ฝากแฟนเพจด้วยครับเพิ่งจัดทำขึ้นเพราะอัพเดตข้อมูลได้ง่ายกว่า
https://www.facebook.com/loiustour
นี่เป็นการรีวิวการท่องเที่ยวครั้งที่ 3 ในกระทู้พันทิป (ไต้หวัน มาเลเซียและครั้งนี้ : ญี่ปุ่น) ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่กำลังจะเดินทางไปหรือกำลังคิดจากวางแผนไป ผมขอออกตัวก่อนว่าผมก้อไม่ได้หาข้อมูลมาเยอะมากเท่ารัยแต่ด้วยหน้าที่การงานว่างช่วงวันที่ 13-21พอดี แล้วลองหาตั๋วเพื่อท่องเที่ยวในช่วงวันว่าง (นานๆ จะว่างยาว) พบว่า โอซาก้าเป็นที่ๆ น่าไปที่สุดละด้วยราคาไม่แพงมาก 17,500 ต่อคน กับการพักที่นั่น 6 คืนที่โรงแรม APA Villa Hotel Tanimachi 4 (Yon) Chome ผมถือว่าคุ้มคับ งั้นก้อจองเครื่องเลยละกัน ข้อมูลอื่นๆ ค่อยไปหาเอาดาบหน้าก่อนเดินทางประมาณ 10 วัน
ก่อนอื่นหากหาข้อมูลทางเน็ตคงสืบสาวราวเรื่องปะติดปะต่อยากนิดนึงเพราะต้องทำงานประจำด้วยจึงตัดสินใจซื้อหนังสือมาหนึ่งเล่มคับ คือ เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับลุยคันไซ....พอเริ่มต้นอ่านก้องงแล้วคับเพราะเนื่องจากสนามบินคันไซอยู่ห่างในตัวเมืองคือ นัมบะและอุเมดะ ชินโอซาก้าและเกียวโตมาก ดังนั้นจะต้องนั่งรถไฟออกมาจากสนามบินซึ่งเราต้องดูว่าใช้จ่ายอย่างไรถึงจะคุ้มที่สุด อ่านไปอ่านมาบัตรโดยสารที่คันไซมีมากเหลือเกินนั่งงมอยู่นานเลยคับ สุดท้ายก้อต้องถามผู้รู้ในพันทิปและในเว็บ ซึ่งผมแนะนำ
http://www.somchartlee.com/triptojapan/ นี่เลยคับ เพราะเจ้าของบล็อกให้คำตอบและช่วยเหลือดีจริงๆ สุดท้ายผมได้ความคิดว่าบัตรโดยสารที่เหมาะและคุ้มที่สุดหรือควรใช้มีดังนี้
1. ICOCA+HARUKA เป็นบัตรเติมเงินคับ บวกกับค่ารถไฟไปกลับสนามบิน ราคา 4000 เยน จะได้มาทั้งหมดสามใบ (บัตรเติมเงิน, บัตรออกจากสนามบิน และบัตรเดินทางเข้าไปยังสนามบิน) บัตรนี้ท่านจะต้องจองก่อนและพิมพ์เอกสารจากเมล์เพื่อไปรับบัตรพร้อมกับจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ณ สนามบิน
นี่เป็นบัตรไปกลับสนามบินนะคับ
2. Unlimited Pass เป็นบัตรที่นั่งรถไฟใต้ดินได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว มีสองราคา 2300 เยน ใช้ได้ 1 วัน กับ 3000 เยน ใช้ได้ 2 วัน ซื้อได้เฉพาะนักท่องเที่ยว ซึ่งแนะนำเลยนะคับท่านใดอยากเที่ยวหลายๆ สถานที่ในโอซาก้า บัตรนี้จะเข้าฟรีได้ 28 แหล่งและมีส่วนลดอื่นๆ อีก บัตรนี้ผมซื้อที่ Information Center นัมบะคับ
3. Kansai Thru Pass ใช้นั่งรถไฟ JR (รถไฟบนดิน) ไม่แน่ใจว่าใช้รถไฟใต้ดินด้วยป่าวนะคับ ได้ฟรีทุกที่ทุกเที่ยวในเขตคันไซ คือสามารถใช้เดินทางไปเกียวโต นารา โกเบ วาคายาม่า ชิกะ ฟรี (หากข้อมูลมีรัยผิดพลาดขออภัยนะคับ จำไม่ค่อยได้ละ)
สรุป...โดยส่วนตัวผมซื้อบัตร 1และ 2 เพราะที่แรกคิดว่าคงไม่ได้ไปไหนคงเที่ยวแต่ในโอซาก้าแค่นั้นเพราะอย่างที่ทุกท่านทราบดีผมมีเวลาหาข้อมูลไม่มากคับ (รูปทุกอย่างเด๊วผมจะตามมาใส่ให้นะคับ) ก่อนเดินทางตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นประเทศที่ใฝ่ฝันในวัยเด็กเลย (อยากไปหา อ.อะดาจิ มิสุรุ หากท่านใดเคยดูการ์ตูนเรื่อง ทัช คงพอทราบว่าท่านเป็นใคร) และทราบดีว่าที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาประจำชาติเค้า และถึงแม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษ ผมก้อพูดไม่ค่อยได้หรอกคับ ^^
นี่แค่เริ่มต้นนะคับ เด๊วมาต่อพร้อมกับรูปและเรื่องราวการเดินทาง ที่พัก อาหารการกินที่น่าสนใจต่างๆ ที่บางท่านอยากทราบเพื่อเป็นแนวทางและข้อมูลคับ
เรามาเริ่มต้นกันเลยคับ
- วันแรกของทริปนี้นะคับ อันที่จริงทริปผมนี่ต้องเป็น 8 วัน 6 คืนนะคับเพราะต้องใช้เวลาเดินทางไปยังญี่ปุ่นขาไป 15 ชั่วโมง คือ ขึ้นเครื่องเวลา 20.20 เมืองไทย ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่มาเลเซีย (คุ้นเคยมากกกกคับ เอิ๊กๆ เพิ่งรีวิวไปครั้งก่อน) ใช้เวลาเดินทางไปยังมาเลเซีย 2 ชั่วโมงกว่าๆ แล้วต้องไปรอขึ้นเครื่องอีกที่ 8 โมงเช้าของที่นั่นคับ....ณ เวลานี้เป็นช่วงที่ทรหดมากคับ เนื่องจากความผิดพลาดของผมหลายอย่างคือ อับดับแรก ที่บ้านเรานี่ร้อนเหลือหลายแต่พอขึ้นเครื่องละหนาวเหลือเกิน ซึ่งข้อผิดพลาดนี้คือผมดันไม่ใส่เสื้อกันหนาวขึ้นเครื่อง เอาโหลดลงกระเป๋าหมดเลยคับ พอถึงสนามบินที่มาเลเซีย ที่นั่นก้อหนาวอีกหนำซ้ำต้องนอนรอเครื่องอีก ทรมานจริงๆคับ ข้อสอง ดันแลกตังค์เป็นเยนเกือบหมด (แนะนำให้แลกที่ไทยก่อนไปนะคับ) มีตังค์ไทยติดตัวอยู่ประมาณ 180 บาท ด้วยความว่าหิวและไม่อยากแลกเยนเป็นริงกิตเพราะกลัวไปใช้ที่ญี่ปุ่นไม่พอ เลยแลกเงินไทย 180 บาทแลกเป็นริงกิตได้ 16 ริงกิตเพื่อนำมาทานข้าว เอิ๊กๆ ขำตัวเองคับไม่เคยแลกเงินน้อยขนาดนี้ แต่จนแล้วจนรอดก้อทานจนอิ่มแหละคับ ทานอิ่มละก้อหาที่นอนคับ ถ้าท่านไปเป็นคนแรกๆ ท่านจะมีที่นอนอย่างดีเพราะเก้าอี้ที่สนามบินมาเลเซีย (KL) น่ะ เป็นเบาะใหญ่ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเอามาต่อกันสองตัวละก้อสบายเลยละคับ แต่ผมไม่เป็นอย่างงั้นคับ เบาะไม่พอเลยต้องไปนอนเก้าอี้แถวหน้าห้องน้ำซึ่งจะเป็นตัวยาวติดกันนอนได้แต่ไม่สบายเท่ารัยคับ นอนรอจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง (เกือบตกเครื่องเพราะฉะนั้นทุกท่านดูนาฬิกาที่นั่นเป็นหลักนะคับเพราะบ้านเรากับมาเลเซียต่างกัน 1 ชั่วโมง) แล้วก้อรีบวิ่งไปที่เกตทันพอดีคับ หลังจากขึ้นเครื่องก้อหนาวอีกตามเคยจะเช่าผ้าห่มก้อเสียดายตังค์คับ รอจน 6 ชั่วโมงก้อถึงสานามบินคันไซแล้วคับ
เมื่อมาถึงสานามบินคันไซ รู้สึกว่าเราจะทำงัยดีน้าและจะทำยังงัยเพื่อให้ไปถึงที่พัก แต่ก้อคิดในใจว่าไปมั่วๆ ลองดูละกันคับ อิอิ (ลืมบอกไปคับ อยู่บนเครื่องให้ขอใบ Immigration เลยนะคับ เขียนบนเครื่องเพราะถ้าไม่ขอแอร์ไม่แจกคับ หรือว่าแจกแต่ผมหลับก้อไม่ทราบ) ถ้าไม่เขียนบนเครื่องจะต้องมาเสียเวลาเขียนที่หน้า ตม. คับ เพระฉะนั้นท่านจะเป็นคนหลังๆ ที่ได้ผ่านด่าน มีทริกนิดนึงเนื่องจากอ่านจากหนังสือ ตอนตรวจคนเข้าเมืองควรแต่งกายสุภาพ ดูดี ไม่ใช่เสื้อยืดย้วยๆ กางเกงขาสั้น รองเท้าเตะดาวเทียมนะคับ เพราะเค้าอาจไม่ให้ท่านเข้าประเทศได้
หลังจากผ่านด่านมาก้อนั่งรถต่อระหว่าง Terminal ซึ่งแอร์เอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ Terminal 3 เราจะต้องนั่งมาที่ Terminal 1 คับ เพื่อรับกระเป๋า ออกมาเราจะอยู่ชั้น 1 ซึ่งทุกท่านจะออกจากสนามบินต้องขึ้นไปที่ขั้นสองคับ รถไฟอยู่ที่ชั้นนั้นคับ ส่วนผมต้องไปรับบัตร ICOCA+HARUKA อยู่แล้ว โดยไปที่ JR Ticket Office ตามภาพเลยคับ
จากนั้นเข้าไปด้านในเอาเอกสารยื่นให้เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งจ่ายเงิน 4000 เยน/ท่านคับ 2000 เยน เป็นค่ารถไฟไปกลับ อีก 2000 เราสามารถใช้ได้ 1500 เยน และอีก 500 เป็นค่ามัดจำบัตรคับ หากเอาคืนแล้วท่านจะได้เงินคืนตามยอดที่เหลือบวกกับ 290 เยนนะคับ ส่วนอีก 210 เยนเป็นค่าบริการมั้งคับ
นี่เป็นรูปถ่ายด้านนอก JR Ticket Office จะอยู่ซ้ายมือ
เมื่อได้บัตรแล้วก้อลุยได้เลยคับ ท่านใดใช้บัตรแบบผม เข้าทางประตูสีฟ้าคับอยู่ตรงข้ามที่ซื้อตั๋วแหละคับ ส่วนสีแดงจะเป็นรถไฟ Nankai จะใช้เวลาเดินทางช้ากว่าฮารุกะนะคับประมาณ 10 กว่านาที ตอนเข้าให้เอาบัตรขาออกจากสนามบินไปในเมืองสอดไปที่คั่นประตูและรอรับด้วยนะคับ
เข้ามาแล้วเดินมาตามทางเค้าคับ น่าจะลงบันไดเลื่อนมาถ้าจำไม่ผิด สถานีรถไฟจะมี 2 ชานชลาคับ ตอนแรกก้องงว่าจะขึ้นทางไหน เลยถามเจ้าหน้าที่คับ ผมขึ้นชานชลาขวามือตอนลงมา และให้ดูตู้รถนะคับ เราจะต้องนั่งในตู้ท้ายๆ ตู้ 5-6 เพราะเป็นตู้ที่ไม่ได้สำรองที่นั่งไว้ หากใครจะสำรองที่นั่งว่าได้นั่งแน่ๆ ก้อเพิ่มเงินอีก 500 เยนคับ ลองดูบรรยากาศกันเลยนะคับ
ดูดีๆ นะคับ ป้ายสีฟ้าๆ ขวามือจะเขียนว่า Non Reserved
ผมโชคดีที่คนน้อยเลยได้นั่งคับ ระหว่างทางที่นั่งจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วนะคับ ให้โชว์ตั๋วด้วย เจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างสุภาพมากโดยการโค้งบอกเราว่าจะตรวจตั๋วอล้วนะ ซึ่งพอนั่งไปสัก 30 นาทีกว่าๆ ผมต้องลงแล้วคับเพราะผมต้องลงสถานี Tennoji โดยรถไฟจะจอด 3 สถานี คือ Tennoji , Shin-Osaka และ Kyoto
หลังจากลงจากรถไฟผมต้องนั่งรถไฟใต้ดินต่อเพื่อเดินทางไปยังทีพักแถวย่าน Tanimachi 4 Chome เดินออกไปตามทางป้ายจะบอกคับผมต้องไปทางสายสีม่วง ซึ่งจะไปสถานีได้ต้องออกจากสถานี Tennoji ก่อนโดยสอดตั๋วขามาเข้าไปคับ ครั้งนี้ไม่ต้องรอรับคับที่คั่นจะยึดบัตรไว้เลยคับ เดินออกไปตามทางก้อจะถึงสถานีเทนโนจิของสายสีม่วงคับใช้บัตรอิโคคะผ่านเข้าไปนะคับ (แอบไกลนิดนุงคับ) ค่าโดยสาร 240 เยน หักจากในบัตรคับ ผมนั่งไป 4 สถานีพอถึงแล้วเดินออกทาง Exit 8 ย้ำนิดนะคับว่าจะออกไปไหนต้องศึกษาหรือถามนายสถานีก่อนนะคับไม่งั้นเดินอลังการแน่ ระหว่างทางออกไปยังโรงแรมมี Family Mart เลยซื้อข้าวปั้นทายซะเลย ราคา 130 เยนรวม Tax เป็น 140 เยนคับ ที่นี่ภาษี 8% นะคร้าบบบ
สุดท้ายเดินขึ้นมาบนถนนจะเจอโรงแรมเลยคับ ถือว่าใกล้สุดๆ สะดวกมาก ผมรีบเดินไปเช็คอินโดยใช้ Passport และเอกสารของทางแอร์เอเชีย เรียยร้อยก้อขึ้นห้องไป เปิดประตูเข้าไปห้องเล็กนิดเดียวคับแต่ผมชอบมากนะคับ ลองดูจากภาพละกันคับ (ท่านใดพักที่นี่ไม่ต้องหอบแชมพู ครีมนวด สบู่เหลวมานะคับที่นี่มีให้ใช้ฟรี กลิ่นหอมมากๆ คับ)
นี่ห้องน้ำคับ
เก็บของเรียบร้อย เวลาตอนนี้ประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ คับเริ่มมืดแล้ว และเริ่มหิวแล้วจึงตัดสินใจเดินเล่นๆ ชิวๆ สักวันก่อนเพราะเหนื่อยมาเยอะแล้วคับ ท่านใดอยากทานอาหารอร่อยและไม่แพงตามผมมาเลยคับ....ให้ท่านเดินออกมาจากประตูโรงแรมแล้วหันไปทางซ้ายเดินไปสัก 3 บล็อกคับ จะเจอสะพานลอยให้ท่านเดินข้ามไปคับแล้วลงถนนด้านซ้ายมือ เดินไปอีกนิดจะเห้นร้านขายอาหารมีกระทะทอดอาหารอยู่ ร้านนี้เลยคับพนักงานจะเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ เพราะตอนที่ผมไปเห็นสามคนเป็นผู้หญิงหมดเลย ร้านนี้ราคาเริ่มต้น 300 เยน สูงสุด 500 เยน (แนะนำเมนูขวามือล่างสุดคับ 300 เยน อร่อยเหมือนหมูทอดกระเทียม) ส่วนเบียร์ Sapporo ราคาแก้วละ 350 เยนคับ
ปล. ท่านจะได้ยินคำว่า ไฮ แปลว่าค่ะ คับ อีกคำนึง ลงท้ายด้วย เซ็ง มันจะแปลว่า ยินดีต้อนรับ นะคับ อิอิ
จานนี้ 500 เยนคับ เป็นเหมือนยากิโซบะคับ
อิ่มอร่อยมากคับแต่ในใจคิดว่าแพงมั๊ยน้อราคานี้แต่ไม่เป้นรัยอร่อยดีก้อคุ้ม ทานเสร้จแล้วเดินมาทางเดิมคับแต่อย่าเพิ่งขึ้นสะพานลอย ให้มาทางซ้ายจะมีมินิมาร์ทเล็กๆ ให้ท่านซื้อของหรือขนมขบเคี้ยวที่นี่คับ ราคาถูกที่สุดละคับในย่านนี้ จากนั้นผมก้อเดินกลับห้องเพื่อพักผ่อนแต่วางแผนในการเดินทางวันต่อไปคับ อาบน้ำ...พักผ่อน เจอกันวันพรุ่งนี้คับ...มันส์แน่ โปรดติดตามตอนต่อไปคับ
ตอนที่ 2 :
http://pantip.com/topic/32757766
ตอนที่ 3 :
http://pantip.com/topic/32760744
ท่านใดสนใจทริปไต้หวัน ลองอ่านนะคับ :
http://pantip.com/topic/31486365
ท่านใดสนใจทริปมาเลเซียกัวลาลัมเปอร์ :
http://pantip.com/topic/32203404
ญี่ปุ่น 7 วัน 6 คืน เยือนโอซาก้า นารา เกียวโตกับ Airasiago (ตั๋ว+ที่พัก)
นี่เป็นการรีวิวการท่องเที่ยวครั้งที่ 3 ในกระทู้พันทิป (ไต้หวัน มาเลเซียและครั้งนี้ : ญี่ปุ่น) ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่กำลังจะเดินทางไปหรือกำลังคิดจากวางแผนไป ผมขอออกตัวก่อนว่าผมก้อไม่ได้หาข้อมูลมาเยอะมากเท่ารัยแต่ด้วยหน้าที่การงานว่างช่วงวันที่ 13-21พอดี แล้วลองหาตั๋วเพื่อท่องเที่ยวในช่วงวันว่าง (นานๆ จะว่างยาว) พบว่า โอซาก้าเป็นที่ๆ น่าไปที่สุดละด้วยราคาไม่แพงมาก 17,500 ต่อคน กับการพักที่นั่น 6 คืนที่โรงแรม APA Villa Hotel Tanimachi 4 (Yon) Chome ผมถือว่าคุ้มคับ งั้นก้อจองเครื่องเลยละกัน ข้อมูลอื่นๆ ค่อยไปหาเอาดาบหน้าก่อนเดินทางประมาณ 10 วัน
ก่อนอื่นหากหาข้อมูลทางเน็ตคงสืบสาวราวเรื่องปะติดปะต่อยากนิดนึงเพราะต้องทำงานประจำด้วยจึงตัดสินใจซื้อหนังสือมาหนึ่งเล่มคับ คือ เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับลุยคันไซ....พอเริ่มต้นอ่านก้องงแล้วคับเพราะเนื่องจากสนามบินคันไซอยู่ห่างในตัวเมืองคือ นัมบะและอุเมดะ ชินโอซาก้าและเกียวโตมาก ดังนั้นจะต้องนั่งรถไฟออกมาจากสนามบินซึ่งเราต้องดูว่าใช้จ่ายอย่างไรถึงจะคุ้มที่สุด อ่านไปอ่านมาบัตรโดยสารที่คันไซมีมากเหลือเกินนั่งงมอยู่นานเลยคับ สุดท้ายก้อต้องถามผู้รู้ในพันทิปและในเว็บ ซึ่งผมแนะนำ http://www.somchartlee.com/triptojapan/ นี่เลยคับ เพราะเจ้าของบล็อกให้คำตอบและช่วยเหลือดีจริงๆ สุดท้ายผมได้ความคิดว่าบัตรโดยสารที่เหมาะและคุ้มที่สุดหรือควรใช้มีดังนี้
1. ICOCA+HARUKA เป็นบัตรเติมเงินคับ บวกกับค่ารถไฟไปกลับสนามบิน ราคา 4000 เยน จะได้มาทั้งหมดสามใบ (บัตรเติมเงิน, บัตรออกจากสนามบิน และบัตรเดินทางเข้าไปยังสนามบิน) บัตรนี้ท่านจะต้องจองก่อนและพิมพ์เอกสารจากเมล์เพื่อไปรับบัตรพร้อมกับจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ณ สนามบิน
นี่เป็นบัตรไปกลับสนามบินนะคับ
2. Unlimited Pass เป็นบัตรที่นั่งรถไฟใต้ดินได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว มีสองราคา 2300 เยน ใช้ได้ 1 วัน กับ 3000 เยน ใช้ได้ 2 วัน ซื้อได้เฉพาะนักท่องเที่ยว ซึ่งแนะนำเลยนะคับท่านใดอยากเที่ยวหลายๆ สถานที่ในโอซาก้า บัตรนี้จะเข้าฟรีได้ 28 แหล่งและมีส่วนลดอื่นๆ อีก บัตรนี้ผมซื้อที่ Information Center นัมบะคับ
3. Kansai Thru Pass ใช้นั่งรถไฟ JR (รถไฟบนดิน) ไม่แน่ใจว่าใช้รถไฟใต้ดินด้วยป่าวนะคับ ได้ฟรีทุกที่ทุกเที่ยวในเขตคันไซ คือสามารถใช้เดินทางไปเกียวโต นารา โกเบ วาคายาม่า ชิกะ ฟรี (หากข้อมูลมีรัยผิดพลาดขออภัยนะคับ จำไม่ค่อยได้ละ)
สรุป...โดยส่วนตัวผมซื้อบัตร 1และ 2 เพราะที่แรกคิดว่าคงไม่ได้ไปไหนคงเที่ยวแต่ในโอซาก้าแค่นั้นเพราะอย่างที่ทุกท่านทราบดีผมมีเวลาหาข้อมูลไม่มากคับ (รูปทุกอย่างเด๊วผมจะตามมาใส่ให้นะคับ) ก่อนเดินทางตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นประเทศที่ใฝ่ฝันในวัยเด็กเลย (อยากไปหา อ.อะดาจิ มิสุรุ หากท่านใดเคยดูการ์ตูนเรื่อง ทัช คงพอทราบว่าท่านเป็นใคร) และทราบดีว่าที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาประจำชาติเค้า และถึงแม้ว่าจะพูดภาษาอังกฤษ ผมก้อพูดไม่ค่อยได้หรอกคับ ^^
นี่แค่เริ่มต้นนะคับ เด๊วมาต่อพร้อมกับรูปและเรื่องราวการเดินทาง ที่พัก อาหารการกินที่น่าสนใจต่างๆ ที่บางท่านอยากทราบเพื่อเป็นแนวทางและข้อมูลคับ
เรามาเริ่มต้นกันเลยคับ
- วันแรกของทริปนี้นะคับ อันที่จริงทริปผมนี่ต้องเป็น 8 วัน 6 คืนนะคับเพราะต้องใช้เวลาเดินทางไปยังญี่ปุ่นขาไป 15 ชั่วโมง คือ ขึ้นเครื่องเวลา 20.20 เมืองไทย ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่มาเลเซีย (คุ้นเคยมากกกกคับ เอิ๊กๆ เพิ่งรีวิวไปครั้งก่อน) ใช้เวลาเดินทางไปยังมาเลเซีย 2 ชั่วโมงกว่าๆ แล้วต้องไปรอขึ้นเครื่องอีกที่ 8 โมงเช้าของที่นั่นคับ....ณ เวลานี้เป็นช่วงที่ทรหดมากคับ เนื่องจากความผิดพลาดของผมหลายอย่างคือ อับดับแรก ที่บ้านเรานี่ร้อนเหลือหลายแต่พอขึ้นเครื่องละหนาวเหลือเกิน ซึ่งข้อผิดพลาดนี้คือผมดันไม่ใส่เสื้อกันหนาวขึ้นเครื่อง เอาโหลดลงกระเป๋าหมดเลยคับ พอถึงสนามบินที่มาเลเซีย ที่นั่นก้อหนาวอีกหนำซ้ำต้องนอนรอเครื่องอีก ทรมานจริงๆคับ ข้อสอง ดันแลกตังค์เป็นเยนเกือบหมด (แนะนำให้แลกที่ไทยก่อนไปนะคับ) มีตังค์ไทยติดตัวอยู่ประมาณ 180 บาท ด้วยความว่าหิวและไม่อยากแลกเยนเป็นริงกิตเพราะกลัวไปใช้ที่ญี่ปุ่นไม่พอ เลยแลกเงินไทย 180 บาทแลกเป็นริงกิตได้ 16 ริงกิตเพื่อนำมาทานข้าว เอิ๊กๆ ขำตัวเองคับไม่เคยแลกเงินน้อยขนาดนี้ แต่จนแล้วจนรอดก้อทานจนอิ่มแหละคับ ทานอิ่มละก้อหาที่นอนคับ ถ้าท่านไปเป็นคนแรกๆ ท่านจะมีที่นอนอย่างดีเพราะเก้าอี้ที่สนามบินมาเลเซีย (KL) น่ะ เป็นเบาะใหญ่ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเอามาต่อกันสองตัวละก้อสบายเลยละคับ แต่ผมไม่เป็นอย่างงั้นคับ เบาะไม่พอเลยต้องไปนอนเก้าอี้แถวหน้าห้องน้ำซึ่งจะเป็นตัวยาวติดกันนอนได้แต่ไม่สบายเท่ารัยคับ นอนรอจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง (เกือบตกเครื่องเพราะฉะนั้นทุกท่านดูนาฬิกาที่นั่นเป็นหลักนะคับเพราะบ้านเรากับมาเลเซียต่างกัน 1 ชั่วโมง) แล้วก้อรีบวิ่งไปที่เกตทันพอดีคับ หลังจากขึ้นเครื่องก้อหนาวอีกตามเคยจะเช่าผ้าห่มก้อเสียดายตังค์คับ รอจน 6 ชั่วโมงก้อถึงสานามบินคันไซแล้วคับ
เมื่อมาถึงสานามบินคันไซ รู้สึกว่าเราจะทำงัยดีน้าและจะทำยังงัยเพื่อให้ไปถึงที่พัก แต่ก้อคิดในใจว่าไปมั่วๆ ลองดูละกันคับ อิอิ (ลืมบอกไปคับ อยู่บนเครื่องให้ขอใบ Immigration เลยนะคับ เขียนบนเครื่องเพราะถ้าไม่ขอแอร์ไม่แจกคับ หรือว่าแจกแต่ผมหลับก้อไม่ทราบ) ถ้าไม่เขียนบนเครื่องจะต้องมาเสียเวลาเขียนที่หน้า ตม. คับ เพระฉะนั้นท่านจะเป็นคนหลังๆ ที่ได้ผ่านด่าน มีทริกนิดนึงเนื่องจากอ่านจากหนังสือ ตอนตรวจคนเข้าเมืองควรแต่งกายสุภาพ ดูดี ไม่ใช่เสื้อยืดย้วยๆ กางเกงขาสั้น รองเท้าเตะดาวเทียมนะคับ เพราะเค้าอาจไม่ให้ท่านเข้าประเทศได้
หลังจากผ่านด่านมาก้อนั่งรถต่อระหว่าง Terminal ซึ่งแอร์เอเชียส่วนใหญ่จะอยู่ Terminal 3 เราจะต้องนั่งมาที่ Terminal 1 คับ เพื่อรับกระเป๋า ออกมาเราจะอยู่ชั้น 1 ซึ่งทุกท่านจะออกจากสนามบินต้องขึ้นไปที่ขั้นสองคับ รถไฟอยู่ที่ชั้นนั้นคับ ส่วนผมต้องไปรับบัตร ICOCA+HARUKA อยู่แล้ว โดยไปที่ JR Ticket Office ตามภาพเลยคับ
จากนั้นเข้าไปด้านในเอาเอกสารยื่นให้เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งจ่ายเงิน 4000 เยน/ท่านคับ 2000 เยน เป็นค่ารถไฟไปกลับ อีก 2000 เราสามารถใช้ได้ 1500 เยน และอีก 500 เป็นค่ามัดจำบัตรคับ หากเอาคืนแล้วท่านจะได้เงินคืนตามยอดที่เหลือบวกกับ 290 เยนนะคับ ส่วนอีก 210 เยนเป็นค่าบริการมั้งคับ
นี่เป็นรูปถ่ายด้านนอก JR Ticket Office จะอยู่ซ้ายมือ
เมื่อได้บัตรแล้วก้อลุยได้เลยคับ ท่านใดใช้บัตรแบบผม เข้าทางประตูสีฟ้าคับอยู่ตรงข้ามที่ซื้อตั๋วแหละคับ ส่วนสีแดงจะเป็นรถไฟ Nankai จะใช้เวลาเดินทางช้ากว่าฮารุกะนะคับประมาณ 10 กว่านาที ตอนเข้าให้เอาบัตรขาออกจากสนามบินไปในเมืองสอดไปที่คั่นประตูและรอรับด้วยนะคับ
เข้ามาแล้วเดินมาตามทางเค้าคับ น่าจะลงบันไดเลื่อนมาถ้าจำไม่ผิด สถานีรถไฟจะมี 2 ชานชลาคับ ตอนแรกก้องงว่าจะขึ้นทางไหน เลยถามเจ้าหน้าที่คับ ผมขึ้นชานชลาขวามือตอนลงมา และให้ดูตู้รถนะคับ เราจะต้องนั่งในตู้ท้ายๆ ตู้ 5-6 เพราะเป็นตู้ที่ไม่ได้สำรองที่นั่งไว้ หากใครจะสำรองที่นั่งว่าได้นั่งแน่ๆ ก้อเพิ่มเงินอีก 500 เยนคับ ลองดูบรรยากาศกันเลยนะคับ
ดูดีๆ นะคับ ป้ายสีฟ้าๆ ขวามือจะเขียนว่า Non Reserved
ผมโชคดีที่คนน้อยเลยได้นั่งคับ ระหว่างทางที่นั่งจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วนะคับ ให้โชว์ตั๋วด้วย เจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างสุภาพมากโดยการโค้งบอกเราว่าจะตรวจตั๋วอล้วนะ ซึ่งพอนั่งไปสัก 30 นาทีกว่าๆ ผมต้องลงแล้วคับเพราะผมต้องลงสถานี Tennoji โดยรถไฟจะจอด 3 สถานี คือ Tennoji , Shin-Osaka และ Kyoto
หลังจากลงจากรถไฟผมต้องนั่งรถไฟใต้ดินต่อเพื่อเดินทางไปยังทีพักแถวย่าน Tanimachi 4 Chome เดินออกไปตามทางป้ายจะบอกคับผมต้องไปทางสายสีม่วง ซึ่งจะไปสถานีได้ต้องออกจากสถานี Tennoji ก่อนโดยสอดตั๋วขามาเข้าไปคับ ครั้งนี้ไม่ต้องรอรับคับที่คั่นจะยึดบัตรไว้เลยคับ เดินออกไปตามทางก้อจะถึงสถานีเทนโนจิของสายสีม่วงคับใช้บัตรอิโคคะผ่านเข้าไปนะคับ (แอบไกลนิดนุงคับ) ค่าโดยสาร 240 เยน หักจากในบัตรคับ ผมนั่งไป 4 สถานีพอถึงแล้วเดินออกทาง Exit 8 ย้ำนิดนะคับว่าจะออกไปไหนต้องศึกษาหรือถามนายสถานีก่อนนะคับไม่งั้นเดินอลังการแน่ ระหว่างทางออกไปยังโรงแรมมี Family Mart เลยซื้อข้าวปั้นทายซะเลย ราคา 130 เยนรวม Tax เป็น 140 เยนคับ ที่นี่ภาษี 8% นะคร้าบบบ
สุดท้ายเดินขึ้นมาบนถนนจะเจอโรงแรมเลยคับ ถือว่าใกล้สุดๆ สะดวกมาก ผมรีบเดินไปเช็คอินโดยใช้ Passport และเอกสารของทางแอร์เอเชีย เรียยร้อยก้อขึ้นห้องไป เปิดประตูเข้าไปห้องเล็กนิดเดียวคับแต่ผมชอบมากนะคับ ลองดูจากภาพละกันคับ (ท่านใดพักที่นี่ไม่ต้องหอบแชมพู ครีมนวด สบู่เหลวมานะคับที่นี่มีให้ใช้ฟรี กลิ่นหอมมากๆ คับ)
นี่ห้องน้ำคับ
เก็บของเรียบร้อย เวลาตอนนี้ประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ คับเริ่มมืดแล้ว และเริ่มหิวแล้วจึงตัดสินใจเดินเล่นๆ ชิวๆ สักวันก่อนเพราะเหนื่อยมาเยอะแล้วคับ ท่านใดอยากทานอาหารอร่อยและไม่แพงตามผมมาเลยคับ....ให้ท่านเดินออกมาจากประตูโรงแรมแล้วหันไปทางซ้ายเดินไปสัก 3 บล็อกคับ จะเจอสะพานลอยให้ท่านเดินข้ามไปคับแล้วลงถนนด้านซ้ายมือ เดินไปอีกนิดจะเห้นร้านขายอาหารมีกระทะทอดอาหารอยู่ ร้านนี้เลยคับพนักงานจะเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ เพราะตอนที่ผมไปเห็นสามคนเป็นผู้หญิงหมดเลย ร้านนี้ราคาเริ่มต้น 300 เยน สูงสุด 500 เยน (แนะนำเมนูขวามือล่างสุดคับ 300 เยน อร่อยเหมือนหมูทอดกระเทียม) ส่วนเบียร์ Sapporo ราคาแก้วละ 350 เยนคับ
ปล. ท่านจะได้ยินคำว่า ไฮ แปลว่าค่ะ คับ อีกคำนึง ลงท้ายด้วย เซ็ง มันจะแปลว่า ยินดีต้อนรับ นะคับ อิอิ
จานนี้ 500 เยนคับ เป็นเหมือนยากิโซบะคับ
อิ่มอร่อยมากคับแต่ในใจคิดว่าแพงมั๊ยน้อราคานี้แต่ไม่เป้นรัยอร่อยดีก้อคุ้ม ทานเสร้จแล้วเดินมาทางเดิมคับแต่อย่าเพิ่งขึ้นสะพานลอย ให้มาทางซ้ายจะมีมินิมาร์ทเล็กๆ ให้ท่านซื้อของหรือขนมขบเคี้ยวที่นี่คับ ราคาถูกที่สุดละคับในย่านนี้ จากนั้นผมก้อเดินกลับห้องเพื่อพักผ่อนแต่วางแผนในการเดินทางวันต่อไปคับ อาบน้ำ...พักผ่อน เจอกันวันพรุ่งนี้คับ...มันส์แน่ โปรดติดตามตอนต่อไปคับ
ตอนที่ 2 : http://pantip.com/topic/32757766
ตอนที่ 3 : http://pantip.com/topic/32760744
ท่านใดสนใจทริปไต้หวัน ลองอ่านนะคับ : http://pantip.com/topic/31486365
ท่านใดสนใจทริปมาเลเซียกัวลาลัมเปอร์ : http://pantip.com/topic/32203404