อายุ18ปี กับการเปิดร้านขายอะไหล่ยนต์เพียงคนเดียว (ท้อมากค่ะ ร้องไห้ทุกวัน)

(ยาวหน่อยแต่ช่วยอ่านกันหน่อยนะคะ TT) , ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ
- คือเราดรอปเรียน2ปีค่ะ ตอนนี้ก็เป็นปีแรกที่ดรอปค่ะ
ครอบครัวของเราอยู่ทางภาคใต้ (จ.ยะลา) เหตุการณ์ก็ไม่ดีเท่าไหร่
และคุณพ่อคุณแม่ก็มีงานทำที่นั่นอยู่แล้วค่ะ ด้วยความที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ย้ายมาทำงานที่นี่(ร้านอะไหล่ยนต์ จ.น่าน)เร็วๆ
เราเลยอาสาที่จะดูแลธุระกิจให้ (อันนี้พ่อแม่ยินยอมค่ะเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ)
เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่ย้ายมาแล้วจะได้มีงานทำ ครอบครัวจะได้มีทุนเลย ไม่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่
พ่อแม่กับเราก็คุยกันรู้เรื่องค่ะ (ขอไม่เล่านะคะว่าคุยกันยังไง เพราะมันยาวมาก)
พ่อแม่มีลูกสองคนค่ะ คือเรากับพี่ชายอีกคน เราไม่อยากขัดจังหวะในการเรียนของพี่เค้า
เพราะเค้าอยู่ปี3แล้ว ใกล้จะจบ เราเลยยอมเสียสละเพื่อช่วยครอบครัวค่ะ
เราก็มีแผนจะไปเรียนต่อแน่นอนค่ะ แต่คุณพ่อก็ยังไม่เกษียณ และที่ทำงานของคุณแม่ก็ทำเงินได้พอสมควรกว่าที่นี่
คุณพ่อคุณแม่เค้ามีหนี้ค่อนข้างเยอะค่ะ เราก็เลยไม่อยากทิ้งที่นี่ไปก่อน ไม่อยากให้เค้าเหนื่อย เค้าลงทุนกับที่นี่ไปเยอะ
ตอนแรกพ่อแม่เค้าก็ไม่ยอมให้เรามาทำหรอกค่ะ แต่เราเองที่เป็นคนอยากจะมาเอง TT
แต่เรายอมเหนื่อย ยอมเรียนช้า พยายามอ่านหนังสืออยู่บ้าน หาตำรามาเรียนเองค่ะ

.. (ขอเล่าตอนอยู่ร้านอะไหล่เลยนะคะ) ..
- เราเปิดร้านอะไหล่ในชนบทเล็กๆค่ะ คนที่นี่มีชาวนาซะส่วนใหญ่
และที่นี่บางคนก็เรียนจบมาไม่สูง เรื่องมารยาทและการพูดจาเลยไม่มีหางเสียง บางคนก็พูดไม่ดีบ้าง(ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะคะ)
ด้วยความที่เราไม่มีประสบการณ์เลย เวลามีลูกค้าทำตัวแย่ๆกับเรา เราก็จะเสียใจร้องไห้บ่อยมากคะ เพราะไม่เคยเจอแบบนี้จริงๆ
บางคนก็พูดไม่ดีใส่เรา บ่นว่าของร้านเราแพง เราก็ยังเด็ก เกรงใจผู้ใหญ่ไม่กล้าตอกกลับไป
บางคนบอกว่าร้านเราแพงแล้วก็เดินหนีไป พอไปปรึกษาไปสืบราคาเค้าก็ขายกันเท่านี้
(หรือร้านเราขายของเกรดดีไปเหรอคะ) คนที่นี่ไม่ค่อยมีเงินกันเหรอ TT
ในแต่ละวันเราเจอลูกค้าหลากหลาย พูดไม่ดีบ้าง ด่าเราบ้าง ทำหน้าใส่เราบ้าง เราก็ทนค่ะ
ในใจคิดเสมอว่าเพื่อพ่อแม่ บางวันก็ร้องไห้ทั้งวันค่ะ
พูดกับตัวเองเสมอว่าทำไมเราต้องเจอเรื่องแบบนี้ เราไม่อยากโทรไปปรึกษาพ่อแม่ค่ะ
เพราะเค้ามีงานต้องทำเยอะ อีกอย่างเค้าก็เครียดเรื่องเงินเรื่องครอบครัว และอีกหลายเรื่อง
และเค้าก็แก่มากแล้ว ไม่อยากให้เค้ามีเรื่องเครียด
ไปพูดกับใครก็ไม่ได้ ปรึกษาใครก็ไม่ได้
เหมือนเราอยู่ตัวคนเดียวเลยค่ะ

- เราอยากได้คำปรึกษาดีๆเกี่ยวกับอะไหล่ยนต์ค่ะ
ใครพอมีความรู้เรื่องราคาสินค้า หรืออะไหล่ที่ควรเก็บ แนะนำหน่อยนะคะ

.. ขอจบแค่นี้ค่ะ ที่จริงก็มีอีกเยอะ แต่เดี๋ยวโอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ ..

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
คนทำงานชนบทเดิมๆ เขาพูดกันแบบนี้แหละครับ อะไรที่เป็นน้ำๆ ก็ฟังไว้ก็ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องเก็บเอามาคิด
ยิ่งเห็น จขกท เป็นเด็ก เป็นผู้หญิง แถมไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้วยแล้วเขาก็ยิ่งพูดข่มได้ง่ายๆ
ถ้าไม่อคติหรือรำคาญกับคนเหล่านั้นไปเสียก่อน เดี๋ยวก็จะชินครับ


ส่วนตัว จขกท เองต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเองด้วย อย่างน้อยต้องมีความรู้ในสิ่งที่ขาย
คือถ้าเจ้าของร้านไม่มีความรู้เลย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้เลยนี่ก็ดูไม่ดีแล้วนะครับ
หากมีลูกน้องด้วย (ดูจากสังคมแถวนั้น) พาลจะโดนลูกน้องหลอกเอาได้
ของอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องทำเองเป็นทุกอย่าง อาศัยถามจากคนอื่น จากเซลก็ได้ จากลูกค้าที่ดูท่าทางพอจะถามได้ก็ได้
หรือพอลูกค้าซื้อของอะไรไป ก็ลองถามๆ ดูบ้างว่า ใช้ดีไหม อะไรยังไง
ถ้าเห็นของแปลกๆ หรือที่เราไม่รู้ว่าใช้เพื่ออะไรก็ถามเอาเก็บเป็นข้อมูลไว้
เมื่อถึงเวลาที่เรามั่นใจในสินค้าและความรู้ของเราก็ไม่ต้องไปกลัวอะไรแล้วครับ
พอเรามีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ขาย จากที่เคยดูแคลนในใจ ลูกค้าจะกลับมาชื่นชมยิ่งขึ้น
เหตุเพราะว่าเป็นแค่เด็กผู้หญิงทำร้านเองนั่นแหละครับ
(จริงๆ แล้วทางคุณพ่อคุณแม่มีความรู้ด้านนี้ไหมครับ ถ้ามีก็น่าจะถามท่านได้ ถ้าปรึกษาในทำนองขอความรู้ท่านน่าจะยินดีอยู่นะ)


ส่วนสินค้าที่ขายนั้นก็แล้วแต่พื้นที่แถวนั้นว่ามีหรือใช้อะไรบ้าง
ต้องมีของเกรดดีด้วย ซึ่งลูกค้าที่อยากใช้ของดีนั้นมีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ต้องมีเกรดใช้งานยี่ห้อบ้านๆ ถูกๆ ด้วย แต่ไม่ใช่แย่จนใช้ได้ไม่นานก็เสียหาย
ของอาจจะไม่จำเป็นต้องสต๊อคเยอะ ยกเว้นจะมีราคาดีๆ มาและพอขายได้เรื่อยๆ ในเวลาไม่นาน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็สั่งทิ้งไว้
พวกอะไหล่ต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ก็ควรมีเก็บไว้บ้าง หรือถ้าชิ้นใหญ่ สั่งไม่นานนักก็ไม่ต้องเก็บไว้ก็ได้
แต่เวลาลูกค้าถามหากไม่มีก็อย่าจบแค่ตอบว่าไม่มี ลองถามกลับไปว่ารีบใช้ไหม สั่งให้ได้อะไรยังไงก็ว่าไป
เวลาลูกค้าต้องการจริงๆ แต่หาที่อื่นไม่ได้ ต่อให้ราคาสูงกว่าร้านนิดๆ หน่อยๆอื่นถ้าจำเป็นเขาก็ต้องซื้อ
ยิ่งถ้าเป็นของที่ร้านอื่นหาไม่ได้ หรือไม่มีแต่เราหาได้ ถามหาก็มีก็เจอนี่ รับรองลูกค้าไม่ไปไหนหรอกครับ
ถ้าได้ของในราคาที่เขาพอใจ และได้ครบๆ จะดีกว่าวิ่งหาซื้อแล้วของไม่ครบ
ลองคิดดูว่า หากเป็นเรามาร้านนี้แล้วได้ของครบเลย มันก็สะดวกกว่า ต้องวิ่งไปร้านอื่นเรื่อยๆ
และจะเป็นภาพจำไปว่า ร้านนี้มีของได้ครบ แม้ราคาอาจจะไม่ได้ถูกกว่าร้านอื่นก็ตาม
ยิ่งเป็นลูกค้าบริษัทนี่ยิ่งใช่เลยครับ (แถวนั้นไม่น่าจะมีใช่ไหม ...)
ถ้ามีลูกค้าประจำมาซื้อบ่อยๆ ก็มีน้ำใจหยิบยื่นให้เขาบ้าง
อาจจะของแถมเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่รู้จะเอาหรือเก็บไว้ทำอะไร ส่วนลดนิดๆ หน่อยๆ
หรืออย่างน้อยก็น้ำเย็นๆ สักแก้วก็ชื่นใจแล้วครับ


หากอยากทำด้านนี้ ก็ต้องสู้หน่อยนะครับ อย่าเพิ่งยอมแพ้อะไรง่ายๆ ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ
ผมเคยเจอเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างใหญ่ๆ ที่เป็นผู้หญิงสองร้าน แกเก่งมากๆ ของแปลกๆ ที่ร้านอื่นๆ ไม่มีแต่แกกลับมีและรู้จัก
แต่เชื่อเถิดครับว่ากว่าแกจะมาได้ถึงขนาดนี้ แกก็ต้องผ่านอะไรๆ แบบที่ จขกท กำลังจะเผชิญอยู่เหมือนกัน


เอาใจช่วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่