[CR] ผู้หญิงก็เที่ยวคนเดียวได้ตะลุยเดี่ยวเที่ยวพม่าขึ้นเขานมัสการพระธาตุอินทร์แขวน-ตระเวนไหว้พระ๙วัดภายในหนึ่งวันที่ย่างกุ้ง

ตะลุยเดี่ยวเที่ยวพม่าขึ้นเขานมัสการพระธาตุอินทร์แขวน-ตระเวนไหว้พระ๙วัดภายในหนึ่งวันที่ย่างกุ้ง(3วัน2คืน) เป็นผู้หญิงก็เที่ยวคนเดียวได้ จองตั๊วโปรกับแอร์เอเชียตั้งแต่วันที่25พฤศจิกายน2013ได้ในราคา3,440คือเป็นราคาสำหรับสองคน..ใช่ค่ะ..จองไว้ว่าจะไปสองคนแต่อนาคตไม่มีอะไรที่แน่นอนทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอมันคือสัจธรรม...เอาหละคนเดียวก็สามารถสรุปค่าตั๋วแอร์เอเชียตกคนละ1,670฿รวมทุกอย่างแล้ว(ไม่โหลดกระเป๋าไม่เอาประกันภัยและไม่รับอาหารบนเครื่อง)
เลือกวันเดินทางคือวันที่26-28กรกฎาคม2014เป็นเวลา3วัน2คืน(จองตั๋วโดยไม่ดูสภาพอากาศอะไรใดๆทั้งสิ้นเน้นถูกที่สุดสรุปโดนหน้าฝนนะคะเวลาจองตั๋วเช็คเรื่องพยกรณ์อากาศนิดนึงจะดี55)



**ก่อนเดินทางไปขอวีซ่าที่สถานทูตพม่าให้เรียบร้อยกันก่อนนะคะนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีสุรศักดิ์เดินทางออกที่ไปโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนตรงไปเรื่อยๆเจอแยกซอยถนนปั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปเล็กน้อยเจอเลยค่าทำวีซ่าท่องเที่ยว
-แบบธรรมดา 3 วัน 810 บาท
-แบบด่วนพิเศษ  คือยื่นเอกสารเช้ามารอรับบ่ายวันนั้นเลย 1,260 บาท**การขอแบบด่วนพิเศษนั้นต้องอย่าลืมเตรียมสำเนาตั๋วเครื่องบินไปด้วยนะคะแบบอื่นๆไม่ต้องแนบ**

เวลาการเปิดทำการของสถานฑูต
วันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาทำการแบ่งเป็น2ช่วงคือ
1.ยื่นขอวีซ่า 9.00-12.00 น.
2.รอรับวีซ่า 15.30-16.30 น.

เตรียมเอกสารดังต่อไปนี้
1.พาสปอร์ตตัวจริงพร้อมสำเนา(ยังไม่หมดอายุภายใน6เดือน)
2.แบบฟอร์มขอวีซ่าโหลดเอานะคะ
หรือโหลดตามเว็บข้างล่างนี้แล้วก็ปริ๊นท์ ออกมาเขียนก็ได้นะคะ
https://docs.google.com/file/d/0Bz01pUrAQ4SdMl82aUFoOXVOaTg/edit
3. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป ต้องเป็นพื้นหลังสีขาว/เทาอ่อน
- ติดรูป 1 รูปในแบบฟอร์มขอวีซ่า
- อีกรูปที่เหลือ ใช้คลิปหนีบกระดาษหนีบกับสำเนาพาสปอร์ตกับฟอร์มขอวีซ่า
**ตรงทางเข้าสถานฑูตนั้นจะมีร้านเป็นรถตู้จอดอยู่รับถ่ายรูปด่วน,ถ่ายเอกสารและขายแบบฟอร์มขอวีซ่าขายใบละ3บาท.**
ของเราไปถ่ายรูปที่นั่นแล้วเลือกทำแบบด่วนพิเศษไปเลยวันเดียวจบไม่เสียเวลาและค่ารถหลายรอบ
***เตรียมตัวแพคกระเป๋าก่อนออกเดินทางควรเตรียมเสื้อผ้าที่ไม่หนักมากและแห้งง่ายเนื่องจากเดินทางไปในหน้าฝนการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกจึงรอบครอบเป็นพิเศษเรื่องยานั้นต้องพกไปให้ครบอย่าให้ขาดและกระเดียดไปทางเกิน,เสื้อกันฝน,หมวกผ้าเอาไว้ปูรองเวลากราบพระ,ทิชชูเปียกและแห้ง,ขนมเล็กๆไว้กินระหว่างเดินทางเพราะการเดินทางไปพระธาตุอินทร์แขวงใช้เวลานานอาจหิวระหว่างนั่งบนรถดังนั้นจัดไป


***เนื่องจากวันที่เดินทางตรงกับวันเสาร์คนก็จะเยอะเป็นปกตินะคะเครื่องออกเวลา7.15ควรถึงดอนเมืองก่อนเวลาเครื่องออกสัก2ชม.เพราะคนเยอะมากนะคะเผื่อแลกเงินดอล์ล่าต่อแถวเช็คอินเข้าด่านตรวจกระเป๋านิดนึงและเข้าไปหาของกินให้อิ่มท้องก่อนขึ้นเพราะไปถึงพม่าเราจะรีบไปขึ้นบัสเพื่อไปพระธาตุอินทร์แขวนเลย




เครื่องออก7.15ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินย่างกุ้ง1ชม.10นาทีไม่นานมากนั่งเพลินๆถึงละ


ก่อนเดินออกจากจากสนามบินแวะแลกเงินจ๊าดติดตัวไว้ใช้สัก50$เราแลกเงินดอล์ล่ามาตั้งแต่สนามบินดอนเมืองนะคะระวังเรื่องแบงค์ดอลล่านิดนึงอย่าให้แบบแบงค์เก่ายับมากหรือมีรอยขาดนะคะที่นั่นเค้าไม่รับเลยแล้วเค้าจะคืนเรากลับมาเลยทีเดียวโดนมาละ


เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและเดินออกนอกประตูทางออกเราจะเจอกันแทคซี่มากมายเลือกโบกได้เลยตามอัธยาศัยและต่อรองราคาอย่าให้เกินราคาที่เช็คมาก็พอคือไม่เกิน10$บอกเค้าไปBus station “ไจก์ทิโย”


เนื่องจากทริปนี้ต้องรีบไปขึ้นบัสเพื่อไปพระธาตุอินทร์แขวนให้ทันรอบไม่เกิน9.00จึงเลือกที่จะไปแทคซี่ไม่ไปรถเมล์และค่าtaxiไม่แพงมากคือ7$บางคนอาจต่อได้มากกว่านี้แต่เท่านี้โอเครับได้นั่งไปราวๆ15นาทีก็ถึงBus stationบอกเค้าไปจอดที่ท่าไป”ไจก์ทิโย”(ย้ำอีกทีเน้นๆเป็นสำเนียงพม่า)
ราคาตั๋วไปไจก์ทิโย7,000จ๊าดซื้อตั๋วตรงหน้ารถเลยนะคะจะมีคนขายตั๋วสแตนบายแบบในรูปที่เห็นแล้วพาไปนั่งที่เบาะจะเลือกเองก็ไม่ให้--“สภาพในรถก็อย่างที่เห็นอันนี้เป็นบัสยี่ห้อWIN EXPressแต่!!!!ใครไปถ้าเลือกได้ให้เลือกของThein Than Kyaw Expressคะเพราะไปวันแรกรีบๆงงๆรีบขึ้นพรวดพลาดสรุปเน่าค่ะ--“แต่ขากลับได้นั่งอีกยี่ห้อคือThein Than Kyaw Expressสภาพรถโอเคมากเบาะใหม่กว่าเยอะสะอาดกว่ามากแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ให้ดูกัน


บรรยากาศระหว่างชิวๆเป็นทุ่งนาส่วนใหญ่และบ้านชาวบ้านที่ดินเป็นที่ลุ่มตำ่และต่ำกว่าระดับถนนหน้าฝนนี่น้ำเจิ่งนองเต็มท้องทุ่งและบ้านของชาวบ้านจึงเห็นเค้าจะสร้างแบบยกสูงมีใต้ถุนเพื่อหนีน้ำในหน้าฝน



พอนั่งรถไปได้สักครึ่งทางราวๆ2ชม.ก็แวะพักรถทานอาหารที่แล้วแต่ยี่ห้อของรสบัสจะจอดนะคะเป็นร้านอาหารข้าวแกงและก็จัดการเข้าห้องน้ำเลยนะคะถึงแม้สภาพห้องน้ำจะอะไรก็ตามเพราะไปต่ออีกไกลใครหิวกับข้าวพม่าพอทานได้นะคะส่องๆมาให้ละเป็นข้าวแกงพม่าแต่เราซื้อขนมปังS&Pติดมาเลยไม่ลองกินเพราะนั่งรถอีกไกลกลัวถ้าปวดท้องไม่มีห้องน้ำเข้าหละทำไงคิดดูดีๆนะเต็ง(บอกตัวเอง)



ครัวของร้านอาหารที่แวะกลางทางคลาสสิกมากไม่สกปรกนะสะอาดและมีแมวสามตัวน่ารักเชียว



***สเตปต่อไปนั่งบัสต่อไปอีกประมาร 1 ชม.จนถึงจุดต่อรถเพื่อไปขึ้นรถขนหมูที่คินปุ่นแคมป์จะเป็นรถคล้ายๆซูบารุบ้านเรานะคะราคาคนละ1,500จ๊าดนั่งต่อไปแป๊บเดียวประมานครึ่งชั่วโมงแล้วลงไปต่อรถขึ้นเขาของจริงละ.....เนื่องจากโลว์ซีซั่นและฤดูกาลนี้ฝนตกทั้งวันทั้งคืนดังนั้นนักท่องเที่ยวที่รอบครอบส่วนใหญ่เค้าจะต้องเช็คสภาพอากาศกันแล้วไงเลยไม่มีนักท่องเที่ยวแบบBackpackมาในฤดูฝนเลยไงคือเพื่อนเดินทางคือคนพม่าล้วนๆเลยรอบกายอิชั้น55แต่ๆๆๆโชคดีฟ้าส่งพี่ผู้ชายคนไทย2คนเป็นพี่น้องกันกำลังจะขึ้นเขาเหมือนกันมาให้ลูก ณ จุดๆนี้จุดต่อรถซูบารุๆๆๆๆๆ(บราโว่ววกรี๊ดดด)ดั่งสวรรค์โปรดดมีเพื่อนร่วมเดินทางแล้วววดังนั้นต่อจากนี้แนะนำตัวกันเล็กน้อยคุยกันนิดหน่อยให้พอดูมีมารยาททางสังคมและเกาะติ่งไปกะพี่เค้าจนถึงยอดเขาค่ะ


ถึงจุดขึ้นรถขนหมูคินปุ่นแคมป์เนื่องจากวันที่ไปเป็นช่วงโลว์ซีซันอย่างที่บอกฝนตกคนจึงน้อยไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยและชาวพม่าเองก็น้อยนิดจึงต้องรอให้คนเต็มรถประมาน30นาทีซึ่งปกติคนเยอะมากรถสามารถออกได้เลยทันทีเพราะคนเต็มตลอดแต่วันที่เรามานั้นคนน้อยมากถ้าไม่เต็มคันคือ45คนรถก็ไม่ยอมออกดังนั้นจึงต้องรอกันไประหว่างรอฝนก็ตกตล๊อดๆๆต้องซื้อถุงพลาสติกจากแม่ค้าที่มาเดินขาย500จ๊าดมาใส่เป้มัดปากเพราะฝนเริ่มตกหนักตอนนั่งรถขนหมูขึ้นเขา...สมัยก่อนต้องเสียค่ารถขึ้นเขาที่เรียกว่ารถขนหมูคนละ1,500จ๊าดแล้วลงเดินต่ออีกประมานชั่วโมงแต่เดี๊ยวนี้เสีย2,500จ๊าดไม่ต้องเดินหรือนั่งสเหรี่ยงแล้วนะคะถึงยอดเลยจร้าาคือมันดีอะคือถ้าทั้งฝนตกแบบนี้แล้วต้องลงเดินอีกเป็นชั่วโมงคือ”กุตาย”
(ส่วนตัวคิดว่านั่งรถกระปะตอนไปเขาคิชกูฎิที่เมืองไทยเปรี้ยวละมันส์กว่ามากฝีมือการขับรถเข้าโค้งของบ้านเราแซปกว่าเยอะอาจจะเป็นเพราะรถกะปะขับง่ายกว่ารถ6ล้อก็เป็นไปได้ดังนั้นใครผ่านเขาคิชกูฏิมาแล้วอย่าได้กังวล)



***ระหว่างนั่งรถขนหมูเพื่อขึ้นไปยอดเขาฝนตกตลอดทางหนักสลับปล่อยๆ*******
พอถึงจุดลงรถบนยอดเขาฝนก็หยุดตกพอดีเดินไปอีกนิดหน่อยก็ถึงรร.ที่จองไว้คือKyaik Hto Hotelแต่
ก่อนเดินถึงทางเข้ารร.จะต้องผ่านด่านเก็บค่าทางเข้าพระธาตุอินทร์แขวนนะคะเราจะได้รับบัตรแขวนคอในราคาคนล6,000จ๊าด...ระหว่างทางตั้งแต่ลงจากรถคุณจะต้องเจอกับเหล่าไกด์ตัวน้อยมาคอยแนะนำตัวชื่อโกโก้โบโบ้โจโจ้โมโม้โดโด้สระโอ้อะไรทำนองนี้ตามประกบแบบหลีกหนีไม่ได้และกระจายกำลังกันอย่าทั่วถึงเพราะห้วงเวลานั้นSupply(ซัพพลาย)มีมากกว่าDemand(ดีมาน)ขนาดหนัก...รับรองคุณต้องปฏิเสธพวกเค้าตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเค้าแนะนำตัว”ไม่ไม่ไม่น้องพี่ไม่ต้อง”...และแน่นอนถึงแม้ว่าคุณจะปฎิเสธพวกเค้าเหล่านั้นก็ตามเถอะพวกเค้าก็หาได้แคร์ไม่555เดินตามเราไปจนถึงโรงแรมดักรอเราหน้าชะแล่มอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม(เพราะเข้าไม่ได้ทางโรงแรมไม่ให้เข้า..ถ้าให้เข้าๆไปละจริงๆ)จนเช็คอินเสร็จก็จะออกมาเจอกับพวกเค้าหน้าโรงแรมอีกเพราะพวกเค้าฝังชิปติดตามตัวไว้ที่คุณแล้วแหละ...แล้วสุดท้ายยยเราก็ใจอ่อนเพราะอะไรนั้น...ต้องไปสัมผัสเอาเองนะคะ;))เล่านิดนึงก็ด่ะคือเราว่าเพราะเค้าไม่ได้สักแต่ขอเงินเค้าพยายามให้บริการทุกรูปแบบอธิบายแบบงูๆปลาๆเท่าที่จะทำได้ได้สาธิตการถ่ายรูปคู่กับพระธาตุ,ควักร่มควักไฟฉายอาสาถือรองเท้าเป็นล่ามให้ตอนซื้อของที่ละลึกและตอนเราซื้อของกินคือไปไหนก็มีพวกเค้าตามไปเป็นเงาโดยที่...เรานั้นไม่ต้องการเลยยย55แล้วปากก็พูดออกไปตลอดว่า”น้องๆไม่ต้องไม่ต้องน้องๆ”หลายรอบมากๆถึงแม้จะรู้ว่าพวกเค้าอาจจะไม่ได้อะไรเลย...สุดท้ายเราสัมผัสได้ในความน่ารักของพวกเค้าว่ามันคือจิตวิญญานและอินเนอร์ในการทำงานของเค้าทำไปตามหน้าที่โดยสัญชาตญาณและเป็นอัตโนมัติเมื่อเจอนักท่องเที่ยวอะคือมันทำกันมาแต่ตัวน้อยๆจนหัดพูดไทยได้...น้องๆที่จิตอาสามาดูแลเรา(รึเปล่า55)อยู่ป.4กะป.5ชื่ออะไรจำไม่ได้แต่ทำนองนั้นแหละโม้ๆโจ้ๆมันเล่นกันไปร้องกันเพลงไปตอนตามพวกเราพอจะกินข้าวกันก็เป็นล่ามสั่งอาหารให้เสร็จมันก็หายไปสักพักเพื่อปล่อยให้เรารับประทานอาหารไปแบบสบายๆไม่กดดันพอพวกเราอิ่มเอมและเริ่มเคลื่อนตัวและมีความคิดขึ้นมาว่า”เออเฮ้ยไอเด็กพวกนั้นมันไปแล้วม๊างงง(เสียงสูง)”เค้าก็จะโผล่หน้ามาสะหล่อนคือกะเวลาไม่พลาดเทพมากๆตลกดีไม่รู้สินะไปลองสัมผัสเอาเองค่าไกด์น้อยที่ดูแลเราจนถึงตอนกลับที่พักก็ดึกนะสามสี่ทุ่มมาดักรอตอนเช้าตี4ตี5ฝนก็ตกเดินไปส่งที่รถเค้าขอ5ดอล์ล่าฮีรีเควสเงินดอลล่านะ150บาทเท่านั้น(ให้แบงค์ยี่สิบมันทำอิดออดบอกขอดอล์ล่าได้มั๊ย55)รู้สึกแบบให้ได้อะไหนๆมาทำบุญแล้วก็ทำทานกะน้องไกด์ตัวน้อยๆกันด้วยนะคะ^^ถ้าเจออย่าเพิ่งรีบปฎิเสธนะคะคิดว่าเป็นทุนการศึกษาเด็กน้อย

***ห้องที่พักที่จองไว้เป็นห้องDeluxeเพราะเนื่องจากต้องนอนคนเดียวเลยคิดว่าน่าจะจองห้องให้มันดีหน่อยละกันDeluxeไปเล้ยยยอมทุ่มค่าห้องแพงกว่าตั๋วเครื่องบินว่างั้นเถอะ(87$)แต่!!!Damnสภาพตามรูปเหมือนฝัน!!แถมต้องเดินออกมานอกLobbyตรงคล้ายๆกับหน้าผาOMGเป็นคล้ายๆบ้านหลังๆแทนที่จะจองห้องSuperiorก็ได้พักที่เป็นห้องติดๆกันในตัวอาคารที่มีพนักงานยืนเรียงรายตอนรับอยู่ให้อุ่นใจบ้าง(สุดๆอะพื้นฐานกลัวผีและเสพหนังผีมาตลอด)พอเปิดห้องพักไปเปรี๊ยงบรรยากาสใช่เลย!!ห้องที่ฉันจะพักคืนนี้ไม่ต่างอะไรกับฉากในหนังสยองขวัญที่เสพมาตลอดชีวิต(จะทำเยี่ยงไรให้ผ่านคืนนี้ไปได้หนอ)ยืนทำใจสองวิเอาวะเปิดไฟก่อนละกันปรากฎว่าไฟไม่ติด(วี๊ดดดดดดกรี๊ดดดด)เรียกพนักงานที่บังเอิญเดินผ่านมาซึ่งพูดพม่าล้วนจับกิริยาชี้โบ้ชีเบ้ได้ว่าไฟไม่ติดตอนนี้สรุปเลยรีบวิ่งกลับไปร็อบบี้ถามว่าทำไมอะค่ะ??บอกเครื่องปั่นไฟทำงานตอนห้าโมงเย็นตอนนี้ไม่มีไฟOMGกรี๊ดคือเปียกฝนมาตลอดทางคืออยากอาบน้ำก่อนแล้วไปไหว้พระงี้..สุดท้ายไม่รอไฟกุไปดีกว่ายอมเดินขึ้นเขาไปไหว้พระธาตุแบบตัวชื้นๆหัวเปียกๆเพราะในห้องมันเริ่มมืดแล้ว
ชื่อสินค้า:   LadyLonely94
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่