8 บุคคล”ล้มแล้วลุก”จากอสังหาฯ (1)



          ในวงการอสังหาริมทรัพย์เป็นเส้นทางที่หลายๆคนมองในเรื่องผลตอบแทนแล้วช่างหอมหวนยิ่งนัก แต่เส้นทางกว่าจะประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายๆคนวาดฝันเอาไว้ รวมทั้งมหาเศรษฐีหลายคนกว่าที่พวกเขาจะมาเป็นวันนี้อย่างที่หลายๆคนเห็นต้องผ่านอุปสรรคต่างๆมากมายกว่าจะประสบความสำเร็จ TerraBKK ได้รวบรวม 8 บุคคลสำคัญที่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ ทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ กว่าพวกเขาจะมาเป็นวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง 8 บุคคลสำคัญที่ทาง TerraBKK ได้ยกมาจะเห็นได้ว่าสิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ ความขยัน อดทน รอบคอบ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคหรือวิกฤติที่กำลังเผชิญ และวิสัยทัศน์ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถรอดพ้นจากอุปสรรคจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

เข้ามาดู 1. ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
          คุณทองมา เป็นเกิดที่ชลบุรี ครอบครัวมีฐานะพอมีพอกิน คุณพ่อทำอาชีพขายกระเพาะปลา และคุณแม่ทำสวนผัก การดำเนินชีวิตของคุณทองมามีต้นแบบในการดำเนินชีวิต คือ “คุณพ่อ” คุณพ่อสอนลูกด้วยการกระทำให้เห็น ทั้งเรื่องปรัชญาความคิด ทั้งการอย่าเอาเปรียบผู้อื่น หมั่นทำบุญ แล้วบุญกุศลที่ผ่านมาจะช่วยปกป้องลูกหลานให้อยู่ดีมีสุข และผลบุญจะส่งถึงเราทางอ้อมในอนาคต คุณทองมาจบเพียงแค่ ป.4 จากฐานะทางบ้านแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น จากประสบการณ์ชีวิตการทำงานนอกตำราทั้งการเป็นลูกจ้างร้านขายยา ขายน้ำจับเลี้ยง ขยับขยายมาเป็นร้านทอง หล่อหลอมให้เป็นคนที่ขยัน อดทน มุมานะ หลังจากทำงานหาเงินได้ก้อนหนึ่งก็ตัดสินใจเรียนต่อจนจบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาการโยธา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 2524

          หลังจากจบการศึกษาได้มีโอกาสเข้าไปร่วมทำงานกับบริษัท พี.ซี.เอ็ม ทำธุรกิจผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูปหลังจากทำงานได้ประมาณ 6 เดือน ก็ไปเริ่มงานบริษัทในเครือญาติของบริษัท นพวงศ์ ก่อสร้าง และ หจก.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง หน้าที่หลัก คือ เวลามีงาน เราก็ไปประมูลงานเข้ามา ทำให้ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูงให้หัวหน้าไว้วางใจ หลังจากที่วนเวียนอยู่ในอาชีพ “มนุษย์เงินเดือน” แล้ว ก็ตัดสินใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัว

          การเข้าสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรเริ่มต้นจากเพื่อนจากญี่ปุ่นชวนไปดูบ้านทำให้มีโอกาสเห็นโครงการจัดสรรต่างๆ หากเราทำได้ราคาถูกลงประมาณ 10-20% คงเป็นเรื่องดี จึงได้ริเริ่มทำบ้านจัดสรรขายในปี 2535 ภายใต้บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง โครงการแรกบ้านเดี่ยวในซอยอาภาภิรม ถนนรัชดาภิเษก ราคา 5 ล้านบาท และทำโครงการทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 101 อีกจำนวน 13 หลัง ราคา 1.3-1.5 ล้านบาท ซึ่งแรกๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน ขายไม่ค่อยได้ จึงเริ่มมาศึกษาและหาข้อมูล เปรียบเทียบสินค้าของคู่แข่ง ทาวน์เฮาส์ไหนขายดีไหนไม่ดี ทำเลเป็นอย่างไร ก็มานำมาเลียนแบบ โดยปรับปรุงเรื่องทำเล ราคา ให้สอดคล้องกับสินค้าที่จะทำ เราอาจจะโชคดีตรงที่มีพื้นทางด้านการก่อสร้าง ก็น่าจะพัฒนาบ้านให้มีต้นทุนต่ำได้ และในที่สุดจึงก่อตั้ง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ขึ้นมา โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรกภายใต้แบรนด์ “บ้านพฤกษา 1” ย่านรังสิต คลอง 8 ภายในเดือนเศษสามารถขายหมดเกลี้ยง

          ปัจจุบันพฤกษาได้เติบโตจากอดีตอย่างต่อเนื่องจนก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย จากยอดขายปี 2556 ที่สูงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท จากชีวิตที่อยู่ในฐานะล่างๆในสังคมปัจจุบันกลายเป็นมหาเศรษฐีที่ติดอันดับใน Forbes อันดับที่ 14 ของประเทศไทย

เข้ามาดู 2. เตียง จิราธิวัฒน์ ( นี่เตียง แซ่เจ็ง )
          คุณเจ็งนี่เตียง หรือ  นี่เตียง แซ่เจ็ง  เกิดบนเกาะไหหลำ แต่งงาน เมื่อมีอายุเพียง 16 ปี ตามยุคสมัยที่คนจีนไหหลำต้องการครอบครัวใหญ่ ปี 2466 เกาะไหหลำไม่สงบ จึงอพยพมาอยู่เมืองไทย แต่อยู่เพียงปีเดียวเหตุการณ์ที่ไหหลำสงบลงได้ตัดสินใจกลับไปไหหลำ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และกลับมาไทยเมื่ออายุ 21 พร้อมกับความรู้ที่เต็มเปี่ยม การกลับมาครั้งนี้ได้ตัดสินใจปักหลักชีวิตและครอบครัวที่ประเทศไทยอย่างแท้จริง และเริ่มทำงานครั้งแรกที่ร้าน ขายข้าวสาร และของเบ็ดเตล็ด หลังจากนั้น 2 ปี นี่เตียงและภรรยาจึงแยกตัวออกมาเปิดร้านค้าของตนเอง ขายของเบ็ดเตล็ดและเครื่องดื่ม ที่บางขุนเทียนและยังซื้อเรือไว้สำหรับขายของตามแม่น้ำย่านฝั่งธน หลังสงครามโลกยุติลง ปี 2488 ได้ย้ายไปอยู่ที่สี่พระยาเปิดร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษ นำเข้าจากต่างประเทศ นี่เตียงได้เริ่มต้นเข้าไปสัมผัสกับธนาคาร และกู้เงินธนาคารใช้เป็นครั้งแรก เขากู้เงินธนาคารตั้งแต่นั้น มาจนถึงทุกวันนี้จนกลายเป็น “ความสามารถ” อย่างหนึ่งอันเป็นลักษณะพิเศษของกลุ่มเซ็นทรัลในปัจจุบัน

          “จังหวะดี” มีอยู่ว่า ปลายสงครามเกาหลี ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำอย่างมาก รัฐบาลในสมัยนั้น ดำเนินนโยบายสกัดกั้นสินค้าขาเข้า และมีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ “สินค้า ที่นี่เตียงนำเข้ามาขายก่อนจำนวนมาก ขายได้กำไรหลายเท่า” คนจีนไหหลำคนเดิมชี้จุดก้าวกระโดดการสะสมทุนของนี่เตียง เพียง 4 ปีที่สี่พระยา นี่เตียงสามารถหาเงินก้อนซื้อ ที่ หน้าโรงเรียนอัสสัมชัญฯ ที่เรียกว่า ตรอกโรงภาษีเก่า เป็นที่มาของสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นแรกของจิราธิวัฒน์

          ในช่วงปี 2499  ห้างเซ็นทรัลเกิดขึ้นครั้งแรกที่วังบูรพา เคยมีชื่อว่า “ห้างเจ็งอันเต็ง” บนเนื้อที่ 100 ตารางวา ราคาประมาณ 1 ล้านบาท เตียง จิราธิวัฒน์ ต้องกู้เงินธนาคาร เพื่อใช้ในการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ หรือต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย ประมาณ 3 ล้านบาท ย่านวังบูรพาเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งใหม่ มีการเจริญเติบโตของร้านค้าต่างๆเกิดขึ้นมากมาย

          ห้างสรรพสินค้าติดราคาสินค้าครั้งแรกในประเทศ ประสบความสำเร็จอย่างมาก และความสำเร็จจึงชักนำให้จิราธิวัฒน์ พยายามขยายออกไปสู่เยาวราช และราชประสงค์ แต่ก็ไม่ประสบสำเร็จในครั้งแรกๆ วันชัย(ลูกชาย) บอกว่า ที่เยาวราชอยู่ได้ 2 ปีเท่านั้น ก็ต้องถอยทัพ เนื่องจากไม่สามารถต่อกรกับการค้าแบบห้องแถวของคนจีนดั้งเดิมได้ ส่วน ที่ราชประสงค์ทำเลไม่ดี จึงไม่สามารถสู้กับไดมารูห้างญี่ปุ่น ที่มาปักหลักได้

          ส่วน  ปี 2511 เซ็นทรัลสาขาสีลมก็เปิดขึ้น ใช้ชื่อเป็นทางการว่า “ห้างเซ็นทรัล” เป็นครั้งแรก ตอนนั้นเซ็นทรัลสีลมโดดเดี่ยวมาก ถนนมเหสักข์ก็ยังไม่ได้ตัด ดังนั้น ตัวเลขการขาดทุนจึงสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ เซ็นทรัลสีลมตกในที่นั่งลำบาก ในปี 2512 เตียง จิราธิวัฒน์(บิดาห้างสรรพสินค้าในไทย) ได้เสียชีวิต เป็นการจากไปประเภทนอนตาไม่หลับ เขาได้ทิ้งแบบฉบับธุรกิจห้างสรรพสินค้าไว้ข้างหลังให้ลูกๆ

          กว่า 30 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ลูกๆของเตียง สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่างสามารถนำพาเซ็นทรัลกรุ๊ปให้เติบใหญ่ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ปัจจุบัน ตระกูลจิราธิวัฒน์ ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของมหาเศรษฐีเมืองไทย จากการจัดอันดับของ Forbes Thailand ปี 2557

เข้ามาดู 3. ตัน ภาสกรนที
          ตัน ภาสกรนที บ้านเกิดอยู่ที่ชลบุรี มีนิสัยเป็นคนขยัน อดทน ชอบค้าขาย คุณตันได้เริ่มงานครั้งแรก ที่ บริษัท ซากุระ เป็นพนักงานโกดังขนของ เขาเป็นคนทำงานหนักและมักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของบริษัทเสมอ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานส่วนใหญ่ที่ทำเสร็จแล้วก็รีบๆกลับ ด้วยความขยันทำให้คุณตันได้เลื่อนเป็นผู้จัดการแผนกที่อายุน้อยที่สุด หลักจากนั้นคุณตันก็ได้ออกจากงานมาเปิดร้านหนังสือเป็นของตัวเองในชลบุรี จากลักษณะที่เป็นคนช่างสังเกตการเลือกสินค้าของลูกค้า ทำให้คุณตันรู้ทันทีว่าลูกค้ามาต้องหยิบหนังสือเล่มไหนโดยที่ลูกค้าไม่ต้องพูดซักคำ ทำให้ยอดขายแซงหน้าร้านอื่นๆอย่างน่าแปลกใจ

          หลังจากนั้นคุณตันได้แต่งงานและย้ายมาอยู่ที่ กรุงเทพฯ และได้เริ่มธุรกิจใหม่คือธุรกิจงานแต่งแต่ก็ต้องล้มเหลวกลับไป และได้เริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้ง คือ อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ แต่ต้องขาดทุนไป แต่จุดเด่นของเขาคือ ไม่ย่อท้อ อดทน มุ่งมั่น เดินหน้าต่อไป บวกกับวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ทำให้อะไรให้ดีที่สุดและต้องเหนือกว่าคนอื่น

          ในยุคที่อสังหาริมทรัพย์ไทยเฟื่องฟูสุดขีด ช่วงที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้ารัฐบาล สูตรของตันในช่วงนั้นคือ แค่วางมัดจำ กู้แบงก์ และจ้างเขียนแบบ ก็ขายได้แล้ว แถมขายดีแบบเทน้ำเทท่าเสียด้วย กระทั่งมาพลาด เมื่อคิดใหญ่ในช่วงฟองสบู่แตก หลังจากที่ไต่ระดับไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม ในชื่อ ที.วาย.แกรนด์ซิตี้ ส่งให้เขาต้องจมอยู่กับกองหนี้มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

          บทเรียนความล้มเหลวยิ่งใหญ่ที่สุดของตันก็คือ “ธุรกิจอสังหาฯ” แต่วันนี้ตันได้กลับมามองอสังหาอีกครั้ง โดยมี บริษัท ตัน แอสเซ็ท จำกัด เป็นผู้ดูแล เขาเริ่มสะสมที่ดินอย่างจริงจัง ด้วยการเสาะหาที่ดินแปลงงามในเมืองมาถือครอง และได้สร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการอสังหา จากการขายที่ดินบริเวณเพลินจิต ได้ราคาสูงถึง 1.2 ล้านต่อตารางวา ไปทั้งหมด 7.5 ไร่ ถือเป็นการกลับมาของตันในอสังหาและสามารถแก้มืออย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เคล็ดลับของ “ตัน” ในการทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เขายังยึดมั่น และใช้มาโดยตลอด ยกเว้นการลงทุนที่เกินตัว นั่นก็คือ ลงทุนซื้อที่ดินผืนงามแทนการเก็บเงินสด

          “ตัน” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตัน แอสเซ็ท จำกัด ได้อธิบายถึงวิธีคิดของตนเองในการทำธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า วิธีคิดในการทำธุรกิจด้านอสังหาฯ ของตนนั้น จะใช้วิธีการหาพันธมิตรร่วมทุน หรือแบ่งขายที่ดินบางส่วนให้กับกลุ่มทุนที่มีศักยภาพในการพัฒนา

          ปัจจุบัน “ตัน ภาสกรนที” ถูกจัดอยู่ใน “50 อันดับ มหาเศรษฐีไทย” จัดอันดับโดย Forbes  ติดอันดับที่ 34 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 2.09 หมื่นล้านบาท

เข้ามาดู 4. ชาลี โสภณพนิช
          ชาลี โสภณพนิช ตั้งบริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด ตั้งแต่ ปี 2530 โดยมีโครงการที่สร้างชื่อให้กับบริษัทคือการพัฒนาย่านธุรกิจและแหล่งบันเทิงใหม่ที่ถนนพระราม 9 อย่าง อาร์ซีเอ(RCA) ก่อนที่จะพัฒนาอาคารสำนักงานอย่างโครงการบางกอก การ์เด้น สาทรซีตี้ ทาวเวอร์ และคอนโดมิเนียมในย่านพระราม 9 มูลค่าการลงทุนรวมเป็นหลักหมื่นล้านบาท ต้องถือว่าก่อนปี 2540 บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ดาวรุ่ง ที่มีฐานทุนใหญ่อย่างโสภณพนิช ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)

          จนกระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ชื่อของบริษัท ซิตี้ เรียลตี้ฯ ก็เงียบหายไปจากวงการ ซุ่มเก็บตัวทำธุรกิจแบบ Low Profile เน้นพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่าเป็นหลัก จากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ถึงแม้บริษัท ซิตี้ เรียลตี้ จำกัด จะไม่ได้มีภาระหนี้มากเหมือนคนอื่นๆ แต่เขาก็เรียนรู้ว่า การทำธุรกิจแบบไม่ผลีผลาม ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และไม่ก้าวไปสู่จุดเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ทำให้การลงทุนทำโครงการใหญ่จะไม่ลงทุนเพียงลำพังแต่เลือกที่จะหาพันธมิตรที่มีความพร้อม

          ปัจจุบัน บริษัท ซิตี้เรียลตี้ เป็นเจ้าของโครงการอาคารเอ็มโพเรียม โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ โครงการรีเวอร์ไซต์การเด้น มารีน่า โครงการบางกอกการเดนท์ โครงการไอเฮ้าส์ โครงการที่อยู่อาศัยที่พัฒนาโดยบริษัท ซิตี้วิลล่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซิตี้เรียลตี้ ตั้งอยู่หลังอาคารสำนักงาน อาร์ซีเอ บนถนนพระราม 9 ที่ครั้งหนึ่ง บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

          รวมถึงนายชาลีมีแผนร่วมทุนกับกลุ่มมาลีนนท์ เพื่อยื่นข้อเสนอบริหารประมูลที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเดิมอีกด้วย กลุ่มซิตี้เรียลตี้มีทรัพย์สินรวมนับหมื่นล้านบาท ไม่นับรวมแผนที่บริษัท ซิตี้เรียลตี้ ที่จะเปิดโครงการอาคารพักอาศัยแนวสูงใหม่ 2 แห่ง มูลค่าขายเกือบ 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแลนด์แบงก์ที่มีศักยภาพพัฒนาโครงการได้อย่างดีอีก 4-5 แปลง แปลงละ 5-10 ไร่

อ่านบุคคล 5-6 ได้ที่ http://pantip.com/topic/32685090

ที่มา : TerraBKK
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่