ช่วงนี้ ราคายางตกต่ำ เหลือ กก ประมาณ 50 บาท
แนวโน้มก็น่าจะตกลงไปเรื่อยๆ สาเหตุเพราะรัฐบาลทุกชุดมุ่งแต่
จะขายยางเป็นวัตถุดิบ ไม่เคยคิดนำยางมาพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเลย
ถ้าลองคิดนอกกรอบดู ไม่แน่อนาคต ยางพาราของไทย อาจสดใสกว่าข้าวก็ได้
อุตสาหกรรมเกี่ยวกับยางในความเห็นของ จขกท ที่รัฐควรส่งเสริมคือ
1 โรงงานตุ๊กตายาง
ทุกวันนี้ โสเภณีทั้งหญิงและชาย มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากความต้องการของตลาดมีมากขึ้นๆ
ทำให้ปริมาณผู้หญิงที่ถูกทำร้ายและล่อลวง โดยเฉพาะเด็กไม่ว่าหญิงหรือชาย เพิ่มจำนวนอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าเราผลิต ตุ๊กตายาง แล้วให้ทำการซื้อขายได้เสรี ถือว่าเป็นอุปกรณ์ทางแพทย์ เชื่อว่า ปัญหาอาชญากรรม
ทางเพศ และปัญหาโสเภณี ซึ่งเป็นปัญหาสังคมก็จะลดลง เมื่อลดลงแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ โรคที่มาจากเพศ
สัมพันธ์ก็ต้องลดลงด้วยแน่นอน แล้วถ้ายอมรับความจริงแล้ว ตุ๊กตายางยังสามารถส่งไปให้ทหารที่ประจำการ
ตามแนวชายแดน รวมถึงทหารเรือ ที่ต้องออกเรือนานๆด้วย การปลดเปลื้องความต้องการทางเพศของมนุษย์
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเสื่อมเสียเกียรติภูมิ แต่เป็นเรื่องของขวัญกำลังใจมากกว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ตุ๊กตายาง
นี้สามารถเป็นสินค้าส่งออกได้มูลค่ามหาศาล ซึ่งตลาดที่รองรับคือที่ที่มีคนอยู่ นั่นก็คือทั่วโลก
ตัวอย่าง ตุ๊กตายาง
2 ถุงยางอนามัย
อย่าดูถูกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ แต่มูลค่าทางการตลาดมหาศาล หลายหมื่นล้านบาทต่อปี
หลายคนยังไม่รู้ว่า ไทย เป็นประเทศที่ส่งออกถุงยางอนามัยมากที่สุดในโลก
http://rubber.oie.go.th/rrd/file/condom.pdf
ถ้ามองให้ดี ตลาดถุงยางอนามัยนี้ ยังโตได้อีกหลายเท่า เพราะประเทศที่ด้อยพัฒนาทั้งหลาย โดย
เฉพาะทวีป อาฟริกา ต่างยังไม่มีแผนคุมกำเนิดที่ดีพอ ถ้าในอนาคต ประเทศเหล่านี้ยอมรับแผนคุมกำเนิด
ประชากรแล้ว การใช้ถุงยางก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (รวมทั้งคนไทย ที่ส่วนใหญ่ไม่ชอบใส่นวมชก)
ขอเพียงแต่เรามีการพัฒนาตลาดให้มีความหลากหลาย ไม่ใช่รูปแบบเดิม เช่น ต้องเพิ่ม กลิ่น สี รส ให้หลากหลาย
อีกทั้งด้านความบาง ก็ควรพัฒนาให้บางลง ไม่ใช่ขนาด 0.07 mm หรือ 0.05 mm แต่ควรทำให้เหลือ 1.5 mm
(ญี่ปุ่นทำได้บางสุด 0.02 mm) ถ้าทำได้ ไทยก็จะได้ชื่อว่า เป็นเจ้าตลาดเรื่องนี้อย่างเต็มภาคภูมิ
ตัวอย่างถุงยางอนามัย ท็อปฮิตสุด (ไม่มีของไทยเลย)
http://www.manager.co.th/marsmag/ViewNews.aspx?NewsID=9570000034583
ถ้าคนไทยไม่ ดัด จ หริด ว่าเรื่องเพศเป็นของต่ำ (เหมือนกระ -แดะ เรื่อง คาสิโน)น่าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมสองอย่างนี้ดู
ถ้าทำสำเร็จ ปัญหายางอาจจะบรรเทาลงบ้างไม่มากก็น้อย
ป.ล กระทู้นี้ เจตนาบริสุทธิ์ ในการเสนอทางออก ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง หวังว่า wm คงไม่บอก
ว่ากระทู้นี้ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชนชาวไทย นะครับ
ป.ล 2 ขนาดถุงยางไซด์มาตรฐานของคนไทยคือ 49 mm
ป.ล 3 จริงๆจะเพิ่ม sex toy แต่กลัว wm เข้าใจผิด ไม่เอาดีกว่า
คิดนอกกรอบ....อยากให้เอายาง......มาทำถุงยางกับ.......ตุ๊กตายาง
แนวโน้มก็น่าจะตกลงไปเรื่อยๆ สาเหตุเพราะรัฐบาลทุกชุดมุ่งแต่
จะขายยางเป็นวัตถุดิบ ไม่เคยคิดนำยางมาพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเลย
ถ้าลองคิดนอกกรอบดู ไม่แน่อนาคต ยางพาราของไทย อาจสดใสกว่าข้าวก็ได้
อุตสาหกรรมเกี่ยวกับยางในความเห็นของ จขกท ที่รัฐควรส่งเสริมคือ
1 โรงงานตุ๊กตายาง
ทุกวันนี้ โสเภณีทั้งหญิงและชาย มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากความต้องการของตลาดมีมากขึ้นๆ
ทำให้ปริมาณผู้หญิงที่ถูกทำร้ายและล่อลวง โดยเฉพาะเด็กไม่ว่าหญิงหรือชาย เพิ่มจำนวนอย่างมีนัยสำคัญ
ถ้าเราผลิต ตุ๊กตายาง แล้วให้ทำการซื้อขายได้เสรี ถือว่าเป็นอุปกรณ์ทางแพทย์ เชื่อว่า ปัญหาอาชญากรรม
ทางเพศ และปัญหาโสเภณี ซึ่งเป็นปัญหาสังคมก็จะลดลง เมื่อลดลงแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ โรคที่มาจากเพศ
สัมพันธ์ก็ต้องลดลงด้วยแน่นอน แล้วถ้ายอมรับความจริงแล้ว ตุ๊กตายางยังสามารถส่งไปให้ทหารที่ประจำการ
ตามแนวชายแดน รวมถึงทหารเรือ ที่ต้องออกเรือนานๆด้วย การปลดเปลื้องความต้องการทางเพศของมนุษย์
ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือเสื่อมเสียเกียรติภูมิ แต่เป็นเรื่องของขวัญกำลังใจมากกว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ตุ๊กตายาง
นี้สามารถเป็นสินค้าส่งออกได้มูลค่ามหาศาล ซึ่งตลาดที่รองรับคือที่ที่มีคนอยู่ นั่นก็คือทั่วโลก
ตัวอย่าง ตุ๊กตายาง
2 ถุงยางอนามัย
อย่าดูถูกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กๆ แต่มูลค่าทางการตลาดมหาศาล หลายหมื่นล้านบาทต่อปี
หลายคนยังไม่รู้ว่า ไทย เป็นประเทศที่ส่งออกถุงยางอนามัยมากที่สุดในโลก
http://rubber.oie.go.th/rrd/file/condom.pdf
ถ้ามองให้ดี ตลาดถุงยางอนามัยนี้ ยังโตได้อีกหลายเท่า เพราะประเทศที่ด้อยพัฒนาทั้งหลาย โดย
เฉพาะทวีป อาฟริกา ต่างยังไม่มีแผนคุมกำเนิดที่ดีพอ ถ้าในอนาคต ประเทศเหล่านี้ยอมรับแผนคุมกำเนิด
ประชากรแล้ว การใช้ถุงยางก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (รวมทั้งคนไทย ที่ส่วนใหญ่ไม่ชอบใส่นวมชก)
ขอเพียงแต่เรามีการพัฒนาตลาดให้มีความหลากหลาย ไม่ใช่รูปแบบเดิม เช่น ต้องเพิ่ม กลิ่น สี รส ให้หลากหลาย
อีกทั้งด้านความบาง ก็ควรพัฒนาให้บางลง ไม่ใช่ขนาด 0.07 mm หรือ 0.05 mm แต่ควรทำให้เหลือ 1.5 mm
(ญี่ปุ่นทำได้บางสุด 0.02 mm) ถ้าทำได้ ไทยก็จะได้ชื่อว่า เป็นเจ้าตลาดเรื่องนี้อย่างเต็มภาคภูมิ
ตัวอย่างถุงยางอนามัย ท็อปฮิตสุด (ไม่มีของไทยเลย)
http://www.manager.co.th/marsmag/ViewNews.aspx?NewsID=9570000034583
ถ้าคนไทยไม่ ดัด จ หริด ว่าเรื่องเพศเป็นของต่ำ (เหมือนกระ -แดะ เรื่อง คาสิโน)น่าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมสองอย่างนี้ดู
ถ้าทำสำเร็จ ปัญหายางอาจจะบรรเทาลงบ้างไม่มากก็น้อย
ป.ล กระทู้นี้ เจตนาบริสุทธิ์ ในการเสนอทางออก ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง หวังว่า wm คงไม่บอก
ว่ากระทู้นี้ผิดศีลธรรมอันดีของประชาชนชาวไทย นะครับ
ป.ล 2 ขนาดถุงยางไซด์มาตรฐานของคนไทยคือ 49 mm
ป.ล 3 จริงๆจะเพิ่ม sex toy แต่กลัว wm เข้าใจผิด ไม่เอาดีกว่า