เรียนนิวซีแลนด์ ดีหรือไม่ เรียนต่อนิวซีแลนด์ High school นิวซีแลนด์ ชีวิตนักเรียนที่นิวซีแลนด์ พูดคุยจากประสบการณ์

วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตช่วงมัธยมที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งแม้แต่จะเป็นประเทศเล็กๆแต่ก็ยังมีมาตรฐานการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก อีกทั้งยังมีเสน่ห์มากมาย หลังจากที่มีประสบการณ์การเรียนในต่างประเทศมาแล้วหลายแห่ง รู้สึกประทับใจการศึกษาของนิวซีแลนด์มาก

ก่อนเข้าเรื่อง ขอแนะนำตัวเองสั้นๆนะคะ ชื่อปูมค่ะ ช่วงม.ต้นเรียนอยู่ที่สาธิตปทุมวันฯ ม.ปลายไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนที่จะได้มีโอกาสไปเรียนต่อม.ปลาย ที่นิวซีแลนด์ ข้ามไปต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย แล้วจึงไปต่อปริญญาโทที่อังกฤษด้านธุรกิจสำหรับ Creative Arts  ปัจจุบันทำงานประจำด้าน Marketing และอีกงานที่รักและสนุกคือด้านแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศที่ทำอยู่กับเพื่อนๆ เพราะได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์ชีวิตจากการที่ได้ไปสัมผัสการศึกษาของหลายประเทศมาแล้วโดยตรง

เราเชื่อในคติพจน์ของโรงเรียนสาธิตปทุมวัน ที่มีว่า ‘สมรรถภาพในการปรับตัว คือความสำเร็จในชีวิต’ ตั้งแต่ที่ได้ไปเรียนที่นิวซีแลนด์ เลยซาบซึ้งในคตินี้ มันตรงมาก เพราะในทุกๆวันของมนุษย์คือการปรับตัว ให้เข้ากับ สังคม และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ใครปรับตัวได้ก่อนก็ได้เปรียบ
สมัยเรียนที่ไทย ทั้งที่สาธิตปทุมวันและที่เตรียมฯ ก็รู้สึกว่าโรงเรียนมีความพร้อมทุกอย่าง เพื่อนทุกคนฉลาดและมีเป้าหมายเดียวกันก็คือการเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้ ถ้าเด็กสายวิทย์ฯ ก็ต้องเน้นวิชาการ เรียนให้ครบเซตทุกวิชา ชีวิตวัยรุ่นตอนนั้นก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเรียนให้ได้ดี  ตะลุยเรียนพิเศษตามเทรนด์ จนกระทั่งระหว่างชั้นม.4 ขึ้นม.5 คุณพ่อคุณแม่ก็ส่งไปเรียน ซัมเมอร์ ที่ประเทศนิวซีแลนด์เป็นเวลา 2 เดือน ที่นี่เป็นจุดเปลี่ยนให้เรามองเห็นในความต่าง เพราะการศึกษาที่นิวซีแลนด์มีการ balance ระหว่างการเรียนวิชาการโดยที่ไม่มองข้ามการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นอย่างดี เราได้เข้าเรียน Biology แล้วก็ต่อด้วยวิชาศิลปะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้วาดภาพสีน้ำมัน แม้จะมีผลงานที่ไม่โดดเด่น แต่การได้ทำอะไรที่หลากหลาย ได้ช่วยเปิดแง่มุมความคิดและเปิดโลกทัศน์ของตัวเองให้กว้างขึ้น

ระยะเวลา 2 เดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกสนุกกับการไปโรงเรียนมากซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย หลังจากกลับมาที่ไทยทางบ้านก็สนับสนุนให้ออกจากโรงเรียนเตรียมฯ ไปเรียนต่อที่ Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่ในช่วงเทอมที่ 2 ของม. 5 เลย เมื่อที่บ้านไฟเขียวแล้ว เลยหาข้อมูลในการไปเรียนที่นั่น และได้ทำสอบวัดระดับเพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะได้ไปเรียนในระดับชั้นไหน จากนั้นทางโรงเรียนได้ส่งผลมา ว่าไม่ได้ลดชั้นการเรียนเราเลย เพราะครูใหญ่บอกให้ลองดู ถ้าไม่ไหววิชาไหน ก็ค่อยลดไปเรียนเป็นรายวิชาไป รู้สึกตื่นเต้นพร้อมกับความกลัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นโอกาสอันที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของนักเรียน

พอได้ไปอยู่ที่นิวซีแลนด์เราก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ ซึ่งตลอดเวลาที่เรียนอยู่ไทย แทบจะไม่ได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษนอกห้องเรียนเลย เราไปอยู่กับ Host Family ที่โรงเรียนหาให้ โดยครอบครัวนั้นมีลูกสาววัยเดียวกัน และลูกชายเด็กกว่า 3 ปี เราคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอกับครอบครัวที่ดีและอบอุ่น แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า ทุกอย่างราบรื่น ทุกอย่างต้องมีการปรับตัว ครอบครัวนี้ค่อนข้างเป็นคริสเตียนที่เคร่งครัดพอสมควร ลูกทั้ง 2 ไปโรงเรียนศาสนา ซึ่งเป็นคนละโรงเรียนกับเรา  ที่บ้านไม่มีทีวีเพราะทางพ่อแม่มีความเห็นว่าทีวีตัดเวลาครอบครัวออกไป ตอนเย็นเราก็มักจะปั่นจักรยานไปบ้านเพื่อนเพื่อดูทีวีหลังเลิกเรียนตามสไตล์เด็กไทยติดทีวี แต่ทีวีที่โน่นก็เป็นภาษาอังกฤษเลยได้ฝึกภาษามากยิ่งขึ้น คือดูไม่รู้เรื่องหรอกแรกๆ แต่ว่ามันก็อยากดู จริงๆมันก็ไม่มีอะไรทำ เพราะสมัยนั้นไม่ได้มีอินเตอร์เน็ตหรือสมาร์ทโฟนให้เล่น ทีวีคือสิ่งที่สนุกที่สุดแล้ว

โรงเรียนที่เราอยู่เป็นแบบโรงเรียนสห แถบชานเมือง Auckland โรงเรียนมีคนไทยแค่4คน และมีคนเอเชียบ้าง เช่น เด็กจีน ญี่ปุ่น  เกาหลี เป็นต้น ที่นั้นมัธยมปลายจะเริ่มตั้งแต่ Year10 – Year 13 ช่วงแรกๆ ก็ลำบากพอสมควรในการปรับตัว เพราะอยู่ไทยเรียนแต่หลักแกรมม่า แน่นค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ฟัง ได้พูด ก็ต้องปรับหูกันปรับสำเนียงกันระยะหนึ่ง  แต่ครูผู้สอนหลายท่าน น่ารักมากๆ จะมาบอกเป็นการส่วนตัวเลยว่า ถ้าไม่เข้าใจ ให้มาหาแล้วครูจะสอนซ้ำให้ ครูที่โรงเรียนก็ช่วยเหลือตลอด แรกๆ ที่เข้าไปเวลาสอบ แม้แต่อ่านโจทย์คำถามเราบางทียังงง ครูเลยให้สิทธิ์นักเรียนต่างชาติที่เพิ่งเข้ามา อนุญาตให้ยกมือถามในห้องสอบได้ โดยที่ไม่ได้จะให้คำตอบ แต่ให้ครูอธิบายโจทย์เป็นภาษาพูดง่ายๆให้เราฟัง

วิชาที่เราเลือกตอน Year 12 นั้นคือ Mathematics, Biology, English, Art, Economics และ English for oversea students เราก็เป็นเหมือนเด็กไทยหลายคน คือมีพื้นฐานดีในวิชาเลข และ Biology พอจบเทอมนั้น เราถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะได้ที่ 1 ของทั้งโรงเรียน ตอนสิ้นปีสอบ Year 12 Certificate ได้รางวัลเป็น certificate แต่ก็ไม่ปลื้มเท่าเงิน voucher ซึ่งได้มาจากการอัดฉีดจาก Pharmacy ที่สนับสนุนโรงเรียน (อิอิ แอบงก)  ถึงแม้เป็นคนเรียนโอเคตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยได้ทุนอะไร พอมาได้ก็ตื่นเต้น รีบส่งใบประกาศ กลับไปให้พ่อแม่ดู ตอนนั้นการจะได้คะแนนเท่าไหร่นั้น นับจากคะแนนรวมของนักเรียนในปีที่ผ่านมา ดังนั้นการที่เราเรียนได้ดี เหมือนเป็นคนดึง rank ของโรงเรียนให้ขึ้นไปหนึ่ง rank ในอีกปีถัดมา ดังนั้นเราก็เป็นศิษย์รักในห้องที่เกี่ยวกับวิชาการ ไม่อยากจะเชื่อเลย

แต่วิชาที่แย่ที่สุดคือ English ขนาดเริ่มเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ป.1 แต่พอจะพูดก็งูๆปลาๆ  แล้วในห้องคือให้อ่านและแสดงความเห็นคิดเห็นนิยายของ William Shakespeare  เป็นวิชาที่กดดันมาก แต่ครูเค้าก็บอกว่าเรียนเถอะ ถ้าสอบไม่ผ่าน Year 13 ก็สามารถลองสอบได้อีกรอบในปีต่อมา ในเมื่อเราไม่ต้องการเรียนซ้ำก็เลยฮึดสู้ด้วยตัวเอง สุดท้ายก็สอบผ่านมาได้  อีกวิชาที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ วิชาพละ ซึ่งมีเล่นทุกวันตอนบ่าย เราชอบกีฬานะ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดทักษะ กระทั่งมาเผชิญความจริงเมื่อเทียบกับเด็กต่างชาติแล้ว เราสู้เค้าได้ลำบากมากในด้านนี้ คือว่าร่างกายคนละเบอร์กันเลย
มีวีรกรรมฮาๆหลายเรื่องมาก ช่วงแรกๆ อาจารย์พละ(PE) อธิบายการเล่น Touch Rugby มันก็คือ Rugby แบบไม่รุนแรง ไม่มีการ tackle ให้ล้ม เราฟังกติกาไม่รู้เรื่อง ไม่ถามด้วย มั่น! ตอนเล่นก็วิ่งตามอะไรไม่ค่อยทัน คือคนที่นั่นแข็งแรง ตัวใหญ่ แล้วคือสาวสูงต่ำกว่า 160 อย่างเรา 2 ก้าวเท่ากับ 1 ก้าวเขา -_-“ พอได้ลูกปุ๊ป เราก็วิ่งจู๊ดไป touchdown เงียบกริบทั้งสนามเลย เพราะเราวิ่งผิดฝั่ง อายมาก แต่เหตุนี้ทำให้เราได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโรงเรียน

ใน 2 ปีที่ใช้ชีวิตมัธยมอยู่ที่นั่น การศึกษาก็หล่อหลอมความคิด สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ก็เป็นรากฐานสร้างบุคลิกให้เป็นเราจนมาถึงปัจจุบันนี้ เวลาดูรูปก็มีเรื่องสนุกๆให้ย้อนกลับไปนึกถึง แล้วได้อมยิ้มตลอด ชอบประเทศนิวซีแลนด์ตรงที่เหมือนเวลาหยุดนิ่ง กลับไปเยี่ยม บ้านที่เคยอยู่ และโรงเรียนก็เหมือนเดิมแทบทุกอย่าง เนี่ยแหละเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึง หลังจากจบมัธยมเราก็ไปต่อปริญญาตรีที่ Perth, Western Australia ก็ได้มีประสบการณ์อีกแบบที่แตกต่างออกไปในสถานะนักเรียนมหาวิทยาลัย แล้วไว้ถ้ามีโอกาสจะเข้ามาเขียนเล่าอีกนะคะ

ถ้าหากน้องๆ หรือ ผู้ปกครองท่านไหน สนใจพูดคุยหรือสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนที่นั่น การเตรียมตัวและขั้นตอน การไปเรียนต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมล์มาพูดคุยกันเพิ่มเติมได้เสมอนะคะที่
email : su.cubris@gmail.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่