ปมความขัดแย้งการเมืองไทย ตอนที่ 1 โดย Identiy Idea

กระทู้สนทนา
ขอไปเอาบทความมาวาง จาก

https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=4408980649039075185#editor/target=post;postID=7286745230596289575;onPublishedMenu=posts;onClosedMenu=posts;postNum=4;src=postname

ปฐมบท การเมืองก่อน รัฐประหาร


-คดีซุกหุ้นภาคแรก

           คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2544 ในคดี "ซุกหุ้น" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 2 คนที่เคยลงมติว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ลงไปวินิจฉัยชี้ขาดในเนื้อหาของคดี ศาลรัฐธรรมนูญได้นำเอาคะแนนเสียง 2 เสียงหลังนี้ไปรวมกับคะแนนเสียงจำนวน 6 เสียงที่วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กระทำผิดในข้อกล่าวหาว่า "ซุกหุ้น" แล้วศาลรัฐธรรมนูญได้สรุปเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดยกฟ้อง

เกิดคำถาม ในคนบางกลุ่มว่า
            การกระทำเช่นนี้เป็นการปฏิบัติที่ผิดหลักกฎหมาย หรือไม่ ถูกหลักนิติธรรมหรือไม่ ในการนำผู้พิพากษาที่ไม่ได้ลงคะแนนไปไว้ในส่วนเสียงข้างน้อย ทำให้กลับมาเป็นเสียงข้างมาก และยกฟ้อง จาก 7:6 กลายไเป็น 8:7 ไป[ปมความขัดแย้งเริ่มต้น]


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-คดีซุกหุ้น ภาคสอง

        เริ่มจาก ด้านล่าง เป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ที่ตัดมาจากhttp://www.thaipost.net/news/100709/7564 โดย คุณ เปลวสีเงินเขียนไว้ แต่ในที่นี้ขอนำเสนอเพียงข้อความส่วนหนึ่งที่เป็นคำพิพากษา โดยสรุป


       ผู้ถูกร้องมีทรัพย์สิน แต่ไม่ยื่นบัญชีฯ เพราะใช้ชื่อบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์แทน และประกาศให้ประชาชนทราบว่า ผู้ถูกร้องได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต และโอนทรัพย์สินนั้นให้เป็นของคู่สมรสผู้ถูกร้อง และคู่สมรสผู้ถูกร้องจะโอนให้ใครก็ได้ ตนไม่ทราบ เมื่อตรวจดูพยานหลักฐานต่างๆ จึงพบความจริงว่า ผู้ที่รับโอนหรือ เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น แท้จริงเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวแต่ในนาม และโอนคืนทรัพย์สินนั้นให้คู่สมรสผู้ถูกร้องในเวลาเดียวกันกับที่โอน และบุคคลเหล่านั้นคือคนใกล้ชิดที่ผู้ถูกร้องและหรือคู่สมรสเคยใช้ชื่อถือทรัพย์สินมาก่อน ที่ผู้ถูกร้องอาสาเข้ามาทำงานการเมืองตั้งแต่ปี 2537 นั่นเอง ถือว่าผู้ถูกร้องและ/หรือคู่สมรสรู้ว่ามีทรัพย์สินในชื่อบุคคลอื่น หรือใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทน โดยมีเหตุผลและข้อเท็จจริงดังที่ผู้ถูกร้องกล่าวชี้แจงโดยละเอียดในหนังสือทั้งสามฉบับข้างต้น แต่จงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295

......................................................................................................................................................

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตรองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 295 และห้ามให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 เป็นต้นไป

นายประเสริฐ นาสกุล

ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

[ปมขัดแย้งหลักที่กระจายไปในวงกว้าง]
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การแทรกแซงสื่อ

      ด้านล่างเป้นข้อความส่วนหนึ่งจากเว็บไซด์ ประชาไทย ที่นำเสนอเกี่ยวกับงานวิจัยการแทรกแซงสื่อhttp://prachatai.com/journal/2008/11/18937(อาจโดนลบไปในไม่ช้า)

        ตัวอย่างการแทรกแซงสื่อสมัยทักษิณ 2 เช่น การขู่ฆ่าบุคลากรด้านสื่อ โดยสัมภาษณ์ผู้ข่าวอาวุโส ฝ่ายการเมือง (ขอสงวนนาม) เดลินิวส์ ที่ระบุว่า เคยถูกขู่ฆ่า 2 ครั้ง เพื่อให้เลิกวิจารณ์รัฐบาล หรือการจัดตั้งผู้อ่านเพื่อตอบโต้สื่อ โดยผู้สื่อข่าวอาวุโส กรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า ช่วงที่มีการเสนอข่าวการชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ กองบรรณาธิการได้รับจดหมายตอบโต้จากผู้อ่านจำนวนมาก โดยไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่เมื่อพิจารณาพบว่า จดหมายเกือบทั้งหมดมีลายมือคล้ายกัน และมาจากอำเภอรอบนอก ที่ นสพ.กรุงเทพธุรกิจส่งไปไม่ถึง การพูดขู่หรือท้าผู้สื่อข่าว โดยผู้สื่อข่าวภาคสนามของสำนักข่าวเนชั่น ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้สื่อข่าวจะถูกตวาดกลับเป็นประจำเมื่อถามเรื่องปัญหาความไม่สงบภาคใต้ เช่น "คุณเดินมาจากมหาวิทยาลัยสดๆ เลยใช่มั้ย ร้อนแรงมากใช่มั้ย ผมรู้จักดีหัวหน้าคุณเป็นใคร" ฯลฯ

   นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปาระเบิดใส่องค์กรสื่อ วันที่ 3 พ.ย.48 มีการปาระเบิดเข้าไปในสำนักงาน ผู้จัดการ และการใช้มวลชนปิดล้อม สำนักงาน นสพ.เดอะเนชั่น ผู้จัดการ แนวหน้า ฯลฯ เมื่อผู้สื่อข่าว นำประเด็นดังกล่าวไปถาม ก็ได้รับคำตอบว่า ก็เนชั่นคุกคามผมมาตั้ง 5 ปีแล้วนี่

วิธีการแทรกแซงสื่อในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 มี 24 วิธี ได้แก่ 1. ขอร้อง เตือน พูดขู่ พูดท้าทายสื่อ 2. เสียดสี ประชด เปรียบเปรย 3. พูดสั่งสื่อ 4. อ้างชาติ 5. ลดความน่าเชื่อถือ 6. ไม่ตอบคำถาม หรือตอบไม่ตรงคำถาม 7. ปั่นข่าว สร้างข่าวอื่นกลบ 8. ใช้ตัวแทนในการแทรกแซง (ร่างทรง) 9. ใช้ข้อมูลเท็จ 10. ใช้กระบวนการศาล 11. แทรกแซงการพูดของแหล่งข่าว 12.แทรกแซงการบริหารงานของสื่อ 13. เข้าช่วงชิงความเป็นเจ้าของในระยะยาว 14 แทรกแซงการเงิน การโฆษณาของสื่อ 15. แทรกแซงหน่วยงานอิสระ 16. ละเว้นหลีกเลี่ยงที่จะใช้อำนาจ เพื่อส่งเสริมเสรีภาพ 17.สั่งตรวจสอบองค์กรสื่อ และสั่งค้นองค์กรสื่อ 18. สั่งปิดองค์กรสื่อ 19. ห้ามจำหน่ายจ่ายแจก 20. ใช้กฎหมาย ระเบียบ หรือมติ ครม.สร้างกฎขึ้นมาใหม่ 21 การใช้มวลชนปิดล้อมสื่อ 22.การปาระเบิดใส่องค์กรสื่อ 23. การขู่ฆ่าบุคลากรด้านสื่อ และ 24. จัดตั้งผู้อ่านเพื่อตอบโต้สื่อ

[ส่วนหนึ่งความขัดแย้ง]
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การใช้อำนาจทางสภา ในรูปแบบเผด็จการ

           เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 พรรคไทยรักไทยนำโดย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ พรรคไทยรักไทยมี ส.ส. ถึง 319 คน เมื่อไปร่วมกับพรรคชาติไทย 24 คน และพรรคความหวังใหม่ที่เหลืออีก 1 คน ทำให้ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงในสภามากถึง 344 เสียง คุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.128 คน ในขณะนั้นได้มีการต่อต้านการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมและเพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อธุรกิจของครอบครัวและพวกพ้อง กระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548
         การเลือกตั้งในปี 2548 ถูกกล่าวว่าถูกแทรกแซงโดยอำนาจรัฐและอำนาจเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น ถูกตั้งข้อ สังเกตในความไม่เป็นกลาง และเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองบางพรรคหลังการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้ง 377 คน พรรคประชาธิปัตย์ 96 คน พรรคชาติไทย 25 คน พรรคมหาชน 2 คน

         ปี 2548 มีความพยายามดึงสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนให้มาเป็นพวกเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล มีการแทรกแซงสื่อสารมวลชน องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในคดีต่างๆ อาทิ คดีซุกหุ้น คดียุบพรรคไทยรักไทย

       วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปให้แก่กองทุนเทมาเส็ก และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549

    ปี 2548   พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ได้ประท้วงการเลือกตั้งด้วยการไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง

*[ประเด็น ความขัดแย้งส่วนหนึ่ง ณ ปัจจุบัน]*

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คดีความ การฟ้องร้อง ทางการเมือง

         คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยรักไทยได้ร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่สุดศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ กกต. ทั้ง 3 คนมีความผิดทางอาญา ลงโทษจำคุก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่