จำได้ว่า อาทิตย์ก่อน ถามคำถามนี้ในเพจตัวเอง เพราะอยากรู้ฟอร์ม และไม่ได้ดูสด
ได้รับคำตอบว่า
"เพราะยิงเยอะกว่า"
"เพราะบาซ่าแพ้"
ซึ่งเป็นคำตอบที่มีประโยชน์มาก อยากจะขอบคุณจริงๆจ้า...
แล้วก็ลืมไป ไม่ได้อยากรู้อะไรอีก จนกระทั่งมาคืนนี้ ไม่มีบอลเตะ เลยเปิดดู Whoscored เล่นๆเผื่อมีอะไรน่าอ่าน แล้วก็เจอบทความเกี่ยวกับ อาแจ็กซ์เข้าพอดี พออ่านจบเลยอยากเขียนถึงอาแจ็กซ์ขึ้นมาทันที
เขียนเพลินๆ เรื่อยเปื่อย ... ยาวอีกแล้วค่ะ
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของบาเซโลน่าและอาแจ็กซ์
ไม่ค่อยได้มีโอกาสดูอาแจ๊กซ์เล่นในเกมลีกส์นัก แต่เมื่อได้มาเตะในรายการ UCL ก็พยายามจะดูฟอร์มหนูๆน้องๆในทีม ว่ากระดื้บกันไปถึงไหนแล้ว ด้วยระดับทีมที่สามารถมาเล่นในแชมเปียนลีกส์ได้ แน่นอนว่า ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และ ประวัติและเกียรติศัพท์อันยาวนาน ของยอดทีมจากฮอลแลนด์ทีมนี้ คงไม่ต้องท้าวความอะไรมากนัก เพราะนี่คือต้นกำเนิดของ กลยุทธ์ฟุตบอลที่แพร่หลายและถูกดัดแปลงกับฟุตบอลสมัยใหม่มากที่สุดในโลก ต้นกำเนิดของ Total Football
คือ ชื่นชอบ อาแจ็กซ์ อคาเดมี่อยู่พอควร พยายามจะตามข่าว แม้ไม่ได้มีโอกาสดู แต่ก็ตามเชคสกอร์เรื่อยๆ ซึ่งอาแจ๊กซ์เป็นอีกทีมที่ โหดในลีกตัวเอง แต่เมื่อมาเทียบกับบอลในระดับยุโรปแล้ว ยังดุดันสู้แผนการเล่นบ้าพลังแบบ บอลสเปน ไม่ได้ ยังไม่ต้องเทียบไปถึงบอลดุๆแบบเยอรมัน
สมัยก่อนนั้น กลยุทธ์ฟุตบอลมีอยู่ไม่กี่แบบ ไม่ว่าจะเป็น Total Football ของฮอลแลนด์ หรือ Catenaccio ของอิตาลี แม้แต่จุดเริ่มต้นของ Pressing Football ในเอซีมิลาน
ในยุคแรกๆที่ระบบเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้น หลายทีมที่ต้องประสบพบเจอกับทีมที่คิดค้นกลยุทธ์ฟุตบอลเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่แพ้ไม่เป็นท่า จนกระทั่งเวลาผ่านไป แต่ละทีมเริ่มจับทาง กลยุทธ์เหนียวแน่นหนึบของ คาเตนัคโช่ได้ เริ่มรู้วิธีหนีตัวประกบในเพรสซิ่งฟุตบอลได้ ใช้พิษต้านพิษจากโททัลฟุตบอลด้วยการดัดแปลงโททัลฟุตบอลในแบบของตัวเอง
ระบบเหล่านี้ก็เริ่ม ถูกดัดแปลง และเริ่มถูกกลืนหา่ยไปกับฟุตบอลยุคใหม่ แทบจะไม่มีทีมไหนที่ ยังคงใช้ระบบเหล่านี้ในแบบดั้งเดิมอีกแล้ว นำไปสู่ยุคของ โมเดิร์น ฟุตบอล
โมเดิร์น ฟุตบอลนี้เอง มีจุดเริ่มต้นมาจากมาจากการผสาน Total Football รวมกับ กลยุทธ์การต่อบอลขั้นเทพของ สโมสรบาเซโลน่าในเวลานั้น ที่กำลังพยายามปลุกปั้นทีมของตัวเอง เริ่มจากการปั้นเด็กๆภายในลา มาเซีย จนกระัทั่งการมาถึงของ โยฮัน ครัฟฟ์ ในปี 1988
ในยุคเริ่มต้นของ Total Football ครัฟฟ์เป็นดั่งขุนศึและตัวหมากสำคัญในกลยุทธ์นี้ ภายใต้การควบคุมของ ไรนุส มิเชลล์ ผู้คิดค้นระบบ Total Football และนำมาใช้กับทีมอาแจ๊กซ์จนโด่งดังในระบบการเล่น 4-3-3 กระทั่งถูกนำไปใช้กับทีมชาติฮอลแลนด์ในเวลาต่อมา

ไรนุส กับ ครัฟ สมัยที่มาอยู่บาเซโลน่าด้วยกัน
เมื่อ Total Football รวมกับ กลยุทธ์ต่อบอลขั้นเทพของบาเซโลน่า จึงได้ให้กำเนิด กลยุทธ์ Tiki-Taka ในที่สุด การต่อบอลสั้น และ โยกสลับตำแหน่งรวมถึงการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ครัฟฟ์พกพาธรรมเนียมฟุตบอลมาจากอาแจ็กซ์ และได้มาสร้างสรรค์ฟุตบอลสมัยใหม่ที่บาเซโลน่า เขาคุมบาเซโลน่าอยู่ถึง 8 ฤดูกาล มีสุดยอดนักเตะมากมายที่ได้ผ่านกลยุทธ์และซึมซับวิถีฟุตบอลจากครัฟฟ์ไป หนึ่งในนั้นคือ เป็ป กวาดิโอลา ..

ครัฟฟ์ และ เป็ป สมัยที่ครัฟฟ์มาคุมบาเซโลน่า
เป็ป เป็นนักเตะของบาเซโลน่าในชุดปี 1990 แต่ถึงอย่างนั้น ตำแหน่งของเขาก็คือกองหลัง ครั้งแรกที่เป็ปได้ลงเล่นกับ บาเซโลน่าชุดใหญ่ ครัฟฟ์เป็นคนเลือกเขาออกมาจากทีมเบ ด้วยท่าทางไม่ไ่ด้ปลื้มอะไรนัก เป็ปถูกส่งลงไปเล่นเป็นในตำแหน่งกองกลาง หรือ Pivot ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาไม่คุ้นเคยเลยในเวลานั้น
ในยุค 90' เป็นยุคเริ่มต้นของแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
Pivot คือ ตำแหน่งของกองกลาง 2 ตัวที่อยู่หน้ากองหลัง 4 ตัว นั่นเอง ระบบนี้เริ่มต้นในฟุตบอลสเปน จนกระทั่งถึงยุค 2000 มันก็กระจายออกไป และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในตอนนั้นครัฟฟ์ใช้แผนการเล่นนี้กับบาเซโลน่า ซึ่งในสมัยนั้นแทบจะไม่ค่อยมีคนใช้แผนการเล่นนี้เลย จึงเป็นตำแหน่งที่ยากพอสมควรสำหรับเป็ป กวาดิโอล่า ในวัย 19 ปี
และตำแหน่งที่นี้เองที่ ครัฟฟ์ จับให้เป็ปเล่น จนกลายเป็นตำแหน่งประจำตัวของเขาไปในที่สุด (เป็ปได้ลงเล่นให้ทีมใหญ่แบบจริงจังตอนปี 1991 และเล่นในระบบที่ครัฟฟ์จับให้เขาเล่นเป็นครั้งแรก) แม้ครัฟฟ์จะออกจากบาเซโลน่าไปในปี 1996 ขณะที่เป็ปยังเป็นนักเตะต่อถึงปี 2001 แต่โค้ชคนต่อๆมาก็ยังคงระบบ Tiki-Taka ไว้อยู่เช่นเดิม
จนกระทั่งมาถึงในยุคที่เป็ปกลับมาเป็นผู้จัดการทีมของบาเซโลน่า เขาได้นำ Tiki-Taka มาศึกษาและปรับปรุงใช้อย่างจริงจัง ผสานรวมกับทักษะเฉพาะตัวของผู้เล่นจากอคาเดมี่ จนได้ให้กำเนิด บาเซโลน่า ชุดที่เกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
บาเซโลน่าในยุคเป็ป ได้รับฉายาว่า นักเตะต่างดาว เพราะพวกเขาเก่งเหลือเชื่อ เก่งเกินคน แทบจะถูกยกเป็นสุดยอดทีมของโลกในเวลานั้น และ ในปี 2013 เป็ป กวาดิโอลา ก็ย้ายจากบาเซโลน่า ไปยังสโมสรยักษ์ใหญ่ในเยอรมันอย่าง บาร์เยิร์น มิวนิค ในที่สุด
บาเซโลน่าที่ไร้เป็ป ยังคงจะเป็นยอดทีมของยอดคนอยู่อีกหรือไม่?
ปัจจัยที่ทำให้บาเซโลน่า กลายเป็นยอดทีมเกรียงไกรแห่งยุคส่วนหนึ่งมาจาก เด็กอคาเดมี่ที่ชื่อ ลีโอเนล เมซซี่

จากอดีตนักเตะ เป็ปกลายมาเป็นผู้จัดการทีมแห่งยุคในที่สุด
เมซซี่คือเครื่องหมายของคำว่า "พรสวรรค์และความมุ่งมั่น" กลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบาเซโลน่าในปัจจุบัน ที่อัดแน่นไปด้วยเด็กอคาเดมี่จาก ลามาเซียแทบทั้งสิ้น เป็นผลผลิตจากสโมสรเกือบ 100 เปอร์เซนต์
นั่นคือ คำตอบว่า บาเซโลน่า ไม่ใช่อยู่ดีๆมาเก่งเพราะเป็ป กวาดิโอล่า หรือ เพราะเมซซี่ แต่ความเก่งกาจของพวกเขาถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อคาเดมี่ ตั้งแต่การปลูกฝัง ตั้งแต่แผนการเล่นที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
แล้วทำไมอาแจ็กซ์ ถึง ชนะ บาเซโลน่าได้?
ในเกมรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนลีกส์ ปี 2013 อาแจ็กซ์เอาชนะบาเซโลน่าได้ที่สกอร์ 2-1 ในทีมชุดที่ไร้เมซซี่ และ ไร้เป็ป กวาดิโอล่า และ ด้วยผู้เล่น 10 คนของอาแจ็กซ์ (แม้ในเกมก่อนหน้าที่เจอกัน อาแจ็กซ์จะเจอบาซ่าถล่มยับมาก็ตาม)
บางทีมันก็อาจจะแค่ฟลุ๊ค หรือ มันก็แค่เกมเกมเดียว แทบจะวัดอะไรไม่ได้ แต่อันที่จริงแล้ว ทุกครั้งที่อาแจ็กซ์และบาเซโลน่ามีชื่อมาข้องเกี่ยวกัน มันมีนัยยะสำคัญเสมอ
พูดให้ดูโลกสวยสดใส อาแจ็กซ์กับบาเซโลน่า เหมือนดังทีมพี่ทีมน้อง แต่ถ้าว่ากันจริงๆแล้ว 2 ทีมนี้มีาสายสัมพันธ์แบบที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก การได้เอาชนะอีกฝั่ง คือ การยืนหยัดว่า ใครคือของจริง
การแพ้นัดนี้เป็นการแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ของบาเซโลน่า และยังแพ้ให้กับอาแจ็กซ์ ทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของบาเซโลน่าด้วย
ผลแพ้ชนะในเกมนี้ ย่อมสำคัญกว่าชัยชนะทั่วๆไป อย่างแน่นอน ...
ทำไม อาแจกซ์ ถึงชนะ บาเซโลน่า ได้?
ได้รับคำตอบว่า
"เพราะยิงเยอะกว่า"
"เพราะบาซ่าแพ้"
ซึ่งเป็นคำตอบที่มีประโยชน์มาก อยากจะขอบคุณจริงๆจ้า...
แล้วก็ลืมไป ไม่ได้อยากรู้อะไรอีก จนกระทั่งมาคืนนี้ ไม่มีบอลเตะ เลยเปิดดู Whoscored เล่นๆเผื่อมีอะไรน่าอ่าน แล้วก็เจอบทความเกี่ยวกับ อาแจ็กซ์เข้าพอดี พออ่านจบเลยอยากเขียนถึงอาแจ็กซ์ขึ้นมาทันที
เขียนเพลินๆ เรื่อยเปื่อย ... ยาวอีกแล้วค่ะ
ไม่ค่อยได้มีโอกาสดูอาแจ๊กซ์เล่นในเกมลีกส์นัก แต่เมื่อได้มาเตะในรายการ UCL ก็พยายามจะดูฟอร์มหนูๆน้องๆในทีม ว่ากระดื้บกันไปถึงไหนแล้ว ด้วยระดับทีมที่สามารถมาเล่นในแชมเปียนลีกส์ได้ แน่นอนว่า ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และ ประวัติและเกียรติศัพท์อันยาวนาน ของยอดทีมจากฮอลแลนด์ทีมนี้ คงไม่ต้องท้าวความอะไรมากนัก เพราะนี่คือต้นกำเนิดของ กลยุทธ์ฟุตบอลที่แพร่หลายและถูกดัดแปลงกับฟุตบอลสมัยใหม่มากที่สุดในโลก ต้นกำเนิดของ Total Football
คือ ชื่นชอบ อาแจ็กซ์ อคาเดมี่อยู่พอควร พยายามจะตามข่าว แม้ไม่ได้มีโอกาสดู แต่ก็ตามเชคสกอร์เรื่อยๆ ซึ่งอาแจ๊กซ์เป็นอีกทีมที่ โหดในลีกตัวเอง แต่เมื่อมาเทียบกับบอลในระดับยุโรปแล้ว ยังดุดันสู้แผนการเล่นบ้าพลังแบบ บอลสเปน ไม่ได้ ยังไม่ต้องเทียบไปถึงบอลดุๆแบบเยอรมัน
สมัยก่อนนั้น กลยุทธ์ฟุตบอลมีอยู่ไม่กี่แบบ ไม่ว่าจะเป็น Total Football ของฮอลแลนด์ หรือ Catenaccio ของอิตาลี แม้แต่จุดเริ่มต้นของ Pressing Football ในเอซีมิลาน
ในยุคแรกๆที่ระบบเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้น หลายทีมที่ต้องประสบพบเจอกับทีมที่คิดค้นกลยุทธ์ฟุตบอลเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่แพ้ไม่เป็นท่า จนกระทั่งเวลาผ่านไป แต่ละทีมเริ่มจับทาง กลยุทธ์เหนียวแน่นหนึบของ คาเตนัคโช่ได้ เริ่มรู้วิธีหนีตัวประกบในเพรสซิ่งฟุตบอลได้ ใช้พิษต้านพิษจากโททัลฟุตบอลด้วยการดัดแปลงโททัลฟุตบอลในแบบของตัวเอง
ระบบเหล่านี้ก็เริ่ม ถูกดัดแปลง และเริ่มถูกกลืนหา่ยไปกับฟุตบอลยุคใหม่ แทบจะไม่มีทีมไหนที่ ยังคงใช้ระบบเหล่านี้ในแบบดั้งเดิมอีกแล้ว นำไปสู่ยุคของ โมเดิร์น ฟุตบอล
โมเดิร์น ฟุตบอลนี้เอง มีจุดเริ่มต้นมาจากมาจากการผสาน Total Football รวมกับ กลยุทธ์การต่อบอลขั้นเทพของ สโมสรบาเซโลน่าในเวลานั้น ที่กำลังพยายามปลุกปั้นทีมของตัวเอง เริ่มจากการปั้นเด็กๆภายในลา มาเซีย จนกระัทั่งการมาถึงของ โยฮัน ครัฟฟ์ ในปี 1988
ในยุคเริ่มต้นของ Total Football ครัฟฟ์เป็นดั่งขุนศึและตัวหมากสำคัญในกลยุทธ์นี้ ภายใต้การควบคุมของ ไรนุส มิเชลล์ ผู้คิดค้นระบบ Total Football และนำมาใช้กับทีมอาแจ๊กซ์จนโด่งดังในระบบการเล่น 4-3-3 กระทั่งถูกนำไปใช้กับทีมชาติฮอลแลนด์ในเวลาต่อมา
ไรนุส กับ ครัฟ สมัยที่มาอยู่บาเซโลน่าด้วยกัน
เมื่อ Total Football รวมกับ กลยุทธ์ต่อบอลขั้นเทพของบาเซโลน่า จึงได้ให้กำเนิด กลยุทธ์ Tiki-Taka ในที่สุด การต่อบอลสั้น และ โยกสลับตำแหน่งรวมถึงการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ครัฟฟ์พกพาธรรมเนียมฟุตบอลมาจากอาแจ็กซ์ และได้มาสร้างสรรค์ฟุตบอลสมัยใหม่ที่บาเซโลน่า เขาคุมบาเซโลน่าอยู่ถึง 8 ฤดูกาล มีสุดยอดนักเตะมากมายที่ได้ผ่านกลยุทธ์และซึมซับวิถีฟุตบอลจากครัฟฟ์ไป หนึ่งในนั้นคือ เป็ป กวาดิโอลา ..
ครัฟฟ์ และ เป็ป สมัยที่ครัฟฟ์มาคุมบาเซโลน่า
เป็ป เป็นนักเตะของบาเซโลน่าในชุดปี 1990 แต่ถึงอย่างนั้น ตำแหน่งของเขาก็คือกองหลัง ครั้งแรกที่เป็ปได้ลงเล่นกับ บาเซโลน่าชุดใหญ่ ครัฟฟ์เป็นคนเลือกเขาออกมาจากทีมเบ ด้วยท่าทางไม่ไ่ด้ปลื้มอะไรนัก เป็ปถูกส่งลงไปเล่นเป็นในตำแหน่งกองกลาง หรือ Pivot ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาไม่คุ้นเคยเลยในเวลานั้น
ในยุค 90' เป็นยุคเริ่มต้นของแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
Pivot คือ ตำแหน่งของกองกลาง 2 ตัวที่อยู่หน้ากองหลัง 4 ตัว นั่นเอง ระบบนี้เริ่มต้นในฟุตบอลสเปน จนกระทั่งถึงยุค 2000 มันก็กระจายออกไป และได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในตอนนั้นครัฟฟ์ใช้แผนการเล่นนี้กับบาเซโลน่า ซึ่งในสมัยนั้นแทบจะไม่ค่อยมีคนใช้แผนการเล่นนี้เลย จึงเป็นตำแหน่งที่ยากพอสมควรสำหรับเป็ป กวาดิโอล่า ในวัย 19 ปี
และตำแหน่งที่นี้เองที่ ครัฟฟ์ จับให้เป็ปเล่น จนกลายเป็นตำแหน่งประจำตัวของเขาไปในที่สุด (เป็ปได้ลงเล่นให้ทีมใหญ่แบบจริงจังตอนปี 1991 และเล่นในระบบที่ครัฟฟ์จับให้เขาเล่นเป็นครั้งแรก) แม้ครัฟฟ์จะออกจากบาเซโลน่าไปในปี 1996 ขณะที่เป็ปยังเป็นนักเตะต่อถึงปี 2001 แต่โค้ชคนต่อๆมาก็ยังคงระบบ Tiki-Taka ไว้อยู่เช่นเดิม
จนกระทั่งมาถึงในยุคที่เป็ปกลับมาเป็นผู้จัดการทีมของบาเซโลน่า เขาได้นำ Tiki-Taka มาศึกษาและปรับปรุงใช้อย่างจริงจัง ผสานรวมกับทักษะเฉพาะตัวของผู้เล่นจากอคาเดมี่ จนได้ให้กำเนิด บาเซโลน่า ชุดที่เกรียงไกรที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
บาเซโลน่าในยุคเป็ป ได้รับฉายาว่า นักเตะต่างดาว เพราะพวกเขาเก่งเหลือเชื่อ เก่งเกินคน แทบจะถูกยกเป็นสุดยอดทีมของโลกในเวลานั้น และ ในปี 2013 เป็ป กวาดิโอลา ก็ย้ายจากบาเซโลน่า ไปยังสโมสรยักษ์ใหญ่ในเยอรมันอย่าง บาร์เยิร์น มิวนิค ในที่สุด
บาเซโลน่าที่ไร้เป็ป ยังคงจะเป็นยอดทีมของยอดคนอยู่อีกหรือไม่?
ปัจจัยที่ทำให้บาเซโลน่า กลายเป็นยอดทีมเกรียงไกรแห่งยุคส่วนหนึ่งมาจาก เด็กอคาเดมี่ที่ชื่อ ลีโอเนล เมซซี่
จากอดีตนักเตะ เป็ปกลายมาเป็นผู้จัดการทีมแห่งยุคในที่สุด
เมซซี่คือเครื่องหมายของคำว่า "พรสวรรค์และความมุ่งมั่น" กลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบาเซโลน่าในปัจจุบัน ที่อัดแน่นไปด้วยเด็กอคาเดมี่จาก ลามาเซียแทบทั้งสิ้น เป็นผลผลิตจากสโมสรเกือบ 100 เปอร์เซนต์
นั่นคือ คำตอบว่า บาเซโลน่า ไม่ใช่อยู่ดีๆมาเก่งเพราะเป็ป กวาดิโอล่า หรือ เพราะเมซซี่ แต่ความเก่งกาจของพวกเขาถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อคาเดมี่ ตั้งแต่การปลูกฝัง ตั้งแต่แผนการเล่นที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
ในเกมรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนลีกส์ ปี 2013 อาแจ็กซ์เอาชนะบาเซโลน่าได้ที่สกอร์ 2-1 ในทีมชุดที่ไร้เมซซี่ และ ไร้เป็ป กวาดิโอล่า และ ด้วยผู้เล่น 10 คนของอาแจ็กซ์ (แม้ในเกมก่อนหน้าที่เจอกัน อาแจ็กซ์จะเจอบาซ่าถล่มยับมาก็ตาม)
บางทีมันก็อาจจะแค่ฟลุ๊ค หรือ มันก็แค่เกมเกมเดียว แทบจะวัดอะไรไม่ได้ แต่อันที่จริงแล้ว ทุกครั้งที่อาแจ็กซ์และบาเซโลน่ามีชื่อมาข้องเกี่ยวกัน มันมีนัยยะสำคัญเสมอ
พูดให้ดูโลกสวยสดใส อาแจ็กซ์กับบาเซโลน่า เหมือนดังทีมพี่ทีมน้อง แต่ถ้าว่ากันจริงๆแล้ว 2 ทีมนี้มีาสายสัมพันธ์แบบที่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก การได้เอาชนะอีกฝั่ง คือ การยืนหยัดว่า ใครคือของจริง
การแพ้นัดนี้เป็นการแพ้ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ของบาเซโลน่า และยังแพ้ให้กับอาแจ็กซ์ ทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของบาเซโลน่าด้วย
ผลแพ้ชนะในเกมนี้ ย่อมสำคัญกว่าชัยชนะทั่วๆไป อย่างแน่นอน ...