[SR] อาหารไทยแท้ ๆ พร้อมวัตถุดิบหายาก ในบรรยากาศร้าน Rustic ๆ Chic ๆ ตัดกับอาหาร ณ The Never Ending Summer - คลองสาน



ใครจะไปคิดใช่มั้ยครับว่าชื่อร้านอาหารเก๋ ๆ นามว่า The Never Ending Summer นั้นจะเป็นชื่อร้านอาหารน้องใหม่ ณ ท่าเรือคลองสาน ย่านฝั่งธน ที่ขายอาหารไทยแท้ ๆ แบบไร้การ fusion อะไรโดยสิ้นเชิงเลย ผมเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยที่ได้ยินชื่อนี้ก็คงต้องคิดเหมือนกันว่าร้านนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านคาเฟ่ในกรุงเทพฯ เราที่เปิดกันแบบค่อนข้างจะเกร่อเหลือเกิน ที่มาของชื่อร้านนี้นั้นเกิดจากการที่เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อนมีฤดูอยู่ฤดูเดียวคือฤดูร้อน อาจจะร้อนมาก ร้อนน้อย ฝนตกมากหน่อย แต่สุดท้ายแล้วอากาศบ้านเรามันก็เป็นอากาศแบบ tropical เป็นหลัก (savanna climate ด้วยบางส่วน - ภาคอีสานบางท้องที่) ซึ่งเมื่อเขียนวลีซักวลีนึงที่จะบ่งบอกความเป็นไทยก็คือเมืองที่ฤดูร้อนไม่มีวันหมด - อกาลิโกเหมันตฤดู นั่นเอง



ร้าน The Never Ending Summer แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ท่าเรือคลองสาน สำหรับคนที่บ้านอยู่รามคำแหงแบบผมแล้วการเดินทางมายังร้านนี้บอกตรง ๆ ว่า "งงเป็นไก่ตาแตก" ไม่รู้เลยว่าจะมายังไง แต่สำหรับคนที่มาด้วยกันกับผมและมีบ้านอยู่ฝั่งธนนั้นกลับบอกว่าร้านนี้หาง่ายมากจะขับรถมาก็มีที่จอดสะดวกสบาย หรือว่าจะนั่งเรือมาก็ลงท่าเรือคลองสานแล้วก็เดินมาอีกเล็กน้อยก็จะเจอร้านแล้ว ก็คงต้องเชื่อคนบ้านอยู่ฝั่งธนเค้าล่ะครับว่าร้านนี้เดินทางมาง่ายจริง ๆ




ร้านนี้ได้ทำการดัดแปลงโรงน้ำแข็งเก่า ๆ ริมท่าเรือให้กลายมาเป็นร้านอาหารสุด chic แบบเปิดโล่ง เพดานสูง ออกแนวดิบ ๆ retro ๆ ไม่ค่อยมีความเป็นร้านอาหารไทยเลยสักนิดเดียว (บอกตรง ๆ ว่าผมเดินเข้าไปในร้านผมยังเดาไม่ถูกเลยว่าร้านนี้เค้าขายอาหารไทย ฮ่า ๆ รู้เอาตอนที่ดูเมนูนุ่นเลย) จุดเด่นของร้านนี้ก็คงเป็น open kitchen ขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยจะมีร้านอาหารไหนทำกัน ทำอย่างมากก็ open กันเล็กน้อยแต่ของที่นี่นี่คือเปิดโล่ง เห็นกันเต็ม ๆ เลย (ซึ่งผมว่าดีนะทำให้ครัวสะอาดด้วย, เห็นพ่อครัว/เชฟ ทำงานกันอย่างเพลิน ๆ ด้วยระหว่างที่รออาหาร) ผมเชื่อว่าใครที่มาร้านนี้น่าจะชอบบรรยากาศ/การตกแต่งของร้านนี้กันหมด เพราะผมกับคนที่ไปด้วยนี่ก็แบบนั่งมอง นั่งซึมซับบรรยากาศกันเพลินมากเลยล่ะครับ




ร้าน The Never Ending Summer แห่งนี้เพิ่งเปิดทำการมาได้ประมาณเดือนเดียว (เขียนเมื่อกลางเดือนกุมภาษพันธ์ 2557) อะไรต่าง ๆ ของร้านก็เลยยังไม่ลงตัวนัก เช่น บัตรเครดิตก็ยังไม่รับ, ที่นั่งส่วน terrace ริมน้ำก็ยังไม่เสร็จดี, ระบบการจัดการออเดอร์อาหารก็ดูยังไม่ค่อยลงตัว แต่ถ้าถามว่าโอเคมั้ยสำหรับร้านที่เปิดมา 1 เดือน? ก็ตอบได้ง่าย ๆ เลยว่าโอเคมากเลยล่ะครับ




อาหารของร้านนี้ก็ตามที่เกริ่น ๆ ไปตอนแรกว่าจะเป็นอาหารไทยแบบแท้ ๆ ไทยโบราณ ไร้ซึ่งการ fusion เลยสักนิดเดียว อาหารบางอย่าง, วัตถุดิบบางชนิด บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย อาหารของร้านนี้ ณ วันที่ผมไปก็จะมีให้เลือกยังไม่ค่อยเยอะนัก อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพอร้านเปิดไปเรื่อย ๆ แล้วจะมีอาหารเพิ่มขึ้นอีกรึเปล่า และนอกเหนือจากเมนูอาหารปกติแล้วที่ร้านนี้เค้าก็จะมีอาหารพิเศษประจำวันไว้คอยบริการด้วยเช่นกัน ราคาอาหารของร้านนี้ก็สามารถมองได้ 2 มุมมองล่ะครับ ถ้าคิดว่าเป็นอาหารไทยราคาก็อาจจะดูแพงไปนิดนึงเพราะเฉลี่ยอยู่ที 250 - 350 บาทต่อจานโดยประมาณ แต่ถ้ามองว่าร้านนี้เค้าก็เป็นร้านเก๋ไก่ บรรยากาศดี บริการดี คล้าย ๆ กับร้านอาหารฝรั่งทั่ว ๆ ไปที่มักตั้งราคาอาหารกันประมาณนี้ ราคาของร้านนี้ก็หาได้แพงแต่อย่างใดเลยล่ะครับ (แต่บอกตรง ๆ ว่ามันยากจริง ๆ ที่จะลบความรู้สึกเรื่องอาหารไทยราคาสูงออกไปจากหัวคนไทยได้ ผมเองก็คนนึงล่ะ)



มื้อนี้ก็มีอาหารทั้งหมด 4 อย่างครับมาไล่เรียงกันไปเลยดีกว่า



น้ำพริกลงเรือ-หมูวานไข่เค็ม 280 บาท: จัดจานมาได้อย่างเรียบง่ายตามสไตล์น้ำพริก แต่ก็มีความสวยงามแบบไทย ๆ แฝงอยู่ ผักที่ให้มาในจานนี้ก็เป็นผักที่พบเจอได้ในจานน้ำพริกทั่ว ๆ ไป มะเขือเปราะ, ถั่วฝักยาว, แตงกวา, ใบบัวบก, ถั่วพู แต่มีผักอยู่อย่างนึงซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน - ดอกผักปลัง ที่หน้าตาดูน่ากินมากเพราะเป็นเหมือนกับดอกของต้นไม้ ส่วนตัวน้ำพริกก็ใส่ครกใบเล็กน่ารักมา ตัวหมูหวานที่ให้มาก็เข้าคู่กันดีกับผักและน้ำพริกดี จานนี้โดยรวมโอเคเลยครับเป็น appetizer แบบไทย ๆ ที่ลงตัวมากติดอยู่เล็กน้อยก็ตรงที่ผักผมว่าน่าจะฉ่ำกว่านี้สดกว่านี้ได้, ตัวน้ำพริกก็น่าจะให้มาเยอะกว่านี้อีกหน่อย คือแบบน้ำพริกหมดตั้งแต่ตอนที่ผักเพิ่งหมดไปครึ่งจานเองครับ (ไม่รู้ขอเพิ่มได้รึเปล่า) หรือเพราะอร่อยจนผมเลยทานเยอะเกินไปก็ไม่ทราบ ฮ่า ๆ



ต้มยำปลาทู 320 บาท: จานนี้เสิร์ฟมาอย่างเก๋ไก๋ด้วยจานแก้วแบบสี่เหลี่ยมแบน ๆ ทำให้น้ำซุปนั้นท่วมตัวปลาอยู่แทบจะตลอดเวลา (ถ้าไม่ได้ซดน้ำซุปจนพร่องไปซะเยอะก่อนนะครับ) น้ำซุปรสชาติเป็นต้มยำแบบกลมกล่อมดี เปรี้ยว เค็ม เผ็ด มากันแบบลงตัว ไม่เหมือนกับต้มยำของร้านส่วนใหญ่ที่ช่วงหลัง ๆ ผมกินมานี่เจอแต่แบบเปรี้ยวจี๊ดอยู่ร่ำไป ปลาทูตัวใหญ่และสดดีครับ รวม ๆ แล้วจานนี้รสชาติดีมากครับ



ไข่เจียวดอกโสน 110 บาท: เป็นไข่เจียวที่ทอดมาแบบกรอบ ๆ ไม่ได้ใส่พวกเนื้อสัตว์สับมาเหมือนกับร้านอื่น ๆ แต่จะเน้นให้กินความกรอบ ความฟูของตัวไข่เจียวเป็นหลัก ส่วนดอกโสนก็เป็นอะไรที่ช่วยให้จานนี้หน้าตาสวยงามกว่าไข่เจียวปกติ และช่วยเพิ่มผิวสัมผัสแบบนุ่ม ๆ เล็กน้อยเข้าไปกับความกรอบของไข่เจียวได้อย่างลงตัวดี



แกงส้มดอกแคกุ้งสด 250 บาท: แกงส้มแบบใส่ดอกแคมาเยอะแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าผมไม่เคยกินมาก่อนเลยล่ะครับ ตัวน้ำแกงส้มรสชาติดี เข้มข้น ๆ มาแบบเกือบจะข้นคลั่ก ๆ เลย ซึ่งน่าจะเป็นน้ำแกงส้มแบบแท้ ๆ แบบที่ควรจะเป็นกัน (แต่ช่วงหลังนี่ผมเจอแบบใส ๆ ลื่น ๆ ซะเยอะ) น้ำแบบนี้กินกับข้าวสวยอร่อยดีมากครับชอบ ส่วนดอกแคนี่ก็ดูจะเข้ากับน้ำแกงส้มดีเพราะมีพื้นที่ว่างข้างในด้วย และก็ดอกค่อนข้างใหญ่ด้วยแต่ละคำที่กินเข้าไปก็เลยดูดซับน้ำแกงไปเป็นอย่างดี กุ้งขาวที่ทางร้านให้มาในถ้วยด้วยก็ไม่ได้มีอะไรเด่นมากล่ะครับ ดอกแคกับน้ำแกงเด่นกว่า



สรุป ร้าน "ฤดูร้อนที่ไม่มีวันจบสิ้น - The Never Ending Summer" แห่งนี้ก็เป็นร้านอาหารไทยแท้ ๆ ที่ทำหลายอย่างมาได้เหนือการคาดหวังของผมอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะบรรยากาศร้านอันแสนจะ ดิบและไฉไล เหลือเกิน, อาหารของร้านที่ไทยแท้ ๆ และมีวัตถุดิบแปลก ๆ exotic ๆ หลายอย่าง ใครที่อยากจะลองอาหารไทยแท้-ไทยโบราณ ในบรรยากาศร้าน chic ๆ contrast กับอาหาร ก็มาลองกันดูได้ครับร้านนี้

ข้อมูลร้านเพิ่มเติม: http://www.bumres.com/th/restaurant/The-Never-Ending-Summer/31117
ชื่อสินค้า:   The Never Ending Summer
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่