หลังจากได้ visa canada -
http://pantip.com/topic/30761570- และมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว ก็วางแผนเที่ยวเลยครับ
แผนเที่ยวคร่าวๆที่คุณแฟนต้องการคือ niagara falls ที่เดียวจริงๆ แล้วถ้าจะให้เห็นสวยๆก็ต้องไปฝั่งแคนนาดาเลยทำวีซ่าซะ แต่พอเสียเงินทำวีซ่าแล้วก็เลยคิดต่อไปว่างั้นเที่ยวในแคนาดาสักหน่อยแล้วกัน จุดต่างๆที่จะไปในแคนาดาก็ "โบสถ์" กับ "รัฐสภา" นะครับ บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าน่าจะเห็นเท่านี้แหละ
ช่วงเวลาเดินทาง 21 ตุลาคม 2556 - 2 พฤศจิกายน 2556
ซึ่งในปีนี้ Maid of the Mist จะให้บริการถึงแค่ 24 ตุลาคม 2556 จึงต้องไปตะลุยแคนาดากันก่อนเลย
เริ่มการเดินทางวันแรก เที่ยวบินแรก ไปประเทศแรกครับ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน United Airlines มุ่งสู่สนามบินนานาชาตินาริตะ ประเทศญี่ปุ่น (นับ 1 เที่ยวบิน 1 ประเทศด้วยได้ไหมเนี่ย) เพื่อต่อเครื่อง 3 ชั่วโมง
แวะหาของกินครับเพราะอาหารบนเครื่องไม่อร่อยเลย ที่นี่ดีมีปลั๊กให้เสียบ มี wi-fi ให้ใช้ฟรี อาหารอร่อยด้วย (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) มาถึงญี่ปุ่นก็ต้องกินซูชิ กินอุด้ง
ก่อนออกจากไทย สงสัยเนื่องด้วยจุดหมายคือบินไปลง Buffalo อเมริกา เลยมีแถมตรวจร่างกายก่อนลง Gate ที่สุวรรณภูมิเพิ่มอีกรอบ พอมาถึงญี่ปุ่นก็ได้รับฟังการประกาศชื่อ "นายเพิ่มซามะ มาที่เคาน์เตอร์ด้วย" เพื่อตรวจวีซ่าอีก 1 รอบ
คราวนี้บินยาวครับโดยสายการบินที่ 2 ANA (อาหารอร่อยมากมาย) จากนาริตะเพื่อมาเปลี่ยนเครื่องที่ Chicago ก่อน ต่อเครื่องบินเล็กไป Buffalo อีกที
ตอนจองตั๋วก็เผื่อเวลาเปลี่ยนเครื่องไว้ 2 ชม. เพราะคิดเอาเองว่าคงไปตรวจคนเข้าเมืองที่ Buffalo เพราะเป็น Buffalo Niagara International Airport แต่คิดผิดครับ โดนตรวจที่ Chicago แถวยาวมาก แถวเคลื่อนช้ามาก ถามเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องต่อเครื่องนะ เขาก็ทำหน้าเซ็งแล้วบอกว่าก็ต่อแถวต่อไปนะ ไม่มีทางพิเศษหรอก สรุปตกเครื่องครับ
จากที่วางแผนต่อเครื่องแค่ 2 ชั่วโมง โดนบวกเพิ่มอีก 3 ชั่วโมง คาดว่าทาง United Airlines จะรู้ว่านักท่องเที่ยวที่ต่อเครื่องจะต้องต่อแถวนานแต่ไม่สามารถทำอะไรในส่วนของการตรวจคนเข้าเมืองได้จึงทำได้แค่มีเคาน์เตอร์สายการบินอยู่ตรงประตูทางออกเลย เพื่อส่งกระเป๋าหรือหาเที่ยวบินใหม่ให้ ตอนวิ่งออกไปเหลืออีก 30 นาที เที่ยวบินที่เราจองไว้ถึงจะออกแต่เจ้าหน้าที่บอกไม่ทันแล้ว เอาตั๋วไปใหม่แล้วรอไปนะอีก 3 ชั่วโมง
ระหว่างเดินทางไป gate ภายในประเทศก็มีนักท่องเที่ยวมาถามว่าตกเครื่องเหมือนกันใช่มั้ย

แปลว่าคงตกเครื่องกันเพียบเลยล่ะสิ
ตอนแรกเราก็ว่าทำไม 30 นาทีมันไม่พอจะไปต่อเครื่องฟะ พอได้เดินทางไป Gate จึงรู้ว่ามันไกล ต้องต่อรถไฟ(ขอเรียกงี้แล้วกัน)ภายในออกไปคนละอาคาร และต้องไปตรวจร่างกายอีก ใช้เวลาไปอีกเกือบชั่วโมง
สนามบินที่นี่ของกินเยอะดีครับ มี wi fi free แบบ sponser คือต้องโหลด app ของ sponser ก่อนถึงจะใช้ได้ 30 นาที
เที่ยวบินที่ 3 จาก Chicago ไปลง Buffalo ด้วยสายการบิน United Airlines เครื่องบินลำเล็กๆ แถวละ 3 ที่นั่ง พอตกเครื่องก็เลยได้ upgrade นิดนึง มานั่งหน้าสุด แต่จากแผนที่วางไว้ว่าจะเดินทางใน Buffalo สบายนิดนึงไม่มืดมาก ก็กลายมาเป็นต้องมาลุ้นรถเที่ยวสุดท้ายให้ทันเพื่อไปนอน Niagara ให้ได้ มาถึงสนามบินที่เมือง Buffalo มืดแถมฝนตกอีกหนาวมากมาย แต่ยังโชคดีที่มาทันรถบัสครับ ทันแบบสบายๆเวลาเหลือๆ
ต้องนั่ง 2 คัน ยอมซื้อตั๋ววันเผื่อลงผิด จ่ายเพิ่ม 1 เหรียญเพื่อความสบายใจ
คันแรกไม่เท่าไหร่รอที่ป้ายสนามบินมี Heater พร้อม นั่งสาย 24 จากสนามบิน ออกจากอาคารมาเดินเลี้ยวซ้ายมาเรื่อยๆจะพบป้ายรถครับผมเพื่อไปลงที่ Washington Street & South Division Street รถเมล์ที่นี่ดูป้ายลงง่ายครับเพราะจะวิ่งยาวตามถนนแล้วป้ายก็จะอยู่ตามถนนเส้นที่ตัดกับถนนนั้นๆ
พอลงมาแล้วเพื่อต่อคันที่สองหันหน้าให้ป้ายรถเมล์แล้วเดินไปทางขวา (เดินย้อน) ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปรอสาย 40A เพื่อไป Niagara
ป้ายนี้รอข้างทาง Open Air มากๆ แต่ยังมีโชคเข้ามาเสมอเมื่อขึ้นรถบัสคันที่สองกลัวหลงลงผิดมาก คุณน้าชาวอเมริกาแถวนั้นคงมองออกเลยอาสาช่วยบอกป้ายที่จะมาลงหน้าโรงแรมให้เลย เป็นพระคุณมากครับ
เราพักกันที่ Quality Hotel & Suites At The Falls, Niagara Falls ได้ห้องพัก 427 ห้องสำหรับผู้ใช้รถเข็น ทางเดินจะกว้างนิดนึงและประตูจะสวิงเปิด-ปิดเอง ไอ้เปิดเองไม่เท่าไหร่ แต่ปิดเองนี่สิไม่รู้ว่าจะบังคับให้มันรีบๆปิดได้ยังไง
ไปถึงก็หมดแรงอาบน้ำแล้วก็นอนเลยเพราะทานอะไรมาบ้างจากสนามบิน Chicago แล้ว แต่มาถึงก็มีเรื่องน่าอาย อายมากมายคือเปิดน้ำอุ่นไม่เป็นครับ ถึงขั้นลงไปถามเลยนะว่าเปิดยังไง
ปกติอยู่บ้านเคยเปิดแต่แบบที่หนึ่ง มี 2 ก๊อก กับแบบที่สอง หมุนด้านนึงร้อนด้านนึงเย็น กว่าจะรู้ว่าแค่หมุนเปิดไปเรื่อยๆจากเย็นมันก็อุ่นขึ้นเอง อายจังเลย

แต่ความโชคดีมันอยู่ที่ผมครับคือผมจะอาบน้ำหลังแฟน คือคุณแฟนหาวิธีไม่เจอจนยอมอาบน้ำเย็นมากกกกกไป แต่เราก็ลองหมุนเล่นแล้วรอดูจนรู้ว่ามันจะค่อยๆร้อนขึ้นนะ แฟนถึงกับงอนตั้งแต่วันแรกที่มาเที่ยวเลยทีเดียว
[CR] 14 วัน 3 ประเทศ 7 เที่ยวบิน [CR]
แผนเที่ยวคร่าวๆที่คุณแฟนต้องการคือ niagara falls ที่เดียวจริงๆ แล้วถ้าจะให้เห็นสวยๆก็ต้องไปฝั่งแคนนาดาเลยทำวีซ่าซะ แต่พอเสียเงินทำวีซ่าแล้วก็เลยคิดต่อไปว่างั้นเที่ยวในแคนาดาสักหน่อยแล้วกัน จุดต่างๆที่จะไปในแคนาดาก็ "โบสถ์" กับ "รัฐสภา" นะครับ บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าน่าจะเห็นเท่านี้แหละ
ช่วงเวลาเดินทาง 21 ตุลาคม 2556 - 2 พฤศจิกายน 2556
ซึ่งในปีนี้ Maid of the Mist จะให้บริการถึงแค่ 24 ตุลาคม 2556 จึงต้องไปตะลุยแคนาดากันก่อนเลย
เริ่มการเดินทางวันแรก เที่ยวบินแรก ไปประเทศแรกครับ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน United Airlines มุ่งสู่สนามบินนานาชาตินาริตะ ประเทศญี่ปุ่น (นับ 1 เที่ยวบิน 1 ประเทศด้วยได้ไหมเนี่ย) เพื่อต่อเครื่อง 3 ชั่วโมง
แวะหาของกินครับเพราะอาหารบนเครื่องไม่อร่อยเลย ที่นี่ดีมีปลั๊กให้เสียบ มี wi-fi ให้ใช้ฟรี อาหารอร่อยด้วย (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) มาถึงญี่ปุ่นก็ต้องกินซูชิ กินอุด้ง
ก่อนออกจากไทย สงสัยเนื่องด้วยจุดหมายคือบินไปลง Buffalo อเมริกา เลยมีแถมตรวจร่างกายก่อนลง Gate ที่สุวรรณภูมิเพิ่มอีกรอบ พอมาถึงญี่ปุ่นก็ได้รับฟังการประกาศชื่อ "นายเพิ่มซามะ มาที่เคาน์เตอร์ด้วย" เพื่อตรวจวีซ่าอีก 1 รอบ
คราวนี้บินยาวครับโดยสายการบินที่ 2 ANA (อาหารอร่อยมากมาย) จากนาริตะเพื่อมาเปลี่ยนเครื่องที่ Chicago ก่อน ต่อเครื่องบินเล็กไป Buffalo อีกที
ตอนจองตั๋วก็เผื่อเวลาเปลี่ยนเครื่องไว้ 2 ชม. เพราะคิดเอาเองว่าคงไปตรวจคนเข้าเมืองที่ Buffalo เพราะเป็น Buffalo Niagara International Airport แต่คิดผิดครับ โดนตรวจที่ Chicago แถวยาวมาก แถวเคลื่อนช้ามาก ถามเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องต่อเครื่องนะ เขาก็ทำหน้าเซ็งแล้วบอกว่าก็ต่อแถวต่อไปนะ ไม่มีทางพิเศษหรอก สรุปตกเครื่องครับ
จากที่วางแผนต่อเครื่องแค่ 2 ชั่วโมง โดนบวกเพิ่มอีก 3 ชั่วโมง คาดว่าทาง United Airlines จะรู้ว่านักท่องเที่ยวที่ต่อเครื่องจะต้องต่อแถวนานแต่ไม่สามารถทำอะไรในส่วนของการตรวจคนเข้าเมืองได้จึงทำได้แค่มีเคาน์เตอร์สายการบินอยู่ตรงประตูทางออกเลย เพื่อส่งกระเป๋าหรือหาเที่ยวบินใหม่ให้ ตอนวิ่งออกไปเหลืออีก 30 นาที เที่ยวบินที่เราจองไว้ถึงจะออกแต่เจ้าหน้าที่บอกไม่ทันแล้ว เอาตั๋วไปใหม่แล้วรอไปนะอีก 3 ชั่วโมง
ระหว่างเดินทางไป gate ภายในประเทศก็มีนักท่องเที่ยวมาถามว่าตกเครื่องเหมือนกันใช่มั้ย
ตอนแรกเราก็ว่าทำไม 30 นาทีมันไม่พอจะไปต่อเครื่องฟะ พอได้เดินทางไป Gate จึงรู้ว่ามันไกล ต้องต่อรถไฟ(ขอเรียกงี้แล้วกัน)ภายในออกไปคนละอาคาร และต้องไปตรวจร่างกายอีก ใช้เวลาไปอีกเกือบชั่วโมง
สนามบินที่นี่ของกินเยอะดีครับ มี wi fi free แบบ sponser คือต้องโหลด app ของ sponser ก่อนถึงจะใช้ได้ 30 นาที
เที่ยวบินที่ 3 จาก Chicago ไปลง Buffalo ด้วยสายการบิน United Airlines เครื่องบินลำเล็กๆ แถวละ 3 ที่นั่ง พอตกเครื่องก็เลยได้ upgrade นิดนึง มานั่งหน้าสุด แต่จากแผนที่วางไว้ว่าจะเดินทางใน Buffalo สบายนิดนึงไม่มืดมาก ก็กลายมาเป็นต้องมาลุ้นรถเที่ยวสุดท้ายให้ทันเพื่อไปนอน Niagara ให้ได้ มาถึงสนามบินที่เมือง Buffalo มืดแถมฝนตกอีกหนาวมากมาย แต่ยังโชคดีที่มาทันรถบัสครับ ทันแบบสบายๆเวลาเหลือๆ
ต้องนั่ง 2 คัน ยอมซื้อตั๋ววันเผื่อลงผิด จ่ายเพิ่ม 1 เหรียญเพื่อความสบายใจ
คันแรกไม่เท่าไหร่รอที่ป้ายสนามบินมี Heater พร้อม นั่งสาย 24 จากสนามบิน ออกจากอาคารมาเดินเลี้ยวซ้ายมาเรื่อยๆจะพบป้ายรถครับผมเพื่อไปลงที่ Washington Street & South Division Street รถเมล์ที่นี่ดูป้ายลงง่ายครับเพราะจะวิ่งยาวตามถนนแล้วป้ายก็จะอยู่ตามถนนเส้นที่ตัดกับถนนนั้นๆ
พอลงมาแล้วเพื่อต่อคันที่สองหันหน้าให้ป้ายรถเมล์แล้วเดินไปทางขวา (เดินย้อน) ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายไปรอสาย 40A เพื่อไป Niagara
ป้ายนี้รอข้างทาง Open Air มากๆ แต่ยังมีโชคเข้ามาเสมอเมื่อขึ้นรถบัสคันที่สองกลัวหลงลงผิดมาก คุณน้าชาวอเมริกาแถวนั้นคงมองออกเลยอาสาช่วยบอกป้ายที่จะมาลงหน้าโรงแรมให้เลย เป็นพระคุณมากครับ
เราพักกันที่ Quality Hotel & Suites At The Falls, Niagara Falls ได้ห้องพัก 427 ห้องสำหรับผู้ใช้รถเข็น ทางเดินจะกว้างนิดนึงและประตูจะสวิงเปิด-ปิดเอง ไอ้เปิดเองไม่เท่าไหร่ แต่ปิดเองนี่สิไม่รู้ว่าจะบังคับให้มันรีบๆปิดได้ยังไง
ไปถึงก็หมดแรงอาบน้ำแล้วก็นอนเลยเพราะทานอะไรมาบ้างจากสนามบิน Chicago แล้ว แต่มาถึงก็มีเรื่องน่าอาย อายมากมายคือเปิดน้ำอุ่นไม่เป็นครับ ถึงขั้นลงไปถามเลยนะว่าเปิดยังไง
ปกติอยู่บ้านเคยเปิดแต่แบบที่หนึ่ง มี 2 ก๊อก กับแบบที่สอง หมุนด้านนึงร้อนด้านนึงเย็น กว่าจะรู้ว่าแค่หมุนเปิดไปเรื่อยๆจากเย็นมันก็อุ่นขึ้นเอง อายจังเลย
แต่ความโชคดีมันอยู่ที่ผมครับคือผมจะอาบน้ำหลังแฟน คือคุณแฟนหาวิธีไม่เจอจนยอมอาบน้ำเย็นมากกกกกไป แต่เราก็ลองหมุนเล่นแล้วรอดูจนรู้ว่ามันจะค่อยๆร้อนขึ้นนะ แฟนถึงกับงอนตั้งแต่วันแรกที่มาเที่ยวเลยทีเดียว