Vampire Bangkok แวมไพร์ แบ็งค๊อก
ใช่แล้วผมไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่มีตัวตนในสังคมของมนุษย์ สามารถไปไหนมาไหนได้ ไม่ต้องคอยหลบซ่อนอีกต่อไป
ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรมากไปกว่าสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้มันเป็นสิ่งที่ยากก็ตาม
“ผมจะทำอย่างไรดี”
ในขณะครุ่นคิด ความสับสันก็พรุ่งพล่านเข้ามา
“ไม่ซินะ ความผิดพลาดครั้งนี้มันเกิดจากความจำเป็น ไม่ใช่ความตั้งใจของเรา”
ใช่แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะกินเลือดของมนุษย์ และไม่ได้อยากสร้างพวกมนุษย์ให้เป็นพวกเรา
พวกเราได้ยุติเรื่องนี้มานานนับร้อยๆ ปีแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
ทำอย่างไรได้กับเหตุการณ์อย่างนั้น...............
............ เ มื่ อ ส า ม วั น ที่ แ ล้ ว ............
“เอ้าๆ พวกเราอีกไม่นานก็จะถึงหุบเขาแล้วนะ แหม วันนี้สนุกกันจริงๆ เอ้า ดื่มหน่อยๆ”
เสียงคนนำทีมมาเที่ยวที่เมืองกาญจนบุรี เอ่ยขึ้นในขณะหลายๆ คนกำลังจะหลับ หลังจากขึ้นไปเที่ยวที่สังขละบุรี
“ช่วงเลี้ยวตรงเขานี้อันตรายนะ” คนหนึงเอ่ยขึ้น
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน ในใจคงพลันนึกว่า ปากเสีย จริงๆ
“พวกที่ยังไม่หลับ มาดื่มกันหน่อย อีกเดี๋ยวก็ถึงที่กินอาหารกันแล้ว”
ความสนุกกับความเพลิดเพลินในการเที่ยวครั้งนี้มันสนุกสนานมาก แต่ผมไม่ได้มากับพวกเค้า
แค่เป็นต้นสายที่อาศัยเดินทางไปกรุงเทพด้วยเท่านั้น
“พ่อหนุ่มที่ขึ้นมาใหม่นะ ชื่ออะไรละเราอ่ะ” ชายคนหนึงอายุราวๆ ลุงถามผม
“อาร์ทครับ”
“อ๋อ เหรอๆ แล้วจะติดรถไปกรุงเทพ ไปทำอะไรที่นั่นละ หรือไปเที่ยว”
“ไปทำงานครับ พอดีมีเพื่อนรู้จักกันมาเที่ยวกับทัวร์นี้ ผมก็เลยขอติดไปกรุงเทพด้วยครับ”
นัทคนที่ผมรู้จักมาสองปีเมื่อครั้งนั้นนัทก็มาเที่ยวแถวนี้กับเพื่อนๆ ที่กรุงเทพ และได้รู้จักกับผมและก็สนิทคุ้นเคยกัน
ผมช่วยพวกเขาพาเที่ยวหลายที่ในสังขละบุรีและให้ทุกคนมาพักที่บ้านผมโดยไม่ได้คิดราคาค่างวดอะไร
ก่อนลากลับนัทก็ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกัน หลังจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาตลอด
นัทบอกว่าเผื่อผมอยากเดินทางไปเที่ยวกรุงเทพ จะได้ไปพักที่บ้านของเขาได้
ครั้งนี้นัทกับเพื่อนมาเที่ยวกับคณะทัวร์ และได้ติดต่อบอกกับผมเพื่อนัดเจอกัน ผมบอกกับนัทว่าอยากจะเข้าไปทำงานที่กรุงเทพ
จะติดรถกลับไปด้วยได้หรือเปล่า นัทก็ดำเนินการขอเป็นส่วนเพิ่มขากลับกรุงเทพให้ ผมจึงได้เดินทางติดรถไปกรุงเทพด้วยในครั้งนี้
“อืมม ก็ดีนะไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองกรุง แตกต่างกันเยอะกับที่นี่ ที่นี่ธรรมชาติสวยงาม” น้าคนข้างๆ พูดเสริม
“ครับ”
“เอ้า แล้วเราละ กินเหล้าเป็นเปล่า มา มะ มากินด้วยกัน”
“อ่า ไม่ละครับ ผมไม่ถนัดเท่าไร” ผมปฏิเสธไป
“แล้วอายุเท่าไรแล้วละค่ะ” หญิงสาวคนหนึงในคณะทัวร์ถามขึ้น
“อายุ 24 แล้ว อายุเท่ากันกับผมนี่แหละน้า” นัทลืมตาขึ้นมาตอบหลังจากที่หลับเพื่อพักสายตา
“เหรอ เออ ดีๆ เป็นเพื่อนกัน รุ่นเดียวกันมีอะไรจะได้ปรึกษากันได้ ช่วยๆ กันแหละดีแล้ว”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้
“เป็นงัยบ้างนาย ตื่นเต้นเปล่าได้เดินทางเข้ากรุงเทพครั้งแรก” นัทถามผม
“อืมม ตื่นเต้นดิ แต่ก็เบาใจที่ได้รู้จักกับนัทนะ ไปถึงแล้วยังมีเพื่อนด้วยค่อยยังชั่วหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เราจะดูแลนายอย่างเต็มที่ ตอบแทนที่นายเคยดูแลเรากับเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวเมื่อครั้งที่แล้ว”
นัทพูดเสร็จเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ เพื่อให้ผมหายกังวล
“ขอบใจนายมากนะนัท” ผมพยักหน้า และยิ้มให้กับนัท
“เรายังจำได้ที่นายพาเราไปเที่ยวที่ด่านเจดีย์สามองค์ ครั้งนั้นถ้าไม่มีนายเราคงไปไม่ถูกแน่ๆ ฮ่าๆๆ”
“ใช่ๆ ก็นายกับเพื่อนเล่นมาเที่ยวแบบแบ็คแพ็กกัน ก็ต้องหลงกันเป็นธรรมดาอะนัท”
“นั่นซินะ ฮ่าๆๆ นึกแล้วก็ขำนะ หารถเดินทางไม่ได้เลย ว่าจะไปพักแถวนั้นเขาก็บอกว่าไม่มีโรงแรม เล่นเอาเครียดกันไปเลย
ตอนแรกถ้าไม่เจอนาย พวกเรากะจะไปขอพักที่วัดอ่ะตอนนั้น”
“ ฮ่าๆๆ จำได้ๆ ตอนนั้นเราขับรถผ่านมาพอดี พวกนายโบกรถเรา แล้วนายก็เดินเข้ามาถามหาวัดกับเรา
พอคุยกันเราถึงได้รู้ว่านายกับเพื่อนๆ ไม่มีที่นอนกัน”
“ใช่แล้วอาร์ท ถ้าไม่ได้นายพวกเราต้องนอนกลางดินกันแน่เลย เพราะวัดแถวนั้นไม่มี เราโชคดีมากที่ได้เจอกับนายตอนนั้นนะ
แล้วหลังจากนั่นนายยังเป็นไกด์นำพวกเราเที่ยวอีก ขอบคุณนายมากๆ อาร์ท”
“อืมม ไม่เป็นไรหรอกนัท ครั้งนี้เราเลยได้พึ่งพานายบ้าง”
ผมมองหน้านัท นัทยิ้มตอบให้เหมือนบอกว่าให้สบายใจได้ ไม่ต้องกังวลอะไร
“เออ อาร์ทเราถามอะไรนายหน่อยซิ”
“ฮึ อะไรเหรอนัท”
“แล้วนาย.............”
อาร์ทเอ่ยถามผมยังไม่ทันขาดขำ
“พี่ๆ ระวัง !!!! “ เสียงเด็กรถตะโกนบอกคนขับสุดเสียง
Vampire Bangkok แวมไพร์ แบ็งค๊อก (ตอนที่ 1)
ใช่แล้วผมไม่ได้ต้องการอะไรมาก แค่มีตัวตนในสังคมของมนุษย์ สามารถไปไหนมาไหนได้ ไม่ต้องคอยหลบซ่อนอีกต่อไป
ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรมากไปกว่าสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้มันเป็นสิ่งที่ยากก็ตาม
“ผมจะทำอย่างไรดี”
ในขณะครุ่นคิด ความสับสันก็พรุ่งพล่านเข้ามา
“ไม่ซินะ ความผิดพลาดครั้งนี้มันเกิดจากความจำเป็น ไม่ใช่ความตั้งใจของเรา”
ใช่แล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะกินเลือดของมนุษย์ และไม่ได้อยากสร้างพวกมนุษย์ให้เป็นพวกเรา
พวกเราได้ยุติเรื่องนี้มานานนับร้อยๆ ปีแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
ทำอย่างไรได้กับเหตุการณ์อย่างนั้น...............
............ เ มื่ อ ส า ม วั น ที่ แ ล้ ว ............
“เอ้าๆ พวกเราอีกไม่นานก็จะถึงหุบเขาแล้วนะ แหม วันนี้สนุกกันจริงๆ เอ้า ดื่มหน่อยๆ”
เสียงคนนำทีมมาเที่ยวที่เมืองกาญจนบุรี เอ่ยขึ้นในขณะหลายๆ คนกำลังจะหลับ หลังจากขึ้นไปเที่ยวที่สังขละบุรี
“ช่วงเลี้ยวตรงเขานี้อันตรายนะ” คนหนึงเอ่ยขึ้น
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน ในใจคงพลันนึกว่า ปากเสีย จริงๆ
“พวกที่ยังไม่หลับ มาดื่มกันหน่อย อีกเดี๋ยวก็ถึงที่กินอาหารกันแล้ว”
ความสนุกกับความเพลิดเพลินในการเที่ยวครั้งนี้มันสนุกสนานมาก แต่ผมไม่ได้มากับพวกเค้า
แค่เป็นต้นสายที่อาศัยเดินทางไปกรุงเทพด้วยเท่านั้น
“พ่อหนุ่มที่ขึ้นมาใหม่นะ ชื่ออะไรละเราอ่ะ” ชายคนหนึงอายุราวๆ ลุงถามผม
“อาร์ทครับ”
“อ๋อ เหรอๆ แล้วจะติดรถไปกรุงเทพ ไปทำอะไรที่นั่นละ หรือไปเที่ยว”
“ไปทำงานครับ พอดีมีเพื่อนรู้จักกันมาเที่ยวกับทัวร์นี้ ผมก็เลยขอติดไปกรุงเทพด้วยครับ”
นัทคนที่ผมรู้จักมาสองปีเมื่อครั้งนั้นนัทก็มาเที่ยวแถวนี้กับเพื่อนๆ ที่กรุงเทพ และได้รู้จักกับผมและก็สนิทคุ้นเคยกัน
ผมช่วยพวกเขาพาเที่ยวหลายที่ในสังขละบุรีและให้ทุกคนมาพักที่บ้านผมโดยไม่ได้คิดราคาค่างวดอะไร
ก่อนลากลับนัทก็ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกัน หลังจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาตลอด
นัทบอกว่าเผื่อผมอยากเดินทางไปเที่ยวกรุงเทพ จะได้ไปพักที่บ้านของเขาได้
ครั้งนี้นัทกับเพื่อนมาเที่ยวกับคณะทัวร์ และได้ติดต่อบอกกับผมเพื่อนัดเจอกัน ผมบอกกับนัทว่าอยากจะเข้าไปทำงานที่กรุงเทพ
จะติดรถกลับไปด้วยได้หรือเปล่า นัทก็ดำเนินการขอเป็นส่วนเพิ่มขากลับกรุงเทพให้ ผมจึงได้เดินทางติดรถไปกรุงเทพด้วยในครั้งนี้
“อืมม ก็ดีนะไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองกรุง แตกต่างกันเยอะกับที่นี่ ที่นี่ธรรมชาติสวยงาม” น้าคนข้างๆ พูดเสริม
“ครับ”
“เอ้า แล้วเราละ กินเหล้าเป็นเปล่า มา มะ มากินด้วยกัน”
“อ่า ไม่ละครับ ผมไม่ถนัดเท่าไร” ผมปฏิเสธไป
“แล้วอายุเท่าไรแล้วละค่ะ” หญิงสาวคนหนึงในคณะทัวร์ถามขึ้น
“อายุ 24 แล้ว อายุเท่ากันกับผมนี่แหละน้า” นัทลืมตาขึ้นมาตอบหลังจากที่หลับเพื่อพักสายตา
“เหรอ เออ ดีๆ เป็นเพื่อนกัน รุ่นเดียวกันมีอะไรจะได้ปรึกษากันได้ ช่วยๆ กันแหละดีแล้ว”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้
“เป็นงัยบ้างนาย ตื่นเต้นเปล่าได้เดินทางเข้ากรุงเทพครั้งแรก” นัทถามผม
“อืมม ตื่นเต้นดิ แต่ก็เบาใจที่ได้รู้จักกับนัทนะ ไปถึงแล้วยังมีเพื่อนด้วยค่อยยังชั่วหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เราจะดูแลนายอย่างเต็มที่ ตอบแทนที่นายเคยดูแลเรากับเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวเมื่อครั้งที่แล้ว”
นัทพูดเสร็จเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ เพื่อให้ผมหายกังวล
“ขอบใจนายมากนะนัท” ผมพยักหน้า และยิ้มให้กับนัท
“เรายังจำได้ที่นายพาเราไปเที่ยวที่ด่านเจดีย์สามองค์ ครั้งนั้นถ้าไม่มีนายเราคงไปไม่ถูกแน่ๆ ฮ่าๆๆ”
“ใช่ๆ ก็นายกับเพื่อนเล่นมาเที่ยวแบบแบ็คแพ็กกัน ก็ต้องหลงกันเป็นธรรมดาอะนัท”
“นั่นซินะ ฮ่าๆๆ นึกแล้วก็ขำนะ หารถเดินทางไม่ได้เลย ว่าจะไปพักแถวนั้นเขาก็บอกว่าไม่มีโรงแรม เล่นเอาเครียดกันไปเลย
ตอนแรกถ้าไม่เจอนาย พวกเรากะจะไปขอพักที่วัดอ่ะตอนนั้น”
“ ฮ่าๆๆ จำได้ๆ ตอนนั้นเราขับรถผ่านมาพอดี พวกนายโบกรถเรา แล้วนายก็เดินเข้ามาถามหาวัดกับเรา
พอคุยกันเราถึงได้รู้ว่านายกับเพื่อนๆ ไม่มีที่นอนกัน”
“ใช่แล้วอาร์ท ถ้าไม่ได้นายพวกเราต้องนอนกลางดินกันแน่เลย เพราะวัดแถวนั้นไม่มี เราโชคดีมากที่ได้เจอกับนายตอนนั้นนะ
แล้วหลังจากนั่นนายยังเป็นไกด์นำพวกเราเที่ยวอีก ขอบคุณนายมากๆ อาร์ท”
“อืมม ไม่เป็นไรหรอกนัท ครั้งนี้เราเลยได้พึ่งพานายบ้าง”
ผมมองหน้านัท นัทยิ้มตอบให้เหมือนบอกว่าให้สบายใจได้ ไม่ต้องกังวลอะไร
“เออ อาร์ทเราถามอะไรนายหน่อยซิ”
“ฮึ อะไรเหรอนัท”
“แล้วนาย.............”
อาร์ทเอ่ยถามผมยังไม่ทันขาดขำ
“พี่ๆ ระวัง !!!! “ เสียงเด็กรถตะโกนบอกคนขับสุดเสียง