Rebel Without a Cause (1955) First and one of the best misunderstood teenagers film + James Dean!!!!!!

Rebel Without a Cause (1955)



ได้ยินชื่อเสียงของ 'James Dean' มานานพอสมควร มีองค์ประกอบความเป็น movie star ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เริ่มจากหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ลองนึกถึงนักแสดงหน้าตาหล่อ ๆ แบบทอม ครูซ, พอล นิวแมน, ไรอัน กอสลิ่ง ประมาณนั้นเลยครับ ทีนี้มันมีจุดขัดแย้งคือผู้คนในยุคนั้นยังกังขาความสามารถนักแสดงวัยรุ่น ซึ่งเจมส์ ดีนตอนอายุ 24 ปีสามารถลบข้อกังขาของสมัยนิยมตอนนั้นได้หมดสิ้น สิ่งที่ช่วยยืนยันได้ก็คือการเข้าชิงออสการ์สองปีจากการแสดงหนังแค่ 3 เรื่อง

เป็นที่น่าเสียดายว่าขาต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยวัยเพียง 24 ปี โดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ทราบว่าผลงานการแสดงของตัวเองจะได้เข้าชิงออสการ์สองปีซ้อน

คืนแรกที่แผนกเยาวชนในสถานีตำรวจ 'จิม' (James Dean) ถูกจับข้อหาอายุไม่ถึงเกณฑ์ดื่มสุรา เขาทำเพื่อประชดพ่อแม่ที่ไปงานเต้นรำโดยไม่มีเขา, 'จูดี้' (Natalie Wood) ถูกจับส่งแผนกเยาวชนเพราะเธอออกมาเดินเล่นในยามวิกาลคนเดียว เธอทำไปเพราะประชดพ่อที่รับมือกับการโตเป็นสาวของลูกไม่ได้, และ 'เพลโต' (Sal Mineo) ถูกจับข้อหาใช้ปืนยิงลูกหมา หนังเฉลยว่าวันนั้นคือวันเกิดที่ไม่ได้รับความสนใจจากแม่

จิมมีปัญหาเรื่องการเข้าหาผู้คน แต่เขาก็พยายามปรับปรุงมาตลอด ในขณะที่พ่อแม่ต่างเลี่ยงปัญหาทะเลาะวิวาทด้วยการย้ายบ้านทุกครั้ง จนครั้งนี้ที่จิมมีเรื่องอีกครั้งและเขาอยากจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยต้องการให้พ่อของเขาคอยสนับสนุน



สามเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดหนังสุดคลาสสิกเรื่องนี้
1. James Dean is ICON!!!
- อย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงต้นว่าเจมส์ ดีนคือนักแสดงหนุ่ม (อายุจริง 24 ปีแต่มารับบทเด็กวัยรุ่นอายุ 17 ปีในหนัง) ที่มีอิทธิพลในช่วงยุค 50s โดยเฉพาะจากการแสดงในหนังปัญหาวัยรุ่นเรื่องนี้ที่ทำให้เขากลายเป็น 'ต้นแบบ' เป็นแรงบันดาลใจในการเป็นตัวของตัวเองของเหล่าวัยรุ่นในยุคนั้น

นอกจากนี้การแต่งตัวของเจมส์ ดีนยังถือเป็น 'fashion idol' ตลอดกาลอีกด้วย ไม่เชื่อคุณลองเสิชชื่อ James Dean ใน Google สิครับ คุณจะพบสิ่งที่บ่งบอกความเป็นแฟชั่นไอดอลของเขา เช่น วิธีแต่งตัวแบบเจมส์ ดีน, ทรงผมแบบเจมส์ ดีน, การใช้คำอธิบายลักษณะของเสื้อแจ็คเก็ตว่า 'James Dean's jacket', โดยเฉพาะชุดแจ็คเก็ตสีแดง เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน และรองเท้าบูทหนังที่คุณได้เห็นใน Rebel Without a Cause ตลอดทั้งเรื่องมันได้กลายเป็นตำนานไปเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือการใส่แจ็คเก็ตในแบบของเจมส์ ดีนคือรูดซิบขึ้นมานิดนึงแบบในหนังด้วยครับ เท่โคตร เป็นแฟชั่นไอดอลที่มีอิทธิพลสูงที่สุดคนหนึ่งตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัยครับ

หนังส่งให้เจมส์ ดีนเป็นต้นแบบทั้งการดำเนินชีวิตและการแต่งตัวแบบนี้จะพลาดกันได้อย่างไร จริงไหมครับ?



2. First and one of the best misunderstood teenagers film
- Rebel Without a Cause ได้รับการยกย่องเชิดชูคุณค่าจากหลาย ๆ แหล่งว่าเป็นหนัง 'ปัญหาวัยรุ่น' เรื่องแรกของวงการภาพยนตร์ และมันนำเสนอปัญหาของคนไม่เข้าใจวัยรุ่นได้อย่างดีมาก ๆ เสียด้วย มันเป็นหนังที่นำเสนอสาเหตุของวัยรุ่นที่ผู้ใหญ่(ที่เคยผ่านการเป็นวัยรุ่นมาก่อน)กลับไม่เข้าใจ รวมถึงวิธีการแสดงออกและการแก้ปัญหาของวัยรุ่นที่หลายครั้งยังยึดติดกับ 'การได้รับการยอมรับในสังคม'

ยกตัวอย่างการเข้าเรียนวันแรกของ 'จิม' จากคนที่เคยมีเรื่องวิวาทมาตลอดจนกระทั่งย้ายมาที่นี่ เขาพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทอย่างสุดความสามารถ แต่การถูกหยามว่าเป็นไก่อ่อนเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ การพิสูจน์ตัวเองด้วยการดวลมีดและเกมวัดใจจึงเป็นการแสดงออกเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคมใหม่

'จิม' ยังมีปัญหาส่วนตัวที่หนังแสดงให้เห็นว่าเกิดจากในครอบครัว เขาไม่อยากโตไปเป็นเหมือนพ่อที่ไม่มีภาวะผู้นำ โดนแม่ข่มอยู่เสมอ เมื่อเขามีปัญหาก็มักได้รับการแก้ไขที่ปลายเหตุด้วยการย้ายที่อยู่ ย้ายโรงเรียน อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการแรงสนับสนุนจากพ่ออยู่เสมอ และนั่นก็นำมาซึ่งฉากที่น่าสนใจอย่างน้อยสองฉากคือฉากเปิดตัวจิมที่สถานีตำรวจและฉากการโต้เถียงกันในครอบครัวหลังอุบัติเหตุที่หน้าผา

นอกจากนี้ยังมีปัญหาของ 'จูดี้' จากเด็กสาวที่กลายเป็นวัยรุ่น เริ่มแต่งหน้าแต่งตัว ในขณะที่คนเป็นพ่อยังรับมือการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน เขาจึงมีกลไกปกป้องตัวเองด้วยการปฏิเสธสิ่งที่จูดี้เคยทำในวัยเด็ก เช่นการจูบริมฝีปาก ซึ่งจูดี้ไม่เข้าใจ เธอต้องการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพ่อแบบเดิมอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งเป็นเด็ก ในขณะที่คนพ่อมองว่าลูกโตเป็นสาวแล้วไม่ควรทำอย่างนั้น

และปัญหาของ 'เพลโต' ที่ถูกพ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็ก แม่แท้ ๆ ก็ไม่สนใจใยดี ไม่สนใจวันเกิด สิ่งเดียวที่แม่ของเขาทำก็คือการส่งเช็คเงินมาให้ตลอด

3. Open to discusstion
- แม้หนังจะนำเสนอว่าปัญหาของวัยรุ่นในเรื่องเกิดจากอะไร แต่กระนั้นการที่หนังเปิดกว้างให้ได้ถกเถียงถึงปัญหาต่าง ๆ ในเรื่องก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เช่น จุดเกิดปัญหาในตัวเพลโต, ความสัมพันธ์พ่อ-ลูกเมื่อเกิดการเปลี่ยนช่วงวัยในครอบครัวจูดี้, ภาวะผู้นำครอบครัวของเพศชายที่ถูกเพศหญิงวางอำนาจเหนือกว่า, เรื่องของศักดิ์ศรีในหมู่วัยรุ่น การวิวาท การแข่งวัดใจ

ทั้งหมดเป็นเรื่องที่นำมาถกเถียงพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้หมด หรืออาจจะสรุปสั้น ๆ ว่ามันคือ 'การต่อต้านโดยปราศจากเหตุผล' ก็ว่าได้ ฮ่าๆ

• หนังได้เข้าชิงสามรางวัลออสการ์ได้แก่ การแสดงสมทบชายและหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครับ
• เจมส์ ดีนเสียชีวิตก่อนหนังฉาย
• บทของเจมส์ ดีนเคยเกือบตกเป็นของ 'พอล นิวแมน'

"Don't call me chicken."
"You're tearing me apart!"


Director: Nicholas Ray
Story: Nicholas Ray
adaptation: Irving Shulman
Screenplay: Stewart Stern

Genre: Drama
9/10

หนังโปรด fan page: https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่