การขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทำไมมันสังคมไทยถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้?(สมเพชจริงๆ)

หลังจากผมเรียนจบแม่ก็ดาวส์รถมือ 2 ให้ผ่อนเลยเป็นสโลแกนในการให้ลูกเก็บเงินไปในตัว จากนั้นผมก็ใช้รถตลอดไม่เคยขึ้นรถเมล์เลย

ตลอดเวลา 3 ปีตั้งแต่เรียนจบ และเมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมารถผมไปตกบ่อเลี้ยงปลากลางถนนเส้นแหลมฉบัง กันชนหน้าอ้าและมีแผลถลอก

เมื่อวานเลยเอาเข้าอู้ซะ พอดียืมรถพี่เอาไว้ใช้ หลังจากเอารถไปไว้ที่อู่เสร็จผมต้องกลับบ้าน อะทำไงดีแท็กซี่ดีไหม อย่าเลยเปลืองรถเมล์ดีกว่า

ด้วยความที่ว่าไม่ได้ขึ้นรถเมล์มานานในหัวคิดเยอะเลย (ค่าโดยสารเท่าไหร่ละวะเนี่ย ไม่เป็นไรให้แบ๊ง 50 เขาทอนมาเองหละ ลงไหนวะเนี่ย

ก่อนลงมีอะไรให้สังเกตุว่าถึงแล้วนะ สายนี้เปลี่ยนเส้นทางเดินรถป่าวหว่า ฯลฯ จิปะถะที่จะคิด)

พอขึ้นรถมาได้ก็ได้นั่งเลย สบายใจจ่ายเงินเสร็จซักพักรถจอดป้ายค่อนข้างใหญ่ คนขึ้นมาบาน ผมก็นั่งต่อป้ายต่อไปมีป้าคนนึงขึ้นมา

เฮะๆๆ ขอตรูหล่อหน่อยเหอ ลุกเลยและเดินไปประมาณ 2 ก้าว(1 เมตรกว่าๆได้) ไปสะกิดป้าว่าให้มานั่ง พอหันกลับไปที่นั่งพระเจ้า!!!!

ได้มีเด็กมัธยมน่าจะม.ปลายได้ ใส่แว่นท่าทางเด็กเรียน นั่งอยู่ พร้อมทั้งการ์ตูน 1 เล่มในมือ ท่าทางขมักเขม้นมากเหมือนเตรียมจะไปเอ็นฯ

หันกลับไปมองหน้าป้า ป้าบอกไม่เป็นไร ขอบคุณค่ะ เอาจริงๆตอนนั้นอารมณ์หน้าแตกมาก จากนั้น 3 วิกลายเป็นอารมณ์โมโหแทน

ผมยืนมึนอยู่ 2 นาทีได้ จะเดินไปว่าน้องเขาเราก็อาย เกิดมีเรื่องมาเด็กจะต่อยหน้าไหม เอาวะตรูไม่ได้ขึ้นทุกวันซะหน่อยเอาให้เทิดเทิงไปเลย

ว่าแล้วผมก็เดินไปที่น้องเขาละพูดเบาๆแบบได้ยินกัน 2 คนเลย "น้องครับพอดีพี่ลุกให้ป้าเขานั่งอะ" น้องเิงิยหน้ามามองกวนๆ แล้วอ่านหนังสือ

เตรียมเอ็นฯต่อ(การ์ตูนนะมืงจาเอ็นฯเข้ามหาลัยซีคิดหรือไงฟร้า) อารมณ์โมโหมากขึ้นอีกนิส คราวนี้จับต้นแขนเลย แล้วยกขึ้นพร้อมทั้ง

พูดดังเลยแบบ 2-3เมตรรอบตัวนี่ได้ยินหมดแน่ๆ "น้องพี่ลุกให้ป้าเขานั่งน้องจะมานั่งแทนไม่ได้นะ" แล้วหันไปบอกป้าเลย "ป้าครับว่างแล้ว"

บอกตรงๆเสียวโดนต่อยมาก แต่เท้าหลังเปิด เท้าหน้ายันเต็มพื้น เตรียทเทคถอยเผื่อโดนต่อย ตามทีไ่ด้เรียนมวยสากลมาตอน ม.4 เรียบร้อยแล้ว

ป้าเดินมานั่ง ดูผลงานเสร็จเดินลงรถป้ายต่อไปเลย ทั้งๆที่ยังไม่ถึงบ้าน ยอมรับเลยว่าอายมาก แต่ก็ไม่ได้ขึ้นทุกวันนิเหอๆๆ เจอตรูแค่ครั้งนี้หละฟระ

พอลงรถแล้วก็ขึ้นคันใหม่สายเดิมกลับบ้านต่อ (ผมลืมคิดถึงความรู้สึกป้าแก ว่าแกจะอายไหมลืมเลย (-.-"))

เมื่อก่อนตอนผมเรียนมหาลัยและมัธยม มันเป็นธรรมดามากกับการที่ผู้ชายหรืผู้หญิงจะลุกให้คนแก่หรือคนท้องนั่ง แต่ทำไมทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้ไปได้

ปล.เอาจริงๆเลยผมมานั่งคิด น้องเขานั่งก็เป็นสิทธิ์ของเขา ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกให้น้องเขาลุก แต่ด้วยตอนนั้นอารมณ์โกรธปนด้วย มันไม่ควรเลย

ปล2.มานั่งคิดอีกทีก็ไม่รู้สึกผิดมากพอดีพ่อสอนว่า "อย่าทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ แต่จงทำตัวเป็นลูกผู้ชาย" เออเรื่องแบบนี้มันต้องมีกันบ้าง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
จะลุกให้ใครนั่งต้องมีเทคนิคหน่อยครับ
หลัก ๆ เลยก็อย่าลุกเดินออกไปไกลจากเก้าอี้
ให้ยืนบังหรือกั้นเก้าอี้นั้นไว้ก่อน แล้วค่อยส่งเสียงเชิญให้เป้าหมายมานั่ง
เพื่อแสดงให้คนอื่นในรถรู้ว่าเราสละที่นั่งให้ใคร
เพราะถ้าลุกพรวดพราดไปแบบจขกท. จะทำให้บางคนคิดว่าที่นั่งว่างแล้ว
ความคิดเห็นที่ 17
เคยลุกให้ยายนั่ง
ผม : ยายครับ นั่งเลยครับ
ยาย : (ขึ้นเสียง) กรูยังไม่แก่โว้ย
ผม : ...
ความคิดเห็นที่ 9
ผมนึกถึงสมัยยังเรียนเทคนิคอยู่เลย    ในชุดเสื้อช็อป  ขึ้น ปอ.7 (507 ปัจจุบัน)  ช่วงแรกที่ผมขึ้นต้นสายรถยังว่าง  แต่พอถึงพาต้าคนขึ้นยืนกันเต็มคัน  ช่วงกองสลากมีผู้หญิงท้องขึ้นมา  ผมก็ลุกขึ้นไปเอื้อมสะกิดให้เค้ามานั่ง  แต่ระยะก็น่าจะพอๆ กัน  สักเมตรนึงได้   พอผมหันกลับมาก็มีระดับคุณนายไฮโซ ผมทรงรังนกมานั่งแทนแล้ว  ผมก็บอกขอที่นั่งคืนเหมือน จขกท.  แต่คุณนายกลับเฉย   สุดท้ายผมก็ต้องเข้าลายช่างกลตามเสื้อช็อปที่ใส่มา  ยืนขวางเบาะ เข่าผมชนขาเธอ ตัวผมสูงใหญ่ 187 เซน. โน้มมองหน้าตาไม่กระพริบ บิดคอเล็กน้อยค้ำหัวคุณนาย  แววตาช่างกลหาเรื่องเต็มที่  ชายเสื้อช็อปที่ไม่ได้ติดกระดุมถูกับผมทรงรังนกของเธอ  ......  เพียงนาทีเดียว  คุณนายเกร็งตัวสั่น เหงื่อซึม  คว้าเอาพระที่ห้อยคอมาหลับตายกมือไหว้ด้วยความกลัว  พอถึงแค่ป้ายใกล้คลองหลอด  คุณนายรีบแทรกตัวเบียดลงรถจังหวะประตูเปิดทันที   ......  และผมก็เปลี่ยนสไตล์  ยิ้มหวานๆ ให้สาวท้องคนนั้นให้เธอได้นั่ง  ...... สบายใจ  ^_^


อ้อ ... มีเรื่องตลกในการขึ้นรถเมล์อีกเรื่องนึง  เรื่องการจองที่นั่ง  ผมจะขึ้นสาย 203 ประจำ    รอซ่ะนาน  พอรถมา  ผมขึ้นประตูช่องด้านขวา  คุณยายแก่ๆ ขึ้นประตูช่องด้านซ้ายพร้อมๆ กัน   ผมมองไปทั่วรถ  มีเหลืออยู่ที่นั่งเดียวขวามือผม  ด้านที่เป็นแถวตัวเดียวฝั่งขวาของรถ  เข้าด้านในรถเล็กน้อย  ผมก็ไม่รีบเดินไปนั่งหรอกครับ  เพราะเดี๋ยวก็ลงแล้ว  แต่ปรากฏว่าคุณยายด้วยความที่อาบน้ำร้อนมาก่อนผม  ตามองเห็นที่นั่งนั้นพร้อมๆ กัน  แต่ด้วยพละกำลังที่น้อยกว่า  คงจะเคลื่อนที่ไปยังเก้าอี้ว่างตัวนั้นช้า  ก็เลย ...........  โยนถุงพลาสติกใส่ของไปล่วงหน้าลงบนเก้าอี้  แม่นซ่ะด้วย  แล้วก็เดินจับที่จับพนักพิงไปอย่างช้าๆ สบายใจ    แก่แล้วแต่ใจยังไวนะคุณยาย  หัวเราะหัวเราะหัวเราะ
ความคิดเห็นที่ 40
ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการลุกให้นั่งนะครับ

แต่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินที่ลักษณะของคน ไม่ได้ตัดสินจากเหตุการณ์ที่เกิด
พูดง่ายๆ คุณจะไปเหมาว่าคนที่ไม่ลุกเป็นคนเห็นแก่ตัว เท่านั้นไม่ได้นะครับ

ไม่ขอเล่าในเคสนี้ ขอเล่าในเคสอื่นๆ
เช่น คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่นั่งไม่ยอมลุก เขาอาจเจ็บขาหรือเปล่า
ในเมื่อสัญลักษณ์ของความเจ็บนั้นมันไม่ได้แสดงออกทางกายภาพเหมือนความชราหรือการตั้งครรภ์
หรือเขาอาจจะป่วยจนแทบยืนไม่ได้
โอเคมันอาจฟังเพ้อเจ้อแต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันก็มีจริงไหมครับ?

ผมคนนึงล่ะที่เคยเจ็บขามากๆจากการซ้อมกีฬา แล้วต้องนั่งบนรถไฟฟ้า จังหวะดีที่ตอนนั้นมีที่นั่ง ถ้าผมขึ้นไปในตอนที่ไม่มีที่นั่ง ผมก็ต้องทนยืนเจ็บไปแบบนั้น แต่พวกคุณก็ตัดสินกันเองว่าผมเป็นปกติดี อย่างนั้นหรือครับ? หรือผมควรเดินไปบอกว่าผมเจ็บมากนะ?
ผมว่ามันไม่ยุติธรรมกับคนบางคนครับตรรกะแบบนี้

ผมว่าสังคมไทยมันก้าวเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ที่ทุกคนเริ่มคิดถึงสิทธิของตัวเองมากขึ้น
แต่ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ยังตามความคิดนั้นไม่ทัน
ความคิดเห็นที่ 4
ทำดีไม่ต้องอายครับ.  คนส่วนมากมักอายแบบนี้แหละเลยไม่ได้ทำความดีกัน. ทั้งๆที่จิตใจดี

3-4 วันที่แล้วผมก็เหมือนคุณนั่นแหละ. นำรถเข้า  0. แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปที่ร้าน   ระหว่างทางมีคุณป้าขึ้นมา. มองไม่เห็นที่ว่าง  ผมเตรียมตัวจะลุกให้แล้ว  แต่ป้าเดินจากประตูกลางไปด้านหน้า  (ผมนั่งทางด้านหลัง) ไปยืนเกาะใกล้ๆคนขับ  ผมนั่งคิดว่าจะเดินไปบอกป้าให้มานั่ง  แต่ผมก็ไม่ได้ทำแบบที่ใจคิด  พอถึงประตูน้ำป้าก็ได้นั่ง  หากป้าไม่ได้นั่งผมคงนั่งไม่เป็นสุขแน่


เยี่ยมเยี่ยม. ให้ จขกท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่