เห็นข่าวว่า ... "หนุ่มโวยวายบนสายการบินดัง หอบดอกไม้หลากสีขอขมาแล้ว"

กระทู้สนทนา
หอบดอกไม้หลากสีมาขอขมา หนุ่มคู่กรณีแอร์เอเชีย ชี้มาด้วยท่าทีเรียบร้อยไม่เกรี้ยวกราด พร้อมกับถ่ายคลิปขอขมา คาดจะเอามาเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลตัวเอง ย้ำแอร์เอเชียยังไม่ฟัน ดำเนินการอย่างไรต่อ...

จากกรณีคลิปที่มีผู้เผยแพร่เรื่องราวของผู้โดยสาร โวยวายและโต้เถียงกับ ลูกเรือบนสายการบินชื่อดัง เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกพนักงานสายการบินเชิญให้ลงจากเครื่อง เนื่องจากโยนกระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักมากถึง 7 กิโลกรัม ลงจากเครื่องบิน ต่อมาจึงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต

ล่าสุด แหล่งข่าวจากแอร์เอเชีย เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า บ่ายวันนี้ (22 ต.ค.) หนุ่มคู่กรณีที่เป็นข่าวโด่งดังโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาที่เบอร์กลางแอร์เอเชีย พร้อมกับแสดงความจำนงเอาดอกไม้มาขอขมาด้วยตัวเอง โดยบ่ายวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับคนติดตาม เข้ามาขอพูดคุยกับผู้บริหารเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเศษ โดยเนื้อหาไม่ได้แตกต่างไปจากที่ออกรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 พร้อมกับมอบดอกไม้ที่เจ้าตัวอ้างว่าที่บ้านจัดให้มามอบเพื่อขอขมาด้วย

"โทรมาที่คอลเซ็นเตอร์ แสดงความจำนงว่าจะเอาดอกไม้ ซึ่งบอกว่าเป็นดอกไม้หลากสีหลายชนิดช่อใหญ่โดยในนั้นมีดอกไม้มากมาย เช่น ดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบที่ทางบ้านจัดเอาไว้ให้เข้ามาขอขมาผู้บริหารแอร์เอเชียด้วยตัวเอง พอเข้ามาก็พูดคุยกันสัก 1 ชั่วโมงเศษด้วยท่าทีที่ไม่เกรี้ยวกราด หลังจากนั้นผู้ติดตามก็ถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่เจ้าตัวขอขมา โดยคาดว่าน่าจะนำไปเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลของตัวเอง"

เมื่อถามว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร แหล่งข่าวแอร์เอเชียระบุชัดแล้ว ว่า ไม่อยากให้เป็นประเด็นต่อไป ส่วนเรื่องจะดำเนินการต่ออย่างไร คาดว่าจะไม่มีการดำเนินการทางกฎหมาย สำหรับเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยกับผู้โดยสารก็ยังดำเนินการตามหลักสากลเหมือนอย่างที่เคยทำเช่นเคย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ หนุ่มคนดังกล่าว ได้ยืนยันกับผู้ดำเนินรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ในช่วงหลังการออกอากาศว่า จะทำหนังสือขอโทษกับผู้บริหารแอร์เอเชีย โดยไม่ได้ระบุวัน พร้อมทั้งยอมรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับที่มีเสียงโวยวายไม่พอใจในคลิปถูกตำรวจล็อกล้อในช่วงที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้ (22 ต.ค.) ได้เดินทางมายังที่ทำการของแอร์เอเชีย ทำในสิ่งที่ได้พูดไว้ ซึ่งถือว่าจบด้วยดี เมื่อผู้บริหารแอร์เอเชีย ยืนยันจะไม่ดำเนินการทางกฎหมายใดๆ.


http://www.thairath.co.th/content/458530
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่