GRAVITY
ช่างใจนานมาก เพราะปกติดูหนังไม่เกิน 150 บาท
แต่เรื่องนี้ คัวร่อง กับ ลูเบลกี้ และ 3D
มันมีความรู้สึกว่า เม๊กซิกันแท้ๆ พลเมืองชั้น3
ฝ่าฟันอะไรหลายๆอย่างมา จนยืนอยู่จุดนี้ได้
เท่านี้มันก็ไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่งกับเทคโนโลยีสุดฮิตของยุคนี้
เชื่อสุดใจว่า สองคนนี้ เป็นคนใช้เทคโนโลยี
มากกว่า ถูกเทคโนโลยี่ใช้ เหมือนนักสร้างหนังรุ่นพี่อย่าง
เจม คาเมร่อน และ ปีเตอร์ แจ๊คสัน
พูดถึงสองคนนี้ แน่นอนไม่ต้องสืบว่า สองคนนี้
เป็นนักเล่าเรื่องที้เก่งมากๆมาก่อน แต่ของใช้ไปนานวันย่อมมีหมด
และถูกทดแทนด้วยพลังต่อรอง กับ อำนาจเสกเงินมหาศาล
ทำให้สองคนนี้ขยับไปทำประโยชน์กับวงการด้วยการเป็น
วิศวกรรมภาพยนตร์ไป
และ คัวร่อง ก็มารับเทคโนโลยีนำไปใช้อย่างสมบรูณ์แบบ
อ่านเกร็ดหนัง เขาบอกว่าต้องรอให้เทคโนโลยี่ที่ว่านี้ถึง 4 ปี
จึงตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้ ให้ได้อย่างใจคิด
และนี่คือความแตกต่างของ นักสร้างหนังระดับโลก
ที่มาจาก ประเทศกำลังพัฒนาเหมือนเรา แต่ที่เขาทำได้
เพราะเขา มุ่งมั่น จริงจัง เปิดกว้าง และ ไม่รีบ
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ประสปการณ์การดูหนังในแบบ3D
ที่เล่าเรื่องพื้นๆได้โคตรสนุก
ผู้เขียนเคย ยี้ หนัง3D เพราะหนัง 3Dในยุคกแรกๆ
ไม่เน้นเรื่องและการเล่าเรื่อง พวกเขาเน้นแค่ว่า
จะปาอะไรใส่หน้าคนดูดี นักสร้างหนัง3Dในยุคแรกๆ
ส่วนมากจึงเป็นพวกเกรดบี แม้กระทั้งต้นตำหรับ เจม คาเมร่อน
ก็ทำ AVATA มาเน้นโชว์งานเทคนิค มากกว่าจะ เน้นการเล่าเรื่อง
หนัง3D ที่ทุบอคติผู้เขียนคือเรื่อง HUGO ของ ลุงสกอเซเซ่
ที่มีการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยอคติ ผู้เขียนจึงพลาดดู HUGO
ในรูปแบบ 3D
นั่นทำให้ผู้เขียนฉุกคิดได้กับ GRAVITY ถึงกับช่างใจว่าจะเอาไงดี
ใจก็โอนเอียงมาทาง 3D เยอะกว่าแหละ แต่ก็ยากเข้าไปอีก
เมื่อแฟนหนัง ใน กลุ่มคน คุยหนัง บอกว่ามันต้อง IMAX !!!
โธ่ แค่3D ค่าตั๋ว200กว่ายังทำใจอยู่นาน นี่ IMAX 300กว่าบาทเลย
สุดท้าย กลัวมานั่งเสียใจอย่างตอน HUGO
เลยยอมเสีย350 อะไรมันจะดีเท่าลองเอง จริงไหม !!!
ซึ่งพอลองแล้ว เดินออกมาจากโรงหนังค่าตั๋ว 350 เหมือนราคา 35
มันเป็นประสปการณ์ใหม่ ในการดูหนังจริงๆ
ในการที่จะเรียกคนที่มีจอยักษ์พร้อมระบบ3Dโฮมเธียเตอร์ ออกมาเสียตังแพงๆ
ซึ่งคงมีแต่ประเทศ อเมริกา ดินแดนแห่งโอกาส สำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้และขยัน
สองเม๊กซิกันแท้ๆ อย่าง คัวร่อง กับ ลูเบลสกี้ จริงได้ใช้ทักษะของเขาอย่างเต็มที่
แต่นึกภาพไม่ออก ถ้ามาตกฟากแถวนี้ คง............... อิอิ
ชอบหนัง หาที่คุยหนัง มาคุยกันที่
กลุ่มคน คุยหนัง >>
https://www.facebook.com/groups/283245768487626/339998219479047/?comment_id=340007032811499¬if_t=like
๙๙ GRAVITY จากมุมมองของคนทำหนัง (ไม่เปิดเผยเนื้อหา อะไรเล้ยย)
ช่างใจนานมาก เพราะปกติดูหนังไม่เกิน 150 บาท
แต่เรื่องนี้ คัวร่อง กับ ลูเบลกี้ และ 3D
มันมีความรู้สึกว่า เม๊กซิกันแท้ๆ พลเมืองชั้น3
ฝ่าฟันอะไรหลายๆอย่างมา จนยืนอยู่จุดนี้ได้
เท่านี้มันก็ไม่ธรรมดาแล้ว ยิ่งกับเทคโนโลยีสุดฮิตของยุคนี้
เชื่อสุดใจว่า สองคนนี้ เป็นคนใช้เทคโนโลยี
มากกว่า ถูกเทคโนโลยี่ใช้ เหมือนนักสร้างหนังรุ่นพี่อย่าง
เจม คาเมร่อน และ ปีเตอร์ แจ๊คสัน
พูดถึงสองคนนี้ แน่นอนไม่ต้องสืบว่า สองคนนี้
เป็นนักเล่าเรื่องที้เก่งมากๆมาก่อน แต่ของใช้ไปนานวันย่อมมีหมด
และถูกทดแทนด้วยพลังต่อรอง กับ อำนาจเสกเงินมหาศาล
ทำให้สองคนนี้ขยับไปทำประโยชน์กับวงการด้วยการเป็น
วิศวกรรมภาพยนตร์ไป
และ คัวร่อง ก็มารับเทคโนโลยีนำไปใช้อย่างสมบรูณ์แบบ
อ่านเกร็ดหนัง เขาบอกว่าต้องรอให้เทคโนโลยี่ที่ว่านี้ถึง 4 ปี
จึงตัดสินใจทำหนังเรื่องนี้ ให้ได้อย่างใจคิด
และนี่คือความแตกต่างของ นักสร้างหนังระดับโลก
ที่มาจาก ประเทศกำลังพัฒนาเหมือนเรา แต่ที่เขาทำได้
เพราะเขา มุ่งมั่น จริงจัง เปิดกว้าง และ ไม่รีบ
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ประสปการณ์การดูหนังในแบบ3D
ที่เล่าเรื่องพื้นๆได้โคตรสนุก
ผู้เขียนเคย ยี้ หนัง3D เพราะหนัง 3Dในยุคกแรกๆ
ไม่เน้นเรื่องและการเล่าเรื่อง พวกเขาเน้นแค่ว่า
จะปาอะไรใส่หน้าคนดูดี นักสร้างหนัง3Dในยุคแรกๆ
ส่วนมากจึงเป็นพวกเกรดบี แม้กระทั้งต้นตำหรับ เจม คาเมร่อน
ก็ทำ AVATA มาเน้นโชว์งานเทคนิค มากกว่าจะ เน้นการเล่าเรื่อง
หนัง3D ที่ทุบอคติผู้เขียนคือเรื่อง HUGO ของ ลุงสกอเซเซ่
ที่มีการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยอคติ ผู้เขียนจึงพลาดดู HUGO
ในรูปแบบ 3D
นั่นทำให้ผู้เขียนฉุกคิดได้กับ GRAVITY ถึงกับช่างใจว่าจะเอาไงดี
ใจก็โอนเอียงมาทาง 3D เยอะกว่าแหละ แต่ก็ยากเข้าไปอีก
เมื่อแฟนหนัง ใน กลุ่มคน คุยหนัง บอกว่ามันต้อง IMAX !!!
โธ่ แค่3D ค่าตั๋ว200กว่ายังทำใจอยู่นาน นี่ IMAX 300กว่าบาทเลย
สุดท้าย กลัวมานั่งเสียใจอย่างตอน HUGO
เลยยอมเสีย350 อะไรมันจะดีเท่าลองเอง จริงไหม !!!
ซึ่งพอลองแล้ว เดินออกมาจากโรงหนังค่าตั๋ว 350 เหมือนราคา 35
มันเป็นประสปการณ์ใหม่ ในการดูหนังจริงๆ
ในการที่จะเรียกคนที่มีจอยักษ์พร้อมระบบ3Dโฮมเธียเตอร์ ออกมาเสียตังแพงๆ
ซึ่งคงมีแต่ประเทศ อเมริกา ดินแดนแห่งโอกาส สำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้และขยัน
สองเม๊กซิกันแท้ๆ อย่าง คัวร่อง กับ ลูเบลสกี้ จริงได้ใช้ทักษะของเขาอย่างเต็มที่
แต่นึกภาพไม่ออก ถ้ามาตกฟากแถวนี้ คง............... อิอิ
ชอบหนัง หาที่คุยหนัง มาคุยกันที่
กลุ่มคน คุยหนัง >> https://www.facebook.com/groups/283245768487626/339998219479047/?comment_id=340007032811499¬if_t=like