บวชไม่สึก แต่ทิ้งคนข้างหลังเอาไว้ แบบนี้ คือดี ได้บุญ ใช่มั้ย??

อยากทราบทัศนะของหลายๆคนเกี่ยวกับประเด็นนี้ (ตามหัวข้อ) และเรื่องเกี่ยวกับบุญๆบาปๆ

เห็นบ่อย ละทางโลก ทิ้งลูกทิ้งเมีย บวชไม่สึก ลูกเมียมานั่งร้องไห้จะเป็นจะตายก็ไม่สึก แบบนี้เรียกดี ฝักใฝ่ธรรมะ หรือ เห็นแก่ตัว?

เคยถามคนคนนึงว่า การกระทำแบบนี้มันดีหรอ(บวชไม่สึก ทั้งๆที่มีภาระ)ได้คำตอบมาประมาณว่า "ก็ดีนะ ได้เผยแพร่ธรรมะต่อไป ได้บุญ" แต่เราก็ติดใจว่า เผยแพร่ธรรมะต่อให้ใคร??
ในเมื่อสิ่งที่คุณทำคือทิ้งลูกทิ้งเมียให้ทุกข์ทรมาน อยู่ข้างหลัง มันคือบุญ ใช่มั้ย??

ได้ยินมาอีกว่าถ้าไปสึกพระ หรือ ประมาณว่า ไปทำให้พระสึก จะบาปมาก ทำมาหากินไม่ขึ้น คือ ถ้าลูกเมียพยายามกล่อมพ่อ/ผัว ที่เป็นพระให้สึก คือบาป?? ทำไมอะ??  คือคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสในชาตินี้เพื่อให้ผู้ชายได้บุญ เสวยสุขบนสวรรค์ในชาติหน้า หรือ รักคือความเสียสละนะแหม่

เคยได้ยินคำปลอบใจฝ่ายหญิงประมาณว่า "ก็อนุโมทนาให้เถอะ เขาอยู่ในที่ๆดี" ที่ที่ดีอะไร แล้วผู้หญิงล่ะ?? ต้องทนเลี้ยงลูกคนเดียวในโลกทุนนิยมโหดร้ายแบบนี้เรอะ??

แล้วบุญคืออะไร?? เอาอะไรไปตัดสินว่ามันคือบุญ อย่างเผยแพร่ธรรมะ นี่เขาทำกันในรูปแบบไหนเราก็ไม่รู้หรอกนะ เราเคยไปนั่งฟังธรรม เราฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็ทำไปเพราะอยากได้บุญ เห็นคนอื่นทำกันมานาน เลยทำตามๆไป สงสัยเราเป็นพวกบัวใต้คอนกรีต -*-  

แต่จะว่าไป ทำไมคนเราทำไมต้องสนใจเรื่องของ บุญ/บาป มากกว่าการมีปัญญา ทำไมต้องหวังผลให้สุขสบายในชาติภพหน้า มากกว่า ในชาติภพนี้???




ติดแท็ก แบบงงๆ ขอโทษด้วยถ้าแท็กผิดเน้อ อยากได้ทัศนะ หลายๆรูปแบบจ้า และขอโทษล่วงหน้าที่คำถามอาจจะไม่ถูกใจใครเข้าจ้า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าให้ถูกต้องตามวินัยก่อนบวชต้อง เคลียร์ภาระ หรือ
คดีความต่าง ๆ ให้เรียบร้อย อีกทั้งพ่อแม่ ภรรยาต้องยินยอมก่อน
จึงจะไม่ด่างพร้อย (Ex. ไม่เป็นหนี้ค้างคา ไม่มีคดีติดตัว
ไม่เป็นโรคร้ายแรง ไม่แก่ชราจนศึกษาคำสอนไม่ไหว
เดินจงกรมไม่ได้  ในขณะเป็นฆาราวาสก่อนบวชก็ต้องจัดการ
ทำหน้าที่ต่อพ่อแม่ ให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต และมีคนดูแล ก่อน
หรือหาก พ่อแม่ มีทุกอย่างแล้ว แต่แค่ต้องการให้ลูกบวช
ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ส่วนภรรยา และลูกก็เช่นกัน ในทิศ 6
ท่านสอนให้รับผิดชอบ เช่นเดียวกับ พ่อและแม่)

ทำไมคนเราทำไมต้องสนใจเรื่องของ บุญ/บาป มากกว่าการมีปัญญา ทำไมต้องหวังผลให้สุขสบายในชาติภพหน้ามากกว่า ในชาติภพนี้???

ปัญญา เป็นสิ่งประเสริฐที่เมื่อเรียนรู้ ศึกษา ปฏิบัติ และประจักษ์ขึ้นในใจได้แล้วจะเป็น
เครื่องนำทางความรู้สึกพฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ ความนึกคิด
ให้กระทำบุญ ไม่กระทำบาป  สุขสบายทันทีในชาติภพนี้ ไม่ต้องรอชาติภพหน้า
Ex.
- รู้จักความโกรธ
- รู้ว่าความโกรธเกิดจากสาเหตุอะไร
- อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดความโกรธ
- รู้วิธีในการกำจัดความโกรธนั้น
- ปฏิบัติตามวิธีได้ความโกรธตั้งอยู่ไม่ได้ในความรู้สึกเพราะมีความรู้ดีในการปฏิบัติเพื่อการดับความโกรธในขณะที่มีเผชิญหน้า
กับเรื่องราวที่เป็นที่ตั้งของความโกรธ

สุขสบายทันทีในชาติภพนี้ บุญกำจัดบาปได้ในขณะปัจจุบัน เพราะ มีปัญญา
ความคิดเห็นที่ 13
แฟนผมเคยพูดตัดพ้อกับผมว่า ...ผมไม่รักเธอ  เหมือนกับที่เธอรักผม  แต่ผมพูดกับเธอว่า...เธอนะรักตัวเองมากกว่า
ปรกฏว่าเธอชงักไปกับคำพูดของผม  แล้วบอกว่า เธอไม่เข้าใจ   จึงบอกเธอไปอีกว่า  ลองคิดดูให้ดีๆ...
ลองคิดดูสิครับ

ความรักแบบสามีภรรยาของมนุษย์เรา เป็นผลมาจากความรักตัวเอง ต้องการให้สิ่งที่รักนั้น อยู่สนองความ
ความต้องการต่างๆตลอดไป ต่างจากความรักของบิดา มารดาให้กับบุตร หรือบุตรให้บิดา มารดา  ที่พร้อมจะให้
โดยไม่มีเงื่อนไข  มีความยินดีเมื่อคนที่ตนเองรักไปพบกับสิ่งดีๆ  ไม่ร้อนทุรนทุรายว่า ต่อไปจะมีใครมาชดเชยสิ่งที่หายไปได้

อีกอย่างหนึ่ง...การที่คนคนหนึ่งเป็นคนดี ประกอบแต่คุณงามความดี บิดา มารดา ภรรยาหรือบุตรของเขาไม่ว่าชาติใดที่ผ่านมา
จะได้รับผลความดีจากเขากันทุกคนแต่จะมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป แม้คนรอบข้างหรือคนที่ระลึกถึงเขา ระลึกถึงเมื่อใดก็ได้รับ
กระแสบุญ กระแสแห่งคุณงามความดีที่เขาทำไว้ รับกระแสโดยไม่รู้ตัว  สิ่งเหล่านี้เป็นคำอธิบายว่า ทำไมเมื่อเราคิดถึงคนคนหนึ่งซึ่ง
คนคนนั้นเป็นคนดี  ใจเราทำไมจึงนุ่มนวล สงบลงโดยไม่รู้ตัว ,ทำไมบางคนแม้ก่อกรรมหนัก  แต่ก่อนตายจิตเขาสงบลงและระลึกถึง
พระพุทธเจ้า จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ก่อน , ทำไมเมื่อบุตรชายอุปสมบท บิดา มารดา( ไม่จำกัดว่าเฉพะขาตินี้) จึงได้รับผลบุญ  ๆลๆ

ดังนั้นเมื่อมีใครบางคนที่รู้สิ่งเหล่านี้  ก็จะรู้ต่อไปอีกว่า การที่ตนเองออกบวชเพื่อทำตนให้บริสุทธิ์ ขัดเกลาตนเองให้เป็นคนดีย่อมเป็นผลดี
กับคนรอบข้าง  ยังประโยชน์กับหมู่สัตว์โลกทั่วไป  แม้จะมีบางคนไม่เข้าใจก็ตาม   เป็นผลดี  ดีกว่าการยอมให้ตนเองเป็นวัตถุที่พากัน
เกาะเกี่ยวกันอยู่ในมูตรในคูตวนเวียนต่อไปนานเท่านาน...
ความคิดเห็นที่ 1


บางคน เค้ารู้แล้วว่า ที่เป็นอยู่ มันคือเกมส์ ไม่ใช่ของจริง ไม่มีคุณค่าอะไร เป็นของปลอม เปล่าๆ ปลี้ๆ

เค้าก็โยนที่บังคับเกมส์นั้นทิ้ง หรือออกจากร้านเกมส์ตรงนั้นมา คนอื่นๆที่ยังติดเกมส์อยู่ ก็ตะโกนบอกว่า เฮ้ย ไม่เล่นแล้วเหรอ

แต่มันก็ไม่แน่ บางคนเดินออกไปแล้ว ก็หวนกลับมาอีก มันแล้วแต่ตัวแปรในภายใน และในภายนอก และทั้งภายในภายนอกร่วมกัน


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่