สวัสดีจ้า หญิงกลับมาพาเที่ยวต่อกับทริปตะลุย Hokkaido ตอนที่ 2 แล้ว จากตอนที่แล้ว แย้ได้พาไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง สวนดอกไม้และอีกหลายๆที่เลย และในตอนน่ี้รับรองว่าสวยงามไม่แพ้ตอนที่แล้วแน่นอน ตามแย้มาเที่ยวกันต่อเลยจ้า
สำหรับวันที่ 3 เช้าปุ้บหลังจากเสร็จภาระกิจส่วนตัวของเรา ก็ตรงไปที่ “หุบเขานรก” เป็นบ่อโคลนเดือด อุดมไปด้วยกำมะถัน ก็จะมีควันพุ่งขึ้นมาแบบนี้ จะมีหลายบ่อมากมาย ธรรมชาติแถวๆนั้นก็สวยงาม ใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นกระเช้าไปที่จุดชมวิวของฮอกไกโดกัน ไปยังภูเขาไฟอุสึ เขาบอกว่าเป็นภูเขาไฟลูกนี้เป็นภูเขาไฟที่ระเบิดบ่อยที่สุกของญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันหยุดแล้วแต่ว่ายังมีควันขาวปะทุออกมาอยู่ ขึ้นไปเราก็จะเห็นวิวสวยมากๆ มีทะเลสาป ธรรมชาติที่สวยงามตามท้องเรื่อง
แล้วเราก็ไปให้อาหารหมีกัน ที่ีแหล่งอนุรักษ์หมีสีน้ำตาล ถ้าใครสังเกตตั้งแต่ตอนที่แล้วจะเห็นแย้ถ่ายรูปกับรูปปั้นน้องหมีหลายๆรูปเลย ที่จริงแล้วน้องหมีสีน้ำตาลนี้เป็นพันธุ์ที่หายากในปัจจุบัน ซึ่งจะมีเฉพาะที่ฮอกไกโดเท่านั้น วันนี้ก็ได้มาชมน้องหมีตัวเป็นๆเลย น่ารักมาก ได้โยนแอปเปิ้ลให้น้องหมีกิน หมีแต่ละตัวก็จะมีลีลาขอแอปเปิ้ลที่แตกต่างกัน
แย้ก็เลยโดนน้องหมีงับหู เย้ย!! ไม่ใช่ พอดีกันแล้วก็เลย Five me five กันซะหน่อย
มาที่มื้อกลางวันกันจ้า มื้อนี้เป็นชาบู ชาบู แล้วแต่ละคนจะได้ปลาแดดเดียวตัวใหญ่เบ่อเริ่มคนละหนึ่งตัว เหมือนเลี้ยงแมวเลย รสชาติดี อร่อยค่ะ เป็นร้านที่เก่าแก่มากๆ เพราะว่าขึ้นไปบนลาน จะเป้นพื้นไม้ เดินไปดังเอี้ยดอาดๆ ส่วนอาหารอร่อยจริงๆ คอนเฟิร์ม
หลังจากเติมพลังกันแล้วก็เดินทางต่อไปที่เมืองโอตารุ เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการค้าทางน้ำของฮอกไกโด และไปชมคลองโอตารุ เป็นคลองที่อุดมสมบูรณ์มาก และจะมีปลาแซลมอนขึ้นมาวางไข่ด้วย คือจริงๆแล้วไม่น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ แต่ทางญี่ปุ่นเค้าก็ช่วยกันพัฒนาพื้นที่บริเวณเล็กๆตรงนี้ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้คนท้องถื่นได้ เสน่ห์อีกอย่างก็คือเค้าจะมีรถลาก เป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ นักกีฬาสุดฤทธิ์ ผิวเข้ม ก็ถูกใจบรรดาสาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เราก็สามารถจ้างเค้าพาไปเที่ยวรอบเมืองได้
ส่วนบริเวณริมคลองก็จะมีผลงานศิลปะนู่นนี่นั่นวางขาย เป็นมนต์เสน่ห์อย่างนึงของที่นี่ แล้วก็จะมีเรือให้บริการกินลมชมวิว หรือเค้าอาจจะพยายามให้เหมือนเวนิสแต่มันก็ไม่เหมือนอยู่ดี เป็นเสน่ห์คนละแบบกัน
และที่สำคัญ ไอติมเมล่อน เรียกได้ว่ามีทุกที่จริงๆในเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ จะมีไอศครีมเมลอนตลอดเวลา มีเมล่อนขาย แล้วอร่อยมาก อร่อยจริงๆ และทุกร้านที่มีขายไอศครีม ซอฟต์ครีมแบบนี้ ก็จะมีไอศครีมปลอมอันใหญ่ๆตั้งอยู่แบบนี้ทุกที่เลย
และมาสะดุดที่ป้ายอันนี้เพราะว่ามีภาษาไทยด้วย เขียนว่า “ไอศกรีมเม็ดกรุบกริบเคี้ยวลืน” คืออะไร เค้าแปลมาจาก google translate นั่นเองนะครัชชช (วิบัติเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน)
หลังจากนั้นเราออกมาจากคลองโอตารุได้สัก 3 นาที แล้วก็เดินเข้ามา จะเป็นถนนคนเดิน และจะมีหอนาฬิกาไอน้ำ ที่มีแค่ 2 เรือนในโลกเท่าน้ัน คือที่แคนาดา และเมืองโอตารุแห่งฮอกไกโดแห่งนี้นี่เอง เอง เอง.. ซึ่งเป็นนาฬิกาไอน้ำที่ยังคงทำงานอยู่ได้ ทุกๆ 15 นาที ก็จะมีไอน้ำพุ่งขึ้นมา ปู๊ด ปู๊ด ปู๊ด เหมือนรถไฟงี้นะคะ และตรงข้ามกับหอนาฬิกาจะมีอาคารคล้ายโบสถ์หรืออะไรสักอย่าง ก็จะมีกระดิ่ง ดังกรุ้งกริ้งๆทุกๆชั่วโมงเช่นเดียวกัน
และข้างหลังของนาฬิกาไอน้ำนี่เอง ก็จะมีพิพิธพัณฑ์กล่องดนตรี ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าจะรวบรวมประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกล่องดนตรีทั้งหลายนู่นนี่นั่น ปรากฎว่าเข้าไป นางขายกล่องดนตรีจ้าาา มีทุกแบบทุกสไตล์ ไม่ไหวแล้ว ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย
แล้วก็พอมีเวลาได้เดินเล่นนิดหน่อย เลยก็ไปแวะกินดับเบิ้ลชีสเค้ก ณ ร้าน LeTAO แซปจริงไรจริง มีชื่อเสียงมากๆ มองไปทางไหนก็จะเจอแต่ร้านชื่อ LeTAO แห่งนี้
และนี่ก็เป็นหนึ่งในร้านค้าที่อยู่ริมถนนเมืองโอตารุ เสน่ห์ของเค้าก็คือป้ายมันจะเยอะมาก และทุกอย่างราคาเท่ากันทั้งเมือง ไม่ต้องกังวลเลยว่า ร้านนี้จะถูกกว่าร้านนั้น อีกร้านจะโกงราคารึเปล่าไรงี้ ไม่มีนะจ้ะ เพราะว่าเค้าควบคุมราคามากๆ

ไปต่อกันเลยกันที่โรงงานช็อกโกแลต ซึ่งฮอกไกโดก็ขึ้นชื่อมากๆเรื่องช็อกโกแลต บรรยากาศรอบๆตกแต่งสวยงามมาก เหมือน Disney Land ขนาดย่อมเลยนะคะ แล้วก็มีดอกไม้มากมาย
ส่วนบรรยากาศในโรงงานช็อกโกแลต ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดฮิตของฮอกไกโด ถ้ามีญาติมีเพื่อนไปฮอกไกโดมา เราก็จะได้สิ่งนี้เป็นของฝากที่ระลึก Packaging น่ารักมาก ชื่อขนมชิโระอิโคะอิบิโตะ เราก็จะได้เห็นกรรมวิธีในการทำ ขั้นตอนก็จะเป็นเครื่องจักรอย่างเดียวเลย ส่วนขั้นตอนของคนก็จะทำหน้าที่ QC ตรวจสอบมาตรฐาน คุณภาพไม่ผ่านก็จะทิ้งทันที เขาจะไม่มีการเอามาเลหลังขายราคาถูก ก็คือทิ้งทันที เหลือแต่อันที่ดีๆก็จะถูกบรรจุใส่ซอง นำขายต่อไป
นอกเหนือจากโรงงานช็อกโกแลตแล้ว ยังมีพิพิภัณฑ์ของเล่นด้วย น่าจะเป็นของสะสมของเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ก็มีของเก่ามากมาย ของเล่นสมัยเด็กๆ คือเยอะมากๆ มีพวกลำโพงเก่า เจ้าของคงชอบมากๆ ของเยอะมาก ก็เลยเปิดพิพิธภัณฑ์มันซะเลยนะ ก็คือเป็นทางออกในชีวิตที่ดี อย่าเก็บไว้ดูคนเดียว ก็แบ่งคนอื่นมาดูด้วย ก็เป็นอันจบวันที่ 3 แล้วเด้อ
[CR] หญิงแย้พาเที่ยว Hokkaido ตอนที่ 2
สำหรับวันที่ 3 เช้าปุ้บหลังจากเสร็จภาระกิจส่วนตัวของเรา ก็ตรงไปที่ “หุบเขานรก” เป็นบ่อโคลนเดือด อุดมไปด้วยกำมะถัน ก็จะมีควันพุ่งขึ้นมาแบบนี้ จะมีหลายบ่อมากมาย ธรรมชาติแถวๆนั้นก็สวยงาม ใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ขึ้นกระเช้าไปที่จุดชมวิวของฮอกไกโดกัน ไปยังภูเขาไฟอุสึ เขาบอกว่าเป็นภูเขาไฟลูกนี้เป็นภูเขาไฟที่ระเบิดบ่อยที่สุกของญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันหยุดแล้วแต่ว่ายังมีควันขาวปะทุออกมาอยู่ ขึ้นไปเราก็จะเห็นวิวสวยมากๆ มีทะเลสาป ธรรมชาติที่สวยงามตามท้องเรื่อง
แล้วเราก็ไปให้อาหารหมีกัน ที่ีแหล่งอนุรักษ์หมีสีน้ำตาล ถ้าใครสังเกตตั้งแต่ตอนที่แล้วจะเห็นแย้ถ่ายรูปกับรูปปั้นน้องหมีหลายๆรูปเลย ที่จริงแล้วน้องหมีสีน้ำตาลนี้เป็นพันธุ์ที่หายากในปัจจุบัน ซึ่งจะมีเฉพาะที่ฮอกไกโดเท่านั้น วันนี้ก็ได้มาชมน้องหมีตัวเป็นๆเลย น่ารักมาก ได้โยนแอปเปิ้ลให้น้องหมีกิน หมีแต่ละตัวก็จะมีลีลาขอแอปเปิ้ลที่แตกต่างกัน
แย้ก็เลยโดนน้องหมีงับหู เย้ย!! ไม่ใช่ พอดีกันแล้วก็เลย Five me five กันซะหน่อย
มาที่มื้อกลางวันกันจ้า มื้อนี้เป็นชาบู ชาบู แล้วแต่ละคนจะได้ปลาแดดเดียวตัวใหญ่เบ่อเริ่มคนละหนึ่งตัว เหมือนเลี้ยงแมวเลย รสชาติดี อร่อยค่ะ เป็นร้านที่เก่าแก่มากๆ เพราะว่าขึ้นไปบนลาน จะเป้นพื้นไม้ เดินไปดังเอี้ยดอาดๆ ส่วนอาหารอร่อยจริงๆ คอนเฟิร์ม
หลังจากเติมพลังกันแล้วก็เดินทางต่อไปที่เมืองโอตารุ เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการค้าทางน้ำของฮอกไกโด และไปชมคลองโอตารุ เป็นคลองที่อุดมสมบูรณ์มาก และจะมีปลาแซลมอนขึ้นมาวางไข่ด้วย คือจริงๆแล้วไม่น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ แต่ทางญี่ปุ่นเค้าก็ช่วยกันพัฒนาพื้นที่บริเวณเล็กๆตรงนี้ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้คนท้องถื่นได้ เสน่ห์อีกอย่างก็คือเค้าจะมีรถลาก เป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ นักกีฬาสุดฤทธิ์ ผิวเข้ม ก็ถูกใจบรรดาสาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เราก็สามารถจ้างเค้าพาไปเที่ยวรอบเมืองได้
ส่วนบริเวณริมคลองก็จะมีผลงานศิลปะนู่นนี่นั่นวางขาย เป็นมนต์เสน่ห์อย่างนึงของที่นี่ แล้วก็จะมีเรือให้บริการกินลมชมวิว หรือเค้าอาจจะพยายามให้เหมือนเวนิสแต่มันก็ไม่เหมือนอยู่ดี เป็นเสน่ห์คนละแบบกัน
และที่สำคัญ ไอติมเมล่อน เรียกได้ว่ามีทุกที่จริงๆในเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ จะมีไอศครีมเมลอนตลอดเวลา มีเมล่อนขาย แล้วอร่อยมาก อร่อยจริงๆ และทุกร้านที่มีขายไอศครีม ซอฟต์ครีมแบบนี้ ก็จะมีไอศครีมปลอมอันใหญ่ๆตั้งอยู่แบบนี้ทุกที่เลย
และมาสะดุดที่ป้ายอันนี้เพราะว่ามีภาษาไทยด้วย เขียนว่า “ไอศกรีมเม็ดกรุบกริบเคี้ยวลืน” คืออะไร เค้าแปลมาจาก google translate นั่นเองนะครัชชช (วิบัติเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน)
หลังจากนั้นเราออกมาจากคลองโอตารุได้สัก 3 นาที แล้วก็เดินเข้ามา จะเป็นถนนคนเดิน และจะมีหอนาฬิกาไอน้ำ ที่มีแค่ 2 เรือนในโลกเท่าน้ัน คือที่แคนาดา และเมืองโอตารุแห่งฮอกไกโดแห่งนี้นี่เอง เอง เอง.. ซึ่งเป็นนาฬิกาไอน้ำที่ยังคงทำงานอยู่ได้ ทุกๆ 15 นาที ก็จะมีไอน้ำพุ่งขึ้นมา ปู๊ด ปู๊ด ปู๊ด เหมือนรถไฟงี้นะคะ และตรงข้ามกับหอนาฬิกาจะมีอาคารคล้ายโบสถ์หรืออะไรสักอย่าง ก็จะมีกระดิ่ง ดังกรุ้งกริ้งๆทุกๆชั่วโมงเช่นเดียวกัน
และข้างหลังของนาฬิกาไอน้ำนี่เอง ก็จะมีพิพิธพัณฑ์กล่องดนตรี ตอนแรกเราก็เข้าใจว่าจะรวบรวมประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกล่องดนตรีทั้งหลายนู่นนี่นั่น ปรากฎว่าเข้าไป นางขายกล่องดนตรีจ้าาา มีทุกแบบทุกสไตล์ ไม่ไหวแล้ว ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย
แล้วก็พอมีเวลาได้เดินเล่นนิดหน่อย เลยก็ไปแวะกินดับเบิ้ลชีสเค้ก ณ ร้าน LeTAO แซปจริงไรจริง มีชื่อเสียงมากๆ มองไปทางไหนก็จะเจอแต่ร้านชื่อ LeTAO แห่งนี้
และนี่ก็เป็นหนึ่งในร้านค้าที่อยู่ริมถนนเมืองโอตารุ เสน่ห์ของเค้าก็คือป้ายมันจะเยอะมาก และทุกอย่างราคาเท่ากันทั้งเมือง ไม่ต้องกังวลเลยว่า ร้านนี้จะถูกกว่าร้านนั้น อีกร้านจะโกงราคารึเปล่าไรงี้ ไม่มีนะจ้ะ เพราะว่าเค้าควบคุมราคามากๆ
ไปต่อกันเลยกันที่โรงงานช็อกโกแลต ซึ่งฮอกไกโดก็ขึ้นชื่อมากๆเรื่องช็อกโกแลต บรรยากาศรอบๆตกแต่งสวยงามมาก เหมือน Disney Land ขนาดย่อมเลยนะคะ แล้วก็มีดอกไม้มากมาย
ส่วนบรรยากาศในโรงงานช็อกโกแลต ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดฮิตของฮอกไกโด ถ้ามีญาติมีเพื่อนไปฮอกไกโดมา เราก็จะได้สิ่งนี้เป็นของฝากที่ระลึก Packaging น่ารักมาก ชื่อขนมชิโระอิโคะอิบิโตะ เราก็จะได้เห็นกรรมวิธีในการทำ ขั้นตอนก็จะเป็นเครื่องจักรอย่างเดียวเลย ส่วนขั้นตอนของคนก็จะทำหน้าที่ QC ตรวจสอบมาตรฐาน คุณภาพไม่ผ่านก็จะทิ้งทันที เขาจะไม่มีการเอามาเลหลังขายราคาถูก ก็คือทิ้งทันที เหลือแต่อันที่ดีๆก็จะถูกบรรจุใส่ซอง นำขายต่อไป
นอกเหนือจากโรงงานช็อกโกแลตแล้ว ยังมีพิพิภัณฑ์ของเล่นด้วย น่าจะเป็นของสะสมของเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ก็มีของเก่ามากมาย ของเล่นสมัยเด็กๆ คือเยอะมากๆ มีพวกลำโพงเก่า เจ้าของคงชอบมากๆ ของเยอะมาก ก็เลยเปิดพิพิธภัณฑ์มันซะเลยนะ ก็คือเป็นทางออกในชีวิตที่ดี อย่าเก็บไว้ดูคนเดียว ก็แบ่งคนอื่นมาดูด้วย ก็เป็นอันจบวันที่ 3 แล้วเด้อ