บทก่อนหน้า
บทนำ
http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://pantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕
http://pantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖
http://pantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗
http://pantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘
http://pantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙
http://pantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐
http://pantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑
http://pantip.com/topic/31710814
บทที่ ๒๒
http://pantip.com/topic/31775678
บทที่ ๒๓
อากาศยามเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิในห้องหอของคู่แต่งงานใหม่หนาวเหน็บ ด้วยไฟในเตาผิงที่ให้ความอบอุ่นมาตลอดทั้งคืนราลง เหลือเพียงก้อนถ่านแดง ๆ อยู่ไม่กี่ก้อน โดยปกติหญิงรับใช้จะเข้ามาเติมฟืนเมื่อคนในห้องลุกออกจากที่นอนแล้ว หากแต่เช้านี้ สองคนบนเตียงนอนใหญ่ ยังคงหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของกันและกันอย่างไม่ได้รับรู้สภาพอากาศอันหนาวเย็นที่อยู่รายรอบเลย
ณัฐญาณ์ขยับตัวซุกเข้าหาความอบอุ่นที่อยู่แนบชิด จนทำให้อีกคนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น มือใหญ่ขยับลูบไล้ผิวเนียนเปลือยเปล่าที่โอบกอดมาตลอดทั้งคืนโดยอัตโนมัติ ได้ยินเสียงคนในอ้อมแขนครางงึมงำอย่างพอใจราวกับลูกแมวตัวน้อย เรียกร้อยยิ้มเอ็นดูจากคนตื่นก่อนได้ในทันที
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าจุมพิตหน้าผากของคนที่ซุกตัวอยู่กับอกของตนเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปตามขมับ ข้างแก้ม ระเรื่อยลงไปจนถึงปลายคาง หยุดจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปาก แล้วต้องลอบยิ้มเมื่อรู้สึกว่าคนที่กำลังหลับตัวเกร็งในอ้อมแขนของเขา จึงขยับจุมพิตระเรื่อยกลับขึ้นไปตามข้างแก้ม และหยุดลงที่ใบหู ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนายแคมพ์เบลล์”
คนในอ้อมแขนขยับตัว พึมพำตอบเบา ๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น มือใหญ่จึงคว้าเอวของหญิงสาวไว้ ร่างใหญ่เปลือยเปล่าพลิกตัวจังหวะเดียว คนที่กำลังจะลุกก็นอนอยู่ใต้ร่างใหญ่ของเขาอย่างขยับไปไหนไม่ได้
“จะรีบลุกไปไหนครับ นาทาย่าห์” ชายหนุ่มถาม ขณะเดียวกันก็วุ่นวายกันการก้มลงซุกไซ้จุมพิตไปตามลำคอและลาดไหล่ของคนในอ้อมแขน โดยไม่ได้ใส่ใจรอฟังคำตอบ
ณัฐญาณ์พยายามดันร่างของสามีออกหากแต่ก็เหมือนกับดันกำแพงหิน เพราะเขาดูไม่สะท้านสะเทือนกับแรงผลักของเธอเลย
“เช้าแล้วค่ะ เอลานอร์คงเตรียมน้ำรอแล้วกระมัง”
“ผมบอกเอลานอร์ไว้ว่าถ้าจะใช้น้ำเมื่อไรจะเรียก” ชายหนุ่มงึมงำตอบโดยไม่โงยหน้าขึ้นมาจากภารกิจที่กำลังทำอยู่
“ไฟในเตาผิงก็ดับแล้ว” คนที่พยายามหาข้ออ้างจะลุกออกจากเตียงยังไม่ยอมแพ้ หากแต่อีกคนก็ดูเหมือนจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วเช่นกัน
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาว มองเห็นใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ เมื่อปรายสายตามองลำตัวท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขาที่แนบชิดอยู่กับร่างที่ปราศจากอาภรณ์ใด ๆ ห่อหุ้มของเธอ
“แสดงว่าผมยังทำให้คุณอุ่นไม่พอ” ทอดเสียงราวกับตัดพ้อ หากใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างมีความหมาย
“คงต้องตั้งใจมากกว่านี้” กล่าวแล้วก็ก้มลงละเลียดจุมพิตไปทั่วผิวเนียนเปลือยเปล่าด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนมือใหญ่ทั้งสองก็ทำงานประสานกับริมฝีปากอุ่นอย่างไม่ยอมน้อยหน้า
ไม่นานเลย หญิงสาวที่ถูกปรนเปรอด้วยสัมผัสจัดเจนก็รู้สึกร้อนเร่าไปทั้งกาย เป็นความร้อนที่ทำให้สั่นระริกไปทุกอณูที่ถูกสัมผัสด้วยจุมพิตและฝ่ามือใหญ่ พร้อม ๆ กับความรู้สึกกระหายอยากต่อสัมผัสของเขา ที่ยิ่งเขาปรนเปรอให้เธอมากเท่าใด หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกต้องการมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อชายหนุ่มขยับกายแกร่งแนบชิด ณัฐญาณ์ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสเร่าร้อนอ่อนหวานนั้น ซึบซับเอาความอิ่มเอมจากสัมผัสลึกซึ้งระหว่างชายหญิงที่ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเพิ่งจะสอนให้เธอรู้จักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจ ถึงได้ตั้งอกตั้งใจนำพาเธอให้รู้จักความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติอันหวานหอมของมันแล้ว ก็ติดอกติดใจเสียจนตามติดเขาไปทุกที่อย่างไม่ลังเลเลย
สัมผัสที่เริ่มต้นอย่างอบอุ่นอ่อนหวาน เริ่มเร่งเร้าร้อนแรง ทุกสัมผัสลึกซึ้งส่งให้ณัฐญาณ์ลอยละลิ่ว พร้อมแล้วที่จะคว้าเส้นขอบฟ้าที่รู้สึกว่าอยู่ไม่ไกล จนเมื่อจังหวะเร่าร้อนนั้นเร่งเร้าถึงขีดสุด หญิงสาวก็ทะยานเข้าสู่ดินแดนแห่งดวงดาวพราวพร่างพร้อม ๆ กับคนนำทาง เป็นชั่วเวลาสั้น ๆ ที่หลงลืมทุกสิ่งรอบกาย รับรู้เพียงความรู้สึกสุขสมอิ่มเอมที่ผู้เป็นสามีปรนเปรอให้ ก่อนที่จะค่อย ๆ ตกลงมาช้า ๆ สู่อ้อมกอดอุ่นที่ยังให้ความรู้สึกอ่อนหวานซาบซ่านไปอีกนานแสนนาน
กว่าคู่แต่งงานใหม่จะออกจากห้องหอก็เป็นเวลาสายกว่าปกติ สองสามีภรรยารับประทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่จะเตรียมออกเดินทางสู่ซิดนีย์ โดยมีเอลานอร์ติดตามไปรับใช้บนเรือด้วย ส่วนงานในสถานี ชายหนุ่มสั่งงานไว้กับโมราน หัวหน้าคนงานและผู้มีพระคุณที่เขาไว้ใจจนกล้าที่จะทิ้งงานทั้งหมดไว้ให้ชายสูงวัยดูแลแทน
นายเรือหนุ่มเลือกใช้เรือ ‘นาทาย่าห์’ เรือลำใหม่ที่เพิ่งจะออกล่าวาฬได้เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเพิ่งกลับเข้าฝั่งก่อนงานแต่งงานไม่นาน ชายหนุ่มเลือกใช้เรือลำนี้เพราะเป็นเรือที่เพิ่งต่อมาใหม่ มีขนาดใหญ่กว่าเรือแคมพ์เบลล์ รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า อีกทั้งห้องเคบินก็กว้างกว่าเรือลำเดิมมากนัก เหมาะที่จะใช้เดินทางกับภรรยา มากกว่าห้องอันคับแคบของเรือลำเก่า ซึ่งเหมาะที่จะพักอยู่คนเดียวอย่างเช่นเวลาที่เขาออกล่าวาฬ
คนงานในสถานีช่วยกันขนสัมภาระและเสบียงจำนวนมากขึ้นไปบนเรือ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่แม้จะไม่ยาวนานเท่าการออกล่าวาฬ หากแต่กว่าจะเดินทางไปและกลับ รวมทั้งเวลาที่จะอยู่ที่ซิดนีย์ ก็ต้องเตรียมเสบียงให้เพียงพอสำหรับการเดินทางเป็นเดือน ๆ ทีเดียว
เมื่อเรือพร้อมออกเดินทาง นายเรือหนุ่มก็สั่งให้ลูกเรือขึ้นใบเรือ ในขณะที่เข้าประจำที่หลังพังงาในห้องบังคับเรือ โดยไม่ลืมเกี่ยวเอวบางของคนเป็นภรรยาเข้าไปด้วย
“มาช่วยผมบังคับเรือนะ” เขาว่าอย่างนั้น คนฟังถึงกับอดยิ้มไม่ได้ อย่าว่าแต่ช่วยเขาบังคับเรือเลย แม้แต่เรือเธอก็เพิ่งจะเคยขึ้นเพียงครั้งเดียวในตอนที่ติดตามเขาไปเมลเบิร์นเมื่อปีที่แล้ว แล้วจะไปช่วยอะไรเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดี
ณัฐญาณ์ยืนมองผู้เป็นสามีบังคับเรือออกจากท่าด้วยความสนใจ มองเห็นเขาจับพังงาบังคับทิศทางของเรืออย่างตั้งอกตั้งใจ จึงยืนมองเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงรบกวน หากสายตาส่งประกายชื่นชมเปิดเผย สามีของเธอคือกัปตันเรือลำมหึมาที่ทุกชีวิตบนเรือลำนี้อยู่ในมือเขา เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน หญิงสาวอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ เมื่อมองเห็นเขาทำหน้าที่ผู้บังคับการเรือต่อหน้าเธอ กัปตันเรือที่เธอเคยอ่านเรื่องราวของเขาด้วยความชื่นชม ทั้งชื่นชมความสามารถในฐานะนายเรือและนักธุรกิจ และชื่นชมในความรักที่เขามีต่อภรรยาจนรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น...
นาทาย่าห์... ภรรยาที่กัปตันหนุ่มรักจนเป็นที่เลื่องลือ ใครจะไปคิดเล่าว่าผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นจะเป็นเธอเอง โชคชะตา... บางครั้งก็เล่นตลกอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยจริง ๆ
“มองอะไรครับ” เสียงถามของชายหนุ่มเรียกณัฐญาณ์ให้หลุดจากภวังค์ เห็นเขามองมาด้วยสีหน้าเก้อเขิน เขาคงจะเห็นสายตาชื่นชมหลงใหลของเธอกระมัง ถึงได้ทำหน้าเขิน ๆ แบบนั้น
“มองคุณค่ะ กัปตัน” คนถูกถามตอบยิ้ม ๆ แววตาฉายประกายใหลหลงไม่เปลี่ยนแปลง วิลเลียมเลิกคิ้วน้อย ๆ แปลกใจในสรรพนามที่ผู้เป็นภรรยาเรียกเขา เพราะนับตั้งแต่วันที่ได้พบกันครั้งแรก เธอก็ไม่เคยเรียกเขาว่า ‘กัปตัน’ อีกเลย
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหา วาดแขนโอบเอวบางพลางรั้งเข้ามาแนบชิด กล่าวเสียงนุ่ม
“ไม่ได้ยินคุณเรียกผมว่ากัปตันนานแล้ว”
“ค่ะ... พอเห็นคุณบังคับเรือ มันทำให้ฉันจำได้ว่าฉันแต่งงานกับกัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ กัปตันเรือล่าวาฬในหนังสือประวัติที่ฉันเคยอ่าน”
“กัปตันวิลเลียม สามีของคุณ... นาทาย่าห์” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ โน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้างามของภรรยา ในขณะที่หญิงสาวปัดป้องเป็นพัลวันพลางกระซิบเสียงเบา
“อย่าค่ะวิล เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า คนออกเต็มเรือ” ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากชายหนุ่มได้ ตอนนี้คนที่เคยเหน็บว่าเขาเคร่งธรรมเนียมกลับกลายเป็นคนเคร่งเสียเอง ชายหนุ่มจึงเพียงก้มลงจูบหนัก ๆ บนหน้าผากของหญิงสาว พลางกล่าวเสียงเป็นงานเป็นการ หากนัยน์ตาพราวระยับ
“ผม กัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ ขอสั่งให้คุณนาทาย่าห์ ผู้โดยสารเรือของผม เข้าไปในเคบินกับผมเดี๋ยวนี้” ก่อนจะก้มลงกระซิบด้วยน้ำเสียงซุกซน
“ถ้าไม่อยากให้ใครเห็น”
ณัฐญาณ์ถึงกับหัวเราะกิ๊ก แต่ก็ไม่โอนอ่อนตามเขา คนออกเต็มเรือ เธอกับเขาจะไปขลุกอยู่แต่ในเคบินได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะไม่อายแต่เธอก็อายนะ
“ไม่ล่ะค่ะ ออกไปที่ดาดฟ้ากันดีกว่า ฉันอยากชมวิว”
“วิวไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย มีแต่น้ำกับฟ้า”
“แล้วเคบินมีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นหรือคะ”
“มีสิ” ตอบยิ้ม ๆ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ก่อนที่จะลดเสียงลงกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ณัฐญาณ์ถึงกับร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“แค่มีผมกับคุณ เคบินที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็กลายเป็นสวรรค์ลอยน้ำแล้ว”
สุดปลายฝัน บทที่ ๒๓
บทนำ http://pantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://pantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://pantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://pantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://pantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://pantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://pantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://pantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://pantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://pantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗ http://pantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘ http://pantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙ http://pantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐ http://pantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑ http://pantip.com/topic/31710814
บทที่ ๒๒ http://pantip.com/topic/31775678
อากาศยามเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิในห้องหอของคู่แต่งงานใหม่หนาวเหน็บ ด้วยไฟในเตาผิงที่ให้ความอบอุ่นมาตลอดทั้งคืนราลง เหลือเพียงก้อนถ่านแดง ๆ อยู่ไม่กี่ก้อน โดยปกติหญิงรับใช้จะเข้ามาเติมฟืนเมื่อคนในห้องลุกออกจากที่นอนแล้ว หากแต่เช้านี้ สองคนบนเตียงนอนใหญ่ ยังคงหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของกันและกันอย่างไม่ได้รับรู้สภาพอากาศอันหนาวเย็นที่อยู่รายรอบเลย
ณัฐญาณ์ขยับตัวซุกเข้าหาความอบอุ่นที่อยู่แนบชิด จนทำให้อีกคนที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น มือใหญ่ขยับลูบไล้ผิวเนียนเปลือยเปล่าที่โอบกอดมาตลอดทั้งคืนโดยอัตโนมัติ ได้ยินเสียงคนในอ้อมแขนครางงึมงำอย่างพอใจราวกับลูกแมวตัวน้อย เรียกร้อยยิ้มเอ็นดูจากคนตื่นก่อนได้ในทันที
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าจุมพิตหน้าผากของคนที่ซุกตัวอยู่กับอกของตนเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปตามขมับ ข้างแก้ม ระเรื่อยลงไปจนถึงปลายคาง หยุดจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปาก แล้วต้องลอบยิ้มเมื่อรู้สึกว่าคนที่กำลังหลับตัวเกร็งในอ้อมแขนของเขา จึงขยับจุมพิตระเรื่อยกลับขึ้นไปตามข้างแก้ม และหยุดลงที่ใบหู ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนายแคมพ์เบลล์”
คนในอ้อมแขนขยับตัว พึมพำตอบเบา ๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น มือใหญ่จึงคว้าเอวของหญิงสาวไว้ ร่างใหญ่เปลือยเปล่าพลิกตัวจังหวะเดียว คนที่กำลังจะลุกก็นอนอยู่ใต้ร่างใหญ่ของเขาอย่างขยับไปไหนไม่ได้
“จะรีบลุกไปไหนครับ นาทาย่าห์” ชายหนุ่มถาม ขณะเดียวกันก็วุ่นวายกันการก้มลงซุกไซ้จุมพิตไปตามลำคอและลาดไหล่ของคนในอ้อมแขน โดยไม่ได้ใส่ใจรอฟังคำตอบ
ณัฐญาณ์พยายามดันร่างของสามีออกหากแต่ก็เหมือนกับดันกำแพงหิน เพราะเขาดูไม่สะท้านสะเทือนกับแรงผลักของเธอเลย
“เช้าแล้วค่ะ เอลานอร์คงเตรียมน้ำรอแล้วกระมัง”
“ผมบอกเอลานอร์ไว้ว่าถ้าจะใช้น้ำเมื่อไรจะเรียก” ชายหนุ่มงึมงำตอบโดยไม่โงยหน้าขึ้นมาจากภารกิจที่กำลังทำอยู่
“ไฟในเตาผิงก็ดับแล้ว” คนที่พยายามหาข้ออ้างจะลุกออกจากเตียงยังไม่ยอมแพ้ หากแต่อีกคนก็ดูเหมือนจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วเช่นกัน
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาว มองเห็นใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ เมื่อปรายสายตามองลำตัวท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขาที่แนบชิดอยู่กับร่างที่ปราศจากอาภรณ์ใด ๆ ห่อหุ้มของเธอ
“แสดงว่าผมยังทำให้คุณอุ่นไม่พอ” ทอดเสียงราวกับตัดพ้อ หากใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างมีความหมาย
“คงต้องตั้งใจมากกว่านี้” กล่าวแล้วก็ก้มลงละเลียดจุมพิตไปทั่วผิวเนียนเปลือยเปล่าด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนมือใหญ่ทั้งสองก็ทำงานประสานกับริมฝีปากอุ่นอย่างไม่ยอมน้อยหน้า
ไม่นานเลย หญิงสาวที่ถูกปรนเปรอด้วยสัมผัสจัดเจนก็รู้สึกร้อนเร่าไปทั้งกาย เป็นความร้อนที่ทำให้สั่นระริกไปทุกอณูที่ถูกสัมผัสด้วยจุมพิตและฝ่ามือใหญ่ พร้อม ๆ กับความรู้สึกกระหายอยากต่อสัมผัสของเขา ที่ยิ่งเขาปรนเปรอให้เธอมากเท่าใด หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกต้องการมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อชายหนุ่มขยับกายแกร่งแนบชิด ณัฐญาณ์ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสเร่าร้อนอ่อนหวานนั้น ซึบซับเอาความอิ่มเอมจากสัมผัสลึกซึ้งระหว่างชายหญิงที่ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเพิ่งจะสอนให้เธอรู้จักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจ ถึงได้ตั้งอกตั้งใจนำพาเธอให้รู้จักความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติอันหวานหอมของมันแล้ว ก็ติดอกติดใจเสียจนตามติดเขาไปทุกที่อย่างไม่ลังเลเลย
สัมผัสที่เริ่มต้นอย่างอบอุ่นอ่อนหวาน เริ่มเร่งเร้าร้อนแรง ทุกสัมผัสลึกซึ้งส่งให้ณัฐญาณ์ลอยละลิ่ว พร้อมแล้วที่จะคว้าเส้นขอบฟ้าที่รู้สึกว่าอยู่ไม่ไกล จนเมื่อจังหวะเร่าร้อนนั้นเร่งเร้าถึงขีดสุด หญิงสาวก็ทะยานเข้าสู่ดินแดนแห่งดวงดาวพราวพร่างพร้อม ๆ กับคนนำทาง เป็นชั่วเวลาสั้น ๆ ที่หลงลืมทุกสิ่งรอบกาย รับรู้เพียงความรู้สึกสุขสมอิ่มเอมที่ผู้เป็นสามีปรนเปรอให้ ก่อนที่จะค่อย ๆ ตกลงมาช้า ๆ สู่อ้อมกอดอุ่นที่ยังให้ความรู้สึกอ่อนหวานซาบซ่านไปอีกนานแสนนาน
กว่าคู่แต่งงานใหม่จะออกจากห้องหอก็เป็นเวลาสายกว่าปกติ สองสามีภรรยารับประทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่จะเตรียมออกเดินทางสู่ซิดนีย์ โดยมีเอลานอร์ติดตามไปรับใช้บนเรือด้วย ส่วนงานในสถานี ชายหนุ่มสั่งงานไว้กับโมราน หัวหน้าคนงานและผู้มีพระคุณที่เขาไว้ใจจนกล้าที่จะทิ้งงานทั้งหมดไว้ให้ชายสูงวัยดูแลแทน
นายเรือหนุ่มเลือกใช้เรือ ‘นาทาย่าห์’ เรือลำใหม่ที่เพิ่งจะออกล่าวาฬได้เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเพิ่งกลับเข้าฝั่งก่อนงานแต่งงานไม่นาน ชายหนุ่มเลือกใช้เรือลำนี้เพราะเป็นเรือที่เพิ่งต่อมาใหม่ มีขนาดใหญ่กว่าเรือแคมพ์เบลล์ รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า อีกทั้งห้องเคบินก็กว้างกว่าเรือลำเดิมมากนัก เหมาะที่จะใช้เดินทางกับภรรยา มากกว่าห้องอันคับแคบของเรือลำเก่า ซึ่งเหมาะที่จะพักอยู่คนเดียวอย่างเช่นเวลาที่เขาออกล่าวาฬ
คนงานในสถานีช่วยกันขนสัมภาระและเสบียงจำนวนมากขึ้นไปบนเรือ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่แม้จะไม่ยาวนานเท่าการออกล่าวาฬ หากแต่กว่าจะเดินทางไปและกลับ รวมทั้งเวลาที่จะอยู่ที่ซิดนีย์ ก็ต้องเตรียมเสบียงให้เพียงพอสำหรับการเดินทางเป็นเดือน ๆ ทีเดียว
เมื่อเรือพร้อมออกเดินทาง นายเรือหนุ่มก็สั่งให้ลูกเรือขึ้นใบเรือ ในขณะที่เข้าประจำที่หลังพังงาในห้องบังคับเรือ โดยไม่ลืมเกี่ยวเอวบางของคนเป็นภรรยาเข้าไปด้วย
“มาช่วยผมบังคับเรือนะ” เขาว่าอย่างนั้น คนฟังถึงกับอดยิ้มไม่ได้ อย่าว่าแต่ช่วยเขาบังคับเรือเลย แม้แต่เรือเธอก็เพิ่งจะเคยขึ้นเพียงครั้งเดียวในตอนที่ติดตามเขาไปเมลเบิร์นเมื่อปีที่แล้ว แล้วจะไปช่วยอะไรเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดี
ณัฐญาณ์ยืนมองผู้เป็นสามีบังคับเรือออกจากท่าด้วยความสนใจ มองเห็นเขาจับพังงาบังคับทิศทางของเรืออย่างตั้งอกตั้งใจ จึงยืนมองเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงรบกวน หากสายตาส่งประกายชื่นชมเปิดเผย สามีของเธอคือกัปตันเรือลำมหึมาที่ทุกชีวิตบนเรือลำนี้อยู่ในมือเขา เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน หญิงสาวอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ เมื่อมองเห็นเขาทำหน้าที่ผู้บังคับการเรือต่อหน้าเธอ กัปตันเรือที่เธอเคยอ่านเรื่องราวของเขาด้วยความชื่นชม ทั้งชื่นชมความสามารถในฐานะนายเรือและนักธุรกิจ และชื่นชมในความรักที่เขามีต่อภรรยาจนรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น...
นาทาย่าห์... ภรรยาที่กัปตันหนุ่มรักจนเป็นที่เลื่องลือ ใครจะไปคิดเล่าว่าผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นจะเป็นเธอเอง โชคชะตา... บางครั้งก็เล่นตลกอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยจริง ๆ
“มองอะไรครับ” เสียงถามของชายหนุ่มเรียกณัฐญาณ์ให้หลุดจากภวังค์ เห็นเขามองมาด้วยสีหน้าเก้อเขิน เขาคงจะเห็นสายตาชื่นชมหลงใหลของเธอกระมัง ถึงได้ทำหน้าเขิน ๆ แบบนั้น
“มองคุณค่ะ กัปตัน” คนถูกถามตอบยิ้ม ๆ แววตาฉายประกายใหลหลงไม่เปลี่ยนแปลง วิลเลียมเลิกคิ้วน้อย ๆ แปลกใจในสรรพนามที่ผู้เป็นภรรยาเรียกเขา เพราะนับตั้งแต่วันที่ได้พบกันครั้งแรก เธอก็ไม่เคยเรียกเขาว่า ‘กัปตัน’ อีกเลย
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหา วาดแขนโอบเอวบางพลางรั้งเข้ามาแนบชิด กล่าวเสียงนุ่ม
“ไม่ได้ยินคุณเรียกผมว่ากัปตันนานแล้ว”
“ค่ะ... พอเห็นคุณบังคับเรือ มันทำให้ฉันจำได้ว่าฉันแต่งงานกับกัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ กัปตันเรือล่าวาฬในหนังสือประวัติที่ฉันเคยอ่าน”
“กัปตันวิลเลียม สามีของคุณ... นาทาย่าห์” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ โน้มใบหน้าเข้าหาใบหน้างามของภรรยา ในขณะที่หญิงสาวปัดป้องเป็นพัลวันพลางกระซิบเสียงเบา
“อย่าค่ะวิล เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า คนออกเต็มเรือ” ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากชายหนุ่มได้ ตอนนี้คนที่เคยเหน็บว่าเขาเคร่งธรรมเนียมกลับกลายเป็นคนเคร่งเสียเอง ชายหนุ่มจึงเพียงก้มลงจูบหนัก ๆ บนหน้าผากของหญิงสาว พลางกล่าวเสียงเป็นงานเป็นการ หากนัยน์ตาพราวระยับ
“ผม กัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ ขอสั่งให้คุณนาทาย่าห์ ผู้โดยสารเรือของผม เข้าไปในเคบินกับผมเดี๋ยวนี้” ก่อนจะก้มลงกระซิบด้วยน้ำเสียงซุกซน
“ถ้าไม่อยากให้ใครเห็น”
ณัฐญาณ์ถึงกับหัวเราะกิ๊ก แต่ก็ไม่โอนอ่อนตามเขา คนออกเต็มเรือ เธอกับเขาจะไปขลุกอยู่แต่ในเคบินได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะไม่อายแต่เธอก็อายนะ
“ไม่ล่ะค่ะ ออกไปที่ดาดฟ้ากันดีกว่า ฉันอยากชมวิว”
“วิวไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย มีแต่น้ำกับฟ้า”
“แล้วเคบินมีอะไรน่าสนใจอย่างนั้นหรือคะ”
“มีสิ” ตอบยิ้ม ๆ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ก่อนที่จะลดเสียงลงกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ณัฐญาณ์ถึงกับร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“แค่มีผมกับคุณ เคบินที่ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็กลายเป็นสวรรค์ลอยน้ำแล้ว”