เป็นการเริ่มต้นของการเขียนนิยาย ไม่ได้เก่งกาจ วาดหวังไว้สูงนัก และแต่งขึ้นจากจินตนาการ มิได้คิดพาดพิงหรือ บิดเบือนความจริงจากเรื่องใดๆนะคะ ( เป็นเรื่องสมมุติขึ้นเท่านั้นนะคะ)
บทแรก การค้นพบ
http://pantip.com/topic/32121665
บทที่ -1-
http://pantip.com/topic/32130617
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 2
เสียงจอแจของเหล่าไทยมุง ที่ต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆนาๆ ตามแต่ใครจะมีจินตนาการกว้างไกลขนาดไหน ตำรวจหลายนายกำลังยุ่งกับการเก็บหลักฐาน และพยายามสอบปากคำพยานที่พบเห็นศพซึ่งตอนนี้ยังตัวสั่นไม่หยุด พูดจายังวกวนจับใจความไม่ได้มาก
“ ว่าไง ได้อะไรกันบ้าง จ่า “ ณรงค์ฤทธิ์ รีบดิ่งเข้าไปสอบถามความคืบหน้าจากลูกน้องทันที
“ ตอนนี้ยังระบุตัวผู้ตายไม่ได้ครับเจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรทำการส่งศพไปที่สถาบันนิติเวชวิทยาเพื่อทำการหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกทีครับ และกองพิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บหลักฐานทั้งหมดจากที่เกิดเหตุ ครับผ้ม ” จ่าเก่งรายงานผลเสียงแข็งขัน
“ โน่นใคร ที่ไปยืนหล่ออยู่ตรงโน้น “ หมวดหนุ่ม ชี้นิ้วถามจ่าคนสนิท
“ผู้กองพสุไงครับหมวด หัวหน้าทีมสืบคดีนี้ครับ คำสั่งพิเศษส่งตรงจากเบื้องบนครับ “
ร้อยตำรวจเอก พสุ เอกเกรียงไกร หัวหน้าฝ่ายปราบปรามคดีพิเศษ ที่มีฝีไม้ลายมือ และความเก่งเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว คดีนี้คงเป็นคดีร้ายแรงที่เบื้องบนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษจึงได้มอบหมายให้เขามารับหน้าที่สืบคดีนี้
“ ผู้ตายเป็นชาย สภาพศพ ร่างกายเหมือนโดนฉีกออกจากกัน โยนไปคนละทิศละทาง ไม่พบอาวุธและบริเวณโดยรอบไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ประมาณเวลาการเสียชีวิตคร่าวๆ คือช่วง 16 – 18 ชั่วโมงที่ผ่านมาครับ “ เจ้าหน้าที่นิติวิทยา เริ่มรายงานผลการตรวจบางส่วนให้ ผู้กองพสุได้ทราบ
“ สอบถามคนแถวนี้ บริเวณนี้ก็ไม่ค่อยมีคนใช้สัญจรกันเท่าไรนักเพราะมันค่อนข้างมืดครับ “ เจ้าหน้าที่อีกนายรายงานผลบ้าง
ตำรวจหนุ่มยืนมองสถานที่เกิดเหตุ อย่างพินิจพิเคราะห์ คิ้วหนาขมวดมุ่น
“สภาพศพเหมือนถูกฉีกออกจากกัน ร่องรอยการต่อสู้ป้องกันตัวไม่มีให้เห็น ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่รู้ตัว “ เขาพยายามไล่เรียงเหตุการณ์ ความหวั่นวิตกฉายในแววตา
“ มันคืออะไรกันแน่นะ “
ณ.กรมสอบสวนคดีพิเศษแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้กองหนุ่มวางแฟ้มรายงานคดีเก่าๆที่ผ่านมาของที่นี่
“ ร้อยตำรวจตรี ณรงค์ฤทธิ์ คเชนจิตต์ ฝีมือใช้ได้ “ ทันไดก็มีเสียงเคาะประตูดังถี่ยิบ ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะอนุญาต ร่างของคนสองคนก็ถลาเข้ามาในห้องซะแล้ว หมวดหนุ่มแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นห้องเพราะความแรงที่พุ่งเข้ามา ผิดกับอีกคนที่ล้มลงไปนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ อะไรกัน หมวด จ่า จะรีบอะไรกันนักหนา “ สายตาดุๆ จ้องไปที่ลูกน้อง
“ มารายงานตัวครับผู้กอง “
หัวหน้าคนใหม่พยักหน้ารับรู้ ท่าทางดุเมื่อกี้หายไป กลายเป็นท่าทีผ่อนคลายขึ้น 1 หมวด 1 จ่า เริ่มหายใจทั่วท้องขึ้นมาบ้าง
“ นี่มันคน หรือตัวอะไรกัน ทำได้ขนาดนี้ไม่เคยเจอ “ ผู้หมวดขาลุยออกอาการโวยวาย เพราะคดียิ่งสืบ ยิ่งน่าสงสัย เขาเดินไปที่กระดานคดี พยายามสังเกตภาพคดีอีกครั้ง โดยหวังว่าเขาจะพลาดอะไรไป
“ ผู้ตายเป็นชาย อาชีพเป็นครูสอนศาสนาในชุมชน เป็นที่รักใครของคนที่นั่น ชื่อครู ปีเตอร์ แต่คนเขาเรียกกันว่าครูปิติ อายุ 59 ปี อยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวที่ไหน นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนใจดีมาก "
“ สภาพศพอย่างสยอง “ จ่าเก่งเกาหัว
“ ผมทำงานมานาน ไม่เคยเจอแบบนี้เลย “ พูดไปก็ขนแขนลุกเกรียว แกต้องเอามือลูบต้นแขนไปมา
ผู้กองพสุหยิบเอกสารมาเปิดไล่อ่านอีกครั้ง ทุกตัวอักษรที่ผ่านตา ทำให้เขารู้สึกสงสัยในบางอย่าง เหยื่อเป็นคนดี ไม่มีบัญหา หรือหาเหตุจูงใจในการฆ่าไม่ได้เลย เป็นคนธรรมดาทั่วๆไปแต่การตายที่ไม่ธรรมดาออกจะเหี้ยมโหดมากเสียด้วย
เสียงเคาะประตูดังถี่ยิบอีกครั้ง คนทั้ง 3 มองหน้ากัน หวังว่าสิ่งที่ตามมาคือรายงายการชันสูตรที่น่าจะมีเบาะแสเกี่ยวกับคดีสะเทือนขวัญนี้บ้าง
ใจกลางป่าเบญจภูมิ เสียงใบไม้ได้เสียดสีกันตามแรงลมหวีดหวิวเป็นเสียงเพลงเบาๆ ขับกล่อมไปทั่วผืนป่า หมอกสีขาวกระจายไปทั่ว เหมือนพยายามซ่อนป่านี้ไว้ให้ห่างไกลสายตาคนบนโลกนี้ บรรยากาศเงียบสงบ มองดูคล้ายสวนสวรรค์
“ มันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว “ ท่ามกลางกลุ่มควันที่รวมตัวกันกลางป่า พลันเริ่มปรากฏร่างชายชราหนวดเคราสีขาวยาวจรดพื้นดินเดินก้าวมาหยุดยืนหน้าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่คู่ป่ามานาน ดวงตาไร้แววใดๆ ชายผู้นี้ตาบอด แต่อากัปกิริยาที่เห็นดูไม่รู้เลย

ทันใดก็ปรากฏร่างหญิงสาว เดินก้าวมายืนด้านข้างต้นไม้นั้น เธอส่งยิ้มหวาน ตาสีฟ้าใสฉายแววให้เห็น
“ท่านยังไม่ตื่น แลเราจะรอให้ท่านพร้อม “ เสียงใสดังระฆังใบน้อยดังออกมา จากเธอโดยที่เธอมิได้ขยับปากใดๆ เธอเอื้อมมาแตะต้นไม้นั้นอย่างเบามือ
“ ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ พวกนั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้น และทวีความดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ ” เสียงก้องกังวานน้ำเสียงนั้นแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ
“ ไม่ต้องกังวลใจใดๆไปดอก ท่านทาฒะ ท่านแห่งเราจะพร้อมรับรู้ในอีกไม่ช้า ท่านปรมัตถ์ จะเป็นผู้ฟื้นความทรงจำให้ท่านเอง ” พลันร่างของนางค่อยๆจางหายไป เหลือไว้เพียงกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว
“ ตามแต่ท่านว่า ท่าน กัษษากรอัปษร “ ชายชราก้มหัวแสดงความเคารพ ก่อนหันหลังเดินลับเข้าป่าไปดังเดิม ความเงียบเข้ามาโดยทันที เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างได้หยุดอยู่กับที่ในดินแดนแห่งสวรรค์แห่งนี้
นิยาย จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ -บทที่ 2 - (โดย เพอฟูเม่ ติ่งตี่เจมส์ มาร์ )
บทแรก การค้นพบ http://pantip.com/topic/32121665
บทที่ -1- http://pantip.com/topic/32130617
จันทร์เสี้ยว เขี้ยว วิญญาณ
บทที่ 2
เสียงจอแจของเหล่าไทยมุง ที่ต่างพากันคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆนาๆ ตามแต่ใครจะมีจินตนาการกว้างไกลขนาดไหน ตำรวจหลายนายกำลังยุ่งกับการเก็บหลักฐาน และพยายามสอบปากคำพยานที่พบเห็นศพซึ่งตอนนี้ยังตัวสั่นไม่หยุด พูดจายังวกวนจับใจความไม่ได้มาก
“ ว่าไง ได้อะไรกันบ้าง จ่า “ ณรงค์ฤทธิ์ รีบดิ่งเข้าไปสอบถามความคืบหน้าจากลูกน้องทันที
“ ตอนนี้ยังระบุตัวผู้ตายไม่ได้ครับเจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรทำการส่งศพไปที่สถาบันนิติเวชวิทยาเพื่อทำการหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกทีครับ และกองพิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บหลักฐานทั้งหมดจากที่เกิดเหตุ ครับผ้ม ” จ่าเก่งรายงานผลเสียงแข็งขัน
“ โน่นใคร ที่ไปยืนหล่ออยู่ตรงโน้น “ หมวดหนุ่ม ชี้นิ้วถามจ่าคนสนิท
“ผู้กองพสุไงครับหมวด หัวหน้าทีมสืบคดีนี้ครับ คำสั่งพิเศษส่งตรงจากเบื้องบนครับ “
ร้อยตำรวจเอก พสุ เอกเกรียงไกร หัวหน้าฝ่ายปราบปรามคดีพิเศษ ที่มีฝีไม้ลายมือ และความเก่งเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว คดีนี้คงเป็นคดีร้ายแรงที่เบื้องบนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษจึงได้มอบหมายให้เขามารับหน้าที่สืบคดีนี้
“ ผู้ตายเป็นชาย สภาพศพ ร่างกายเหมือนโดนฉีกออกจากกัน โยนไปคนละทิศละทาง ไม่พบอาวุธและบริเวณโดยรอบไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ประมาณเวลาการเสียชีวิตคร่าวๆ คือช่วง 16 – 18 ชั่วโมงที่ผ่านมาครับ “ เจ้าหน้าที่นิติวิทยา เริ่มรายงานผลการตรวจบางส่วนให้ ผู้กองพสุได้ทราบ
“ สอบถามคนแถวนี้ บริเวณนี้ก็ไม่ค่อยมีคนใช้สัญจรกันเท่าไรนักเพราะมันค่อนข้างมืดครับ “ เจ้าหน้าที่อีกนายรายงานผลบ้าง
ตำรวจหนุ่มยืนมองสถานที่เกิดเหตุ อย่างพินิจพิเคราะห์ คิ้วหนาขมวดมุ่น “สภาพศพเหมือนถูกฉีกออกจากกัน ร่องรอยการต่อสู้ป้องกันตัวไม่มีให้เห็น ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่รู้ตัว “ เขาพยายามไล่เรียงเหตุการณ์ ความหวั่นวิตกฉายในแววตา “ มันคืออะไรกันแน่นะ “
ณ.กรมสอบสวนคดีพิเศษแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้กองหนุ่มวางแฟ้มรายงานคดีเก่าๆที่ผ่านมาของที่นี่ “ ร้อยตำรวจตรี ณรงค์ฤทธิ์ คเชนจิตต์ ฝีมือใช้ได้ “ ทันไดก็มีเสียงเคาะประตูดังถี่ยิบ ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะอนุญาต ร่างของคนสองคนก็ถลาเข้ามาในห้องซะแล้ว หมวดหนุ่มแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นห้องเพราะความแรงที่พุ่งเข้ามา ผิดกับอีกคนที่ล้มลงไปนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ อะไรกัน หมวด จ่า จะรีบอะไรกันนักหนา “ สายตาดุๆ จ้องไปที่ลูกน้อง
“ มารายงานตัวครับผู้กอง “
หัวหน้าคนใหม่พยักหน้ารับรู้ ท่าทางดุเมื่อกี้หายไป กลายเป็นท่าทีผ่อนคลายขึ้น 1 หมวด 1 จ่า เริ่มหายใจทั่วท้องขึ้นมาบ้าง
“ นี่มันคน หรือตัวอะไรกัน ทำได้ขนาดนี้ไม่เคยเจอ “ ผู้หมวดขาลุยออกอาการโวยวาย เพราะคดียิ่งสืบ ยิ่งน่าสงสัย เขาเดินไปที่กระดานคดี พยายามสังเกตภาพคดีอีกครั้ง โดยหวังว่าเขาจะพลาดอะไรไป
“ ผู้ตายเป็นชาย อาชีพเป็นครูสอนศาสนาในชุมชน เป็นที่รักใครของคนที่นั่น ชื่อครู ปีเตอร์ แต่คนเขาเรียกกันว่าครูปิติ อายุ 59 ปี อยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวที่ไหน นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนใจดีมาก "
“ สภาพศพอย่างสยอง “ จ่าเก่งเกาหัว “ ผมทำงานมานาน ไม่เคยเจอแบบนี้เลย “ พูดไปก็ขนแขนลุกเกรียว แกต้องเอามือลูบต้นแขนไปมา
ผู้กองพสุหยิบเอกสารมาเปิดไล่อ่านอีกครั้ง ทุกตัวอักษรที่ผ่านตา ทำให้เขารู้สึกสงสัยในบางอย่าง เหยื่อเป็นคนดี ไม่มีบัญหา หรือหาเหตุจูงใจในการฆ่าไม่ได้เลย เป็นคนธรรมดาทั่วๆไปแต่การตายที่ไม่ธรรมดาออกจะเหี้ยมโหดมากเสียด้วย
เสียงเคาะประตูดังถี่ยิบอีกครั้ง คนทั้ง 3 มองหน้ากัน หวังว่าสิ่งที่ตามมาคือรายงายการชันสูตรที่น่าจะมีเบาะแสเกี่ยวกับคดีสะเทือนขวัญนี้บ้าง
ใจกลางป่าเบญจภูมิ เสียงใบไม้ได้เสียดสีกันตามแรงลมหวีดหวิวเป็นเสียงเพลงเบาๆ ขับกล่อมไปทั่วผืนป่า หมอกสีขาวกระจายไปทั่ว เหมือนพยายามซ่อนป่านี้ไว้ให้ห่างไกลสายตาคนบนโลกนี้ บรรยากาศเงียบสงบ มองดูคล้ายสวนสวรรค์
“ มันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว “ ท่ามกลางกลุ่มควันที่รวมตัวกันกลางป่า พลันเริ่มปรากฏร่างชายชราหนวดเคราสีขาวยาวจรดพื้นดินเดินก้าวมาหยุดยืนหน้าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่คู่ป่ามานาน ดวงตาไร้แววใดๆ ชายผู้นี้ตาบอด แต่อากัปกิริยาที่เห็นดูไม่รู้เลย
ทันใดก็ปรากฏร่างหญิงสาว เดินก้าวมายืนด้านข้างต้นไม้นั้น เธอส่งยิ้มหวาน ตาสีฟ้าใสฉายแววให้เห็น “ท่านยังไม่ตื่น แลเราจะรอให้ท่านพร้อม “ เสียงใสดังระฆังใบน้อยดังออกมา จากเธอโดยที่เธอมิได้ขยับปากใดๆ เธอเอื้อมมาแตะต้นไม้นั้นอย่างเบามือ
“ ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ พวกนั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้น และทวีความดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ ” เสียงก้องกังวานน้ำเสียงนั้นแม้จะฟังดูราบเรียบ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ
“ ไม่ต้องกังวลใจใดๆไปดอก ท่านทาฒะ ท่านแห่งเราจะพร้อมรับรู้ในอีกไม่ช้า ท่านปรมัตถ์ จะเป็นผู้ฟื้นความทรงจำให้ท่านเอง ” พลันร่างของนางค่อยๆจางหายไป เหลือไว้เพียงกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว
“ ตามแต่ท่านว่า ท่าน กัษษากรอัปษร “ ชายชราก้มหัวแสดงความเคารพ ก่อนหันหลังเดินลับเข้าป่าไปดังเดิม ความเงียบเข้ามาโดยทันที เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างได้หยุดอยู่กับที่ในดินแดนแห่งสวรรค์แห่งนี้