสัญญาที่ทำกับฝรั่งเศส พ.ศ.๒๒๓๐ ระบุว่า ใช้ ภาษาไทย ไม่ใช่ ภาษาสยาม

ในสมัยพระเพทราชา และสมัยธนบุรีต่างเรียกแผ่นดินกว่า 'กรุงไทย' ไม่ใช่ 'กรุงสยาม' เรียก 'ชาวไทย่' ไม่เรียก 'ชาวสยาม' ดังในจดหมายเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) หรือ โกษาปานที่ส่งไปฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๓๖
จดหมายเจ้าพระญาศรีธรรมราชปานถึงพระอธิกรณ์ เดอ ลา แชส (François de la Chaise) พระไถ่บาป (confessor) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

จดหมายเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) ส่งถึง มองซิเออร์ เดอ ปงต์ชาร์แตรง (Jérôme Phélypeaux, comte de Pontchartrain) เสนาบดีกระทรวงทหารเรือฝรั่งเศส

และพระราชสาส์นที่พระเจ้ากรุงธนบุรีที่ส่งไปเมืองจีนก็ใช้คำว่า ไทย เช่นเดียวกัน
แล้วก็เอกสารสมัยสมเด็จพระนารายณ์ถึงพระเพทราชาที่มีต้นฉบับภาษาไทยเหลือ ฉบับฝรั่งเศสจะเขียน 'สยาม' แต่ฉบับภาษาไทยเขียน'ไทย' ไม่ก็เขียน 'กรุงศรีอยุทธยา' ทุกฉบับ ไม่มีคำว่า 'สยาม' ปรากฏในฉบับภาษาไทย
วรรณกรรมเก่าๆของสมัยอยุทธยาก็ใช้คำว่า 'ไทย' ตลอด อย่างวรรณคดียุคตันอยุทธยาอย่างลิลิตพระลอ "...ฝ่ายข้างยวนแพ้พ่าย ฝ่ายข้างลาวประลัย ฝ่ายข้างไทยไชเยศ คืนยังประเทศพิศาล..."
หรืออย่าง นิราศ'ตนทางฝรังงเสษ' ที่เขียนโดยกวีที่ตามคณะทูตไปฝรั่งเศสกับออกพระวิสุทสุนธร(ปาน)ก็มี
'เมื่อจากบันตัม ใจพี่กระสัน รัญจวนกวนใจ
เห็นเมืองนี้เอย ดุจเห็นเมืองไทย แต่นี้จากไป ไกลเมืองแลนา'
แสดงความคิดเห็น
คำว่า "คนไท" ในละครบางระจัน
สงสัยครับว่าสมัยนั้นเรียกกันว่าคนไทจริงๆหรือครับ
ขอบคุณครับ