@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันอังคารที่ 19/11/2013:"ประชาธิปไตย เพื่อทำลายหรือ"@@@


@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันจันทร์ที่ 18/11/2013:"ธาริต" ขู่ม็อบนกหวีด เป่าไล่เจอฟันแน่"@@@

ต้นกำเนิด nonแดง โปรดดูรายละเอียดได้ที่นี่


**รายชื่อสมาชิกชาว NONแดง (ผู้กล้าประกาศตัวว่าไม่เป็นคนเสื้อแดง)**

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รวบรวมบัตรสมาชิกไว้ที่นี่ http://pantip.com/topic/30689712


ข้อมูลกลุ่มและการสมัครสมาชิก



สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เพิ่มเติม......


“สุรินทร์” แนะขอฉันทามติจากประชาชน เพื่อปฏิรูปประเทศไทย

“สุรินทร์” ชี้กระแสการปฏิรูปประเทศไทยกำลังเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในขณะนี้ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี เตือนต้องอิงประชาชน
ขอเป็นฉันทามติผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่เท่านั้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นหนทางเดียวที่จะสร้างความชอบธรรมทางการเมือง โดยหลายองค์กร
ที่ทำเรื่องนี้อยู่ต้องหารือร่วมกันเพื่อเตรียมการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าว ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย
ภายใต้มูลนิธิควง อภัยวงศ์ กล่าวว่า “เราต่างตระหนักเห็นร่วมกันว่าสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันมีการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงและเป็นปัญหาใหญ่ที่ถ่วงรั้งการพัฒนาของประเทศไทย ทำให้ไม่มีความพร้อมในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและบนเวทีโลก ประเทศไทยเรา
จำเป็นต้องมีการปรับขบวนอย่างจริงจังครั้งใหญ่ โดยในช่วงที่ผ่านมามีมวลชนกลุ่มต่างๆออกมาแสดงออกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวทางการเมืองในระดับสูงยิ่ง พวกเราต้องร่วมกันทำให้วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสในการยกเครื่องการเมือง
การปกครอง เศรษฐกิจและสังคมครั้งใหญ่” สุรินทร์กล่าวต่อไปว่า “ผมเกรงว่า พวกเราจะหลงทางกัน ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนคือ
ที่มาของอำนาจในการที่จะดำเนินการเรื่องสำคัญๆ เช่น รูปแบบและทิศทางของประเทศชาติ วิธีการอื่นใดผิดไปจากนี้ถือว่าไม่อยู่ในครรลอง
ของระบอบประชาธิปไตยและจะเสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมระหว่างประเทศ” การปฏิรูปประเทศไทยจึงเป็นเป้าหมายหลักร่วม
กันของทุกภาคส่วนของประเทศไทย ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้ผ่านพ้นวิกฤติโครงสร้างทางการเมืองที่กำลังเผชิญอยู่
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บนพื้นฐานการเมืองที่โปร่งใสตามครรลองของธรรมาภิบาล พร้อมที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
อย่างมั่นคงและยั่งยืน ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยให้ความเห็นต่อไปว่า “ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคการเมืองต่างๆ
ที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งจะต้องมีนโยบายที่นำเสนอต่อประชาชนให้มีทางเลือกชัดเจนว่าจะมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศไทย หรือยังจะ
ยืนยันรูปแบบเดิมที่เต็มไปด้วยการใช้อำนาจที่เกินเลย ไม่เป็นธรรม นำไปสู่การฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างมโหฬาร การเห็นหน่วยงานราชการ
เป็นสมบัติส่วนตัว รัฐวิสาหกิจเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของเครือข่ายพรรคพวกของผู้มีอำนาจทางการเมือง ประเทศไทยถูกลบหลู่ดูหมิ่น
จากนานาประเทศ” อดีตเลขาธิการอาเซียนยังกล่าวอีกว่า “ประชาชนต้องมีทางเลือกที่ชัดเจน พรรคการเมืองต่างๆ จึงต้องเสนอนโยบาย
ที่ชัดเจนตรงเป้าว่าจะปฏิรูปประเทศไทยหรือจะอยู่กันแบบนี้ต่อไป อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ต้องสนใจกัน” ในขณะนี้มีองค์กรมากมายหลาย
กลุ่มที่ได้ออกมาพูดถึงการปฏิรูปประเทศไทย โดยทุกคนมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือต้องการที่จะปรับโครงสร้างและเปลี่ยนกรอบ
ความคิดของสังคมไทย ทางสถาบันฯ จึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการร่วมมือกันหาแนวทางเพื่อเตรียมการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นเอกภาพ
โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่เหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในสภาวะที่สุกงอมพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะปล่อยให้
ประเทศไทยหลงทางและดำดิ่งลงสู่หุบเหวแห่งความหายนะจนไม่สามารถฟื้นตัวใหม่ได้อีกแล้ว

ดร. สุรินทร์ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งและจะสำเร็จได้ก็ด้วยการมีฉันทามติจากประชาชน ผ่านกระบวนการ
ที่มีความชอบธรรม (legitimacy) และโปร่งใส (transparent) บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน (participation) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็น
ขั้นตอนที่จะต้องขับเคลื่อนผ่านกระบวนการทางการเมืองต่อไป”

18 พ.ย. 56
ความคิดเห็นที่ 11
เก็งคำตอบ "ศาล รธน." คดีที่มาวุฒิสภา จะมียุบพรรคอีกหรือไม่??


...บางคนในเพื่อไทยระบุไว้แล้วว่า หากศาลรัฐธรรมนูญล้มกระดานการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้  ก็จะท้าชนศาลรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ..."



20 พฤศจิกายน 2556 คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ (ศาล รธน.) นัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องเรื่อง
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญราย มาตราว่าด้วยเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา”

ความสำคัญของวันดังกล่าว ลำพังก็ได้รับการจับตามองทางการเมืองอย่างมากอยู่แล้ว เนื่องเพราะหากสุดท้ายศาล รธน.วินิจฉัย
ออกมาว่าการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว รวมถึงการให้ความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วาระที่ 1 จนถึงวาระที่ 3
เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ตามที่มีการยื่นคำร้องไป

นอกจากทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจ “แท้ง” ไม่มีผลบังคับใช้ แม้ต่อให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี
นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 แล้ว

จับตาวาระร้อน เดิมพัน "ยุบพรรค-ตัดสิทธิ 5 ปี"

ตัวผู้ถูกร้องคือ คือ “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานรัฐสภา “นิคม ไวยรัชพานิช” รองประธานรัฐสภา กับพวก ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา
ที่ส่วนใหญ่คือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว.สายเลือกตั้ง รวม 312 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ก็ยังต้องต้องลุ้นกับผลคำวินิจฉัยที่จะออกมาด้วยว่าหากศาล รธน.เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ก็อาจจะโดนพ่วงเอาผิด
”ยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมืองห้าปี” ด้วยหรือไม่

และถึงต่อให้ในบรรดา 312 สมาชิกรัฐสภาที่ส่วนใหญ่ก็คือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จะมีหลายคนไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร พรรค
ที่อาจไม่โดนตัดสิทธิการเมืองห้าปีหากว่าโดนยุบพรรค แม้จะหาพรรคใหม่สังกัดได้  แต่ก็ต้องลุ้นว่า จะโดนดาบสองคือ ”ยื่นถอดถอน
ออกจากตำแหน่ง” ตามมาหรือไม่ ที่หากว่ามีคนไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
แล้วต่อมาหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พวกนี้ก็จะต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ทันที

ด้วยเหตุข้างต้นทำให้หลายฝ่ายจับตามองกันว่า 20 พฤศจิกายน 2556 นี้ จะเป็นอีกวันหนึ่งที่การเมืองจะทวีความเข้มข้น-ร้อนแรง
หากว่าศาล รธน.วินิจฉัยออกมาในทางไม่เป็นคุณกับผู้ถูกร้องที่ก็คือฝ่ายรัฐบาล เพื่อไทยในเวลานี้และพวก ส.ว.ที่ส่วนใหญ่ก็คือ
ส.ว.สายเลือกตั้งปีกนิคม ไวยรัชพานิช นั่นเอง

แล้วยิ่ง เมื่อ ”สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำการชุมนุมเวทีถนนราชดำเนิน ออกมายกระดับการชุมนุมจากต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
มาเป็น ”โค่นล้มระบอบทักษิณ” โดยประกาศว่าการชุมนุมจะจบโดยฝ่ายตัวเองได้รับชัยชนะ ภายในไม่เกินวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 นี้

ก็เลยยิ่งทำให้ การอ่านคำวินิจฉัยของศาล รธน.ในเวลา 11.00 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น ว่าที่ตัวสุเทพ
ประกาศอย่างเชื่อมั่นดังกล่าว ก็เพราะเชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาล รธน.จะออกมาในทางเป็นลบกับฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย โดยที่สุเทพ
ไปรู้ข้อมูลอินไซด์อะไรลึกๆ เกี่ยวกับคดีนี้มาล่วงหน้าหรือไม่? นี้คือสิ่งที่ผู้คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่…

เนื่องจากหากดูจากสภาพการเมืองปกติ แม้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกับ
“จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รมว.มหาดไทยในเร็วๆนี้แต่ทว่าต่อให้ฝ่ายค้านมีข้อมูลแน่นหนา อภิปรายดีอย่างไร ก็ไม่มีผลทำให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้

ทุกคนจึงพูดกันเป็นเสียงเดียวเวลานี้ว่า “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่จะทำให้การเมืองพลิกผันได้ก็มีแค่เรื่อง คำวินิจฉัยของศาล รธน.เท่านั้น !?!

ยิ่งความเชื่อของ ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยที่มองว่าองค์กรอิสระหลายแห่งที่ก็หมายรวมถึงตุลาการศาล รธน.บางคนในชุดปัจจุบัน
อยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาลเพื่อไทย จึงทำให้แกนนำรัฐบาล- .ส.เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง มีสกุลความคิดตรงกันว่าปัจจัยที่
จะส่งผลต่อเสถียรภาพความเป็นไปของรัฐบาลเพื่อไทยนับจากนี้ หาใช่การชุมนุมที่เวทีราชดำเนิน แต่เป็นคำวินิจฉัยของศาล รธน.

คำวินิจฉัยศาลรธน.ออกได้ 3 หน้า

ทั้งนี้ คำร้องคดีนี้มีการยื่นเข้าไปด้วยกันทั้งสิ้น 4 คำร้องคือคำร้องของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ 2 คนคือ “วิรัตน์ กัลยาศิริ-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”
กับคำร้องของ ส.ว.อีก 2 คนคือ “พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม-สาย กังคเวคิน” แต่เนื่องจากคำร้องทั้งหมดมีลักษณะเดียวกัน ศาล รธน.จึงได้
รวมทั้ง 4 คำร้องไว้เป็นสำนวนเดียวกัน

และมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดีไปเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดยมีบุคคลที่ถูกศาลเรียกไปชี้แจงรวมทั้งสิ้น 10 คน
แม้จะมีผู้มาชี้แจงเพียง 7 คน แต่ศาลบอกว่าสามารถรับฟังได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไต่สวนอีกต่อไป และนัดอ่านคำวินิจฉัยทันที

ส่วนที่ไม่มีฝ่ายผู้ถูกร้องไปชี้แจง เนื่องจากทั้งหมดได้เคยแถลงปฏิเสธอำนาจศาล รธน.ที่รับคำร้องคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ตอนรับ
คำร้องคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และ 237 ไปก่อนหน้านี้ ทำให้เมื่อศาล รธน.มีการไต่สวนคำร้อง ฝั่งผู้ถูกร้องจึงปฏิเสธที่จะเข้า
สู่กระบวนการพิจารณาไต่สวนคดีของศาล รธน.มาตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ตาม แม้คำร้องทั้ง 4 คำร้องจะมีลักษณะเดียวกัน แต่เนื้อหารายละเอียดของท้ายคำร้องก็มีความแตกต่างกัน
โดยเฉพาะใน 2 คำร้องสำคัญคือคำร้องของวิรัตน์และ พล.อ.สมเจตน์

เพราะคำร้องของวิรัตน์ แค่ต้องการให้ศาล รธน.เพิกถอนกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวทุกขั้นตอน
นับตั้งแต่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 1 เป็นต้นมา ไม่มีเรื่องการขอให้ยุบพรรค แต่ในคำร้องของ พล.อ.สมเจตน์
มีข่าวว่าได้ขอให้ศาล รธน.วินิจฉัยเลยไปถึงการยุบพรรค-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา 68 ด้วย

จึงต้องดูว่า คำวินิจฉัยของศาล รธน.จะออกมาแบบไหน ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2556 นี้

บนการวิเคราะห์จากบางฝ่ายว่าทิศทางของคำวินิจฉัยที่จะออกมา น่าจะออกมาในทางใดทางหนึ่ง คือ

1.ยกคำร้อง

ที่ก็คือยกคำร้องทั้งหมด ศาลเห็นว่าประเด็นที่ผู้ร้องยื่นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ไม่มีมูลอันมีผลทำให้
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาวาระ 3 ไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมใช้ต่อไป หลังก่อนหน้านี้
นายกรัฐมนตรีได้นำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา

2 คือวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ตามคำร้อง

ที่หากออกมาแนวทางนี้ มติของที่ประชุมตุลาการศาล รธน.ก็อาจออกมาได้หลายแนวทางเช่น

2.1 วินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว มีการดำเนินการโดยไม่ชอบในบางกระบวนการตามที่ได้มีการระบุไว้ในคำร้องและใน
ชั้นการไต่สวนของศาล รธน.

จึงทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ จึงสั่งเพิกถอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว แต่ไม่มีคำสั่งให้ยุบพรรคหรือตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคการเมือง โดยจะมีการระบุในคำวินิจฉัยว่าสาเหตุที่มีคำวินิจฉัยดังกล่าว เนื่องด้วยเหตุผลใด

ที่อาจเป็นไปตามที่มีการร้อง และไต่สวนข้อเท็จจริงกันไว้ เช่น เพราะมีการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิกรัฐสภาในห้องประชุม
ตอนพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 และ 3 ที่มีการขานชื่อเสียบบัตรในห้องประชุมหรือเพราะกระบวนการพิจารณาของที่ประชุม
รัฐสภาตอนพิจารณาร่างดังกล่าวไม่ได้พิจารณาเรียงตามวาระ มีการข้ามขั้นตอน อันทำให้สมาชิกรัฐสภาบางส่วนเสียสิทธิในการยื่น
ขอคำสงวนคำแปรญัตติ

หรืออาจเห็นว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีปัญหาในเรื่องเอกสาร เพราะร่างที่ยื่นต่อประธานรัฐสภาในครั้งแรกกลับร่าง
ที่มีการแจกจ่ายให้สมาชิกรัฐสภา เป็นเอกสารคนละชุดกัน อีกทั้งมีความแตกต่างกันในเนื้อหาสาระสำคัญ ที่ตามหลักจะต้องยึดร่างที่ยื่น
ต่อประธานรัฐสภาเป็นร่างหลักในการพิจารณา

ส่วนที่อาจ “ไม่ยุบพรรค-ไม่ตัดสิทธิการเมืองห้าปี” ก็อาจให้เหตุผลว่าเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นอำนาจของ
ฝ่ายนิติบัญญัติที่จะดำเนินการได้โดยชอบ และเป็นเรื่องของ ส.ส.-ส.ว. ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง  จึงไม่มีเหตุให้ต้องมีคำสั่งยุบพรรค
และตัดสิทธิดังกเป็นคำวินิจฉัยแบบ ”ทะลุซอย” มากเกินไป

3.ทางอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ก็เป็นไปได้ที่ศาล รธน.อาจมีคำวินิจฉัยที่แตกต่างไปจากที่เก็งกันไว้ 3 แนวทางดังกล่าว คืออาจออกสูตรอื่นได้เช่นกัน

อาทิ วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว บางขั้นตอนเช่น การลงมติมีปัญหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น มีการเสียบบัตรแทนกัน
ก็ให้รัฐสภาไปจัดการแก้ไขกันใหม่ โดยกล่าว

2.2 วินิจฉัยว่ากระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวของรัฐสภาไม่ชอบ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดยจะระบุในคำวินิจฉัยว่า
เพราะเหตุใดศาล รธน.จึงมีคำวินิจฉัยดังกล่าว และมีคำสั่งยุบพรรค-ตัดสิทธิเลือกตั้งส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคการ เมืองที่ไปร่วมลงชื่อ
ในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวหรือลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว

กระนั้นแนวทางข้อนี้ นักกฎหมายหลายสำนักก็ยังมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะจะ��ห้เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ตอนนั้น แต่กระบวนการก่อนหน้านี้
ศาลอาจชี้ว่าไม่มีปัญหา แต่ก็พบว่าสูตรดังกล่าวนี้ หลายคนประเมินว่าน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะหากกระบวนการใดกระบวนหนึ่งดำเนินการ
มาโดยไม่ชอบ ก็น่าจะส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำมาทั้งหมด ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางย่อมไม่ชอบไปด้วย

ขณะที่ก็มีข่าวอีกบางกระแส วิเคราะห์ไว้ว่า อาจออกมาในแนวทางว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูไม่ชอบ แล้วก็มีการเอาผิดกับ ส.ว.เลือกตั้ง
ที่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วยการลงมติในวาระที่ 1 จนถึงวาระที่ 3 เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงเพราะ
ได้ประโยชน์จากการลงสมัคร ส.ว.ต่อจากเดิมที่ต้องเว้นวรรค อันเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าว
ว่ากันตามจริง ก็เป็นเรื่องที่ยากจะรู้ได้ว่า ส.ว.เลือกตั้งคนไหนจะลงสมัคร ส.ว.ต่ออีกหรือไม่ ส.ว.เลือกตั้งที่ลงคะแนนเสียงเห็นชอบ
ในวาระต่างๆ  บางคนก็อาจไม่ลงสมัครต่อก็ได้ จึงเป็นเรื่องของอนาคตที่ศาล รธน.ไม่อาจล่วงรู้ได้ หากออกมาแนวนี้ก็จะถูกมองว่า
ศาล รธน.ไปตัดสินในเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น

"รัฐบาล-เพื่อไทย-เสื้อแดง" จับตาผลพิพากษาใกล้ชิด

ด้านฝั่ง ”รัฐบาล-เพื่อไทย-เสื้อแดง-ส.ว.สายเลือกตั้ง” พบว่าเฝ้าจับตามองการอ่านคำวินิจฉัยของศาล รธน.นี้ค่อนข้างมาก
แม้จะมีบางคนในฟากนี้วิเคราะห์ไว้ผ่านสื่อและในวงสนทนาการเมืองว่าคำวินิจฉัยหากออกมา ให้แรงสุดขั้วจริงๆ ก็แค่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ดังกล่าวไม่มีผล ศาลสั่งเพิกถอนกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ถึงขั้นสั่งให้ “ยุบพรรค-ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค”
แน่นอน แต่ก็เป็นแค่การคาดการ เพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครเดาทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนได้ ว่าจะวินิจฉัยออกมาทางไหน

อย่างไรก็ตาม หลายคนในเพื่อไทย ก็ยังมองโลกในแง่ดีว่าสุดท้ายทุกอย่างน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีเพราะเป็นการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ตามที่ศาล รธน.เคยแนะนำไว้ตอนเบรกมาตรา 291 ที่สำคัญเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
จึงไม่มีเหตุที่ศาล รธน.จะมาก้าวก่ายใช้อำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ

แต่ก็มีบางคนในเพื่อไทยระบุไว้แล้วว่า หากศาล รธน.ล้มกระดานการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้  ก็จะท้าชนศาล รธน.ทุกรูปแบบ เช่น
อาจมีการล่าชื่อส.ส.-ส.ว.และประชาชน ถอดถอนตุลาการศาล รธน.หรือแจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการศาล รธน.ที่ลงมติล้มกระดาน
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.

ส่วนที่ว่าผลคำวินิจฉัยของศาล รธน.จะทำให้การชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน จบก่อน 30 พฤศจิกายน 2556 บนคำประกาศชัยชนะของ
กลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการขยายผลทางการเมือง หากว่าศาลไม่ยกคำร้อง–มีคำวินิจฉัยที่ไม่เป็นคุณกับผู้ถูกร้อง

แต่ลำดับแรก ต้องลุ้นคำวินิจฉัยที่จะออกมาเสียก่อน

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 นี้ คงได้รู้

http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/25214-court_25214.html#.UosLhG0JR7Y.facebook
ความคิดเห็นที่ 8
ตอกบัตร สวัสดีเพื่อนๆทุกคนจ้า
ความคิดเห็นที่ 3
เพิ่มเติมครับ.......



มีชัย ฤชุพันธุ์ --- ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอิสระในการพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ทำนองเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติ
หรือรัฐสภาก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอิสระในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เรียกว่าหน้าที่ใครหน้าที่ของคนนั้น
รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ก็จะผูกพันทุกองค์กร ที่จะต้องปฏิบัติตาม
ถ้าองค์กรหนึ่งปฏิเสธอำนาจของอีกองค์กรหนึ่งได้ ต่อไปก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่ จนบ้านเมืองไม่มีขื่อแป ลองคิดดูว่า
ถ้าศาลไม่เห็นด้วยกับฝ่ายนิติบัญญัติ พอออกกฎหมายอะไรมาแล้วก็ไม่ยอมตัดสินคดีตามกฎหมายนั้น ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายใด
ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายนั้น ตำรวจไม่ยอมบังคับการตามกฎหมาย อัยการไม่ยอมฟ้องตามกฎหมาย พอศาลตัดสินคดีแล้ว
กรมราชทัณฑ์ก็ไม่ยอมเอาตัวไปลงโทษตามคำตัดสิน หรือกรมบังคับคดีไม่ยอมบังคับคดีตามคำพิพากษา คนแพ้คดีแล้วไม่ยอม
ยกพวกมาล้อมบ้านโจทก์หรือขู่เข็ญว่าจะทำร้ายโจทก์ ตำรวจเห็นก็เฉยเสีย แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร

มีชัย ฤชุพันธุ์
25 เมษายน 2556
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่