" เพลงยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเต้นเหนื่อยเปล่า พอเพลงสนุกๆมา หมดแรงเหนื่อยเต้นไม่ไหว "

กระทู้สนทนา
บ่อยครั้งค่ะ ที่เราแต่งตัวเตรียมตัวเต็มที่ คึกคัก เพื่อไปงานเลี้ยง ในงานเลี้ยงมีของอร่อยๆมากมาย มองไปทางไหน ก็ลานตาไปหมด ของกินเพียบกินจนอิ่ม ห่อกลับบ้านฝากครอบครัวก็ได้ เจ้าภาพมาต้อนรับถึงที่ ประหนึ่งคุณเป็นบุคคลสำคัญ บางท่านอาจจะได้รับเชิญให้ไป " ตัดริบบิ้นเปิดงาน ( ซื้อไม้แรก ) "  นั่นเป็นเพราะว่า เจ้าของงานเขาแจกการ์ดเชิญไงคะ +++ เปรียบได้กลับ หุ้นที่เรารู้จักมักคุ้นกับเจ้ามือเป็นอย่างดี ซี้กัน เขามาบอกด้วยตัวเองเข้าซื้อตรงนี้นะ แล้วไปรอขายตรงนี้ .... ค่ะ ในกรณีแบบนี้ มีจริงๆค่ะ แต่ เป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ ที่จะโชคดีแบบนี้ แต่ที่ ดิฉันเห็นส่วนใหญ่เป็นเคสนี้ค่ะ. คือ

ซื้อตั๋ว เข้าไปชมเอง เตรียมน้ำ ขนมไปกินเอง แถมตอนเข้ายังต้องไปยืนรอแถว ( bid ) เพื่อเจ้างานอีก การ์ดก็ดุ โหด ผลักๆดันๆ ( ตบขึ้นตบลง ) พอเข้าไปนั่งรอในงาน ( ถือรอเวลาหุ้นขึ้น ) ก็นั่งกินน้ำ ขนมรอ ก็แล้ว คุยกับเพื่ิอนก็แล้ว เพื่อนก็บ่น ว่าไม่รู้จะชวนมาทำไม คอนเสริตยังไม่เริ่มเลย นั่งตบยุงแกล่วอยู่นั่น บางคนถึงกลับพาญาติผู้ใหญ่มาด้วย ( ชวนเพื่อน ชวนเจ้านายเข้าซื้อหวังได้หน้าเวลาหุ้นขึ้น )  เสียหน้าสิคะ สักพักมีดีเจประกาศว่ามีนักร้องคั่นเวลา มา 1 เบรค ( ราคาหุ้นขึ้นไป 1-2 ช่อง ) ก็ดีใจค่ะ เต้นกันสนั่น เต้นเอาเป็นเอาตาย พอเพลงคั่นเวลาจบลง แทนที่จะหยุดก็พอกันเต้นต่อ เต้นรอ แถมมีสั่ง mixer เพิ่มกินรอพลาง ๆ ( ซื้อหุ้นเพิ่ม ) จนแล้วจนรอดคอนเสริตก็ไม่เริ่ม แถมไฟเสียไป 3-4 ดวง นักดนตรีก็เก็บกีตาร์เข้าหลังเวที พิธีกรก็ประกาศว่าเดี๋ยวมีวงใหม่ที่ดีกว่านี้ขึ้นโขว์รอ ( เจ้ามือทิ้งหุ้น และออกข่าวว่าไป take over นั่นนี่ ) สักพักก็ประกาศมาว่า วงดนตรีใหม่ที่ดีๆน่ะ เขาขอค่าจ้างเพิ่ม ( เพิ่มทุนหุ้น ) ผู้ชมด้วยความที่ เสียเวลารอมานานละ ก็เอาวะ นิดหน่อย ให้ๆไป เพื่อรอชมการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจ ( นักลงทุนตัดสินใจ ใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไป ) จากนั้นก็เปิดเพลงให้พอเป็นพิธี แต่ คนเต้นเริ่มเหนื่ิอยปนเซ็ง ( ไล่ราคาหุ้นขึ้นบ้างแต่ไม่ถึงทุนของ คนที่ซื้อไป เงินเริ่มหมด หุ้นก็ไม่แรงไม่ไล่ราคาสักที  ) สักพัก เพื่อนโทรมาบอกว่า เนี่ย .... วงข้างๆ เนี่ย ที่เขามาเที่ยว สนุกมากกกกก เต้นกันมันส์ คอนเสริ์ตใหญ่ เขาจ่ายตั๋วครั้งเดียว ดูได้ 3 วัน 3 คืน แถมในงาน มีแจกทอง แจกรางวัลมากมาย ( หุ้นอีกตัวที่ คนอื่นมีเราไม่มี ขึ้นเอาๆ วิ่งชนเพดาน สนุกสนานครื้นเครง กำไรเป็นกอบเป็นกำ ในขณะที่ตัวเองนั้น ไม่ได้เงินแถมเสียอีกต่างหาก  )

ผู้ใหญ่และเพื่อนที่ไปด้วย บ่นๆ อารมณ์เสีย แล้วขอตัวกลับบ้านก่อน เสียเวลา ปล่อยให้ตัวเองอยู่คนเดียวนั่งรอคอนเสริตไป ( ขาย cut loss ทิ้ง ในขณะที่คุณยังถือหุ้นอยู่  ) ___ มาถึงตรงนี้ คนจะมี 2 ประเภท คือ

1. กลัวเสียหน้า กลัวคนอื่นมาว่าตัวเองหลอกมาเที่ยว ยิ่งเห็นคนนั้น คนนี้ ทะยอยลุกหนีกลับกันหมด โหวงเหวงมาก  เพราะ พิธีกรด้านหน้ามาบอกว่า วงดนตรีที่เราจ้างไปน่ะกำลังเดินทาง เกิดอุบัติเหตุติดขัดนิดหน่อย ตอนนี้กำลังหาทางอยู่ว่าจะทำไงดี ผู้ชมบางคนที่มากะลูกน้องเป็นพรวน ก็โห่ไล่ข้างขวดน้ำ ใส่เวที ทีนี้คุณก็จะเสนอกับพิธีกรไปว่า เอางี้ ลื้อเอาเงินนี้ไปจ้างวงดนตรีวงใหม่มาสิ  ---- เปรียบได้กับ ...เมื่อคุณเห็นหุ้นลง ๆ ยิ่งลงยิ่งซื้อ แต่คนอื่นๆ เขายอมทิ้งหุ้นไป ระหว่างนั้นก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ ปลอบใจพวกเพิ่มทุน เช่น Demco  มีขาใหญ่เก็บหุ้นไม่พอใจก็สาดไม่ยั้ง ทีนี้คุณก็ใส่เพิ่มทุนหวังว่าหุ้นจะกลับมา ....สักพัก คอนเสริต นั้นได้เริ่มแสดงกันจริงๆค่ะ แต่เป็นแบบสยองขวัญ (ขั้นแย่ๆคือ  ทิ้งหุ้น จนลง floor )

2. บางคนที่ผิดหวังจากวงดนตรีนี้ ก็เห็นอีกวงเขาคึกคักมาก สนุกสนาน ฮึกเหิมค่ะ หวังจะทำให้คลายความเซ็งลงจากวงก่อนหน้า ลงได้ ก็ไม่รีรอ มุ่งหน้าไปหน้างาน จดๆจ่อๆ ล้วงกระเป๋ากางเกงออกมา นับเงิน เหลือนิดหน่อย เออ พอได้ๆ ก็จัดการซื้อตั๋วหน้างาน เข้าไป แต่หารู้ไม่นั่นน่ะเป็นความสนุกโค้งสุดท้ายละ เขาจะเลิกงานกันละ ---- เปรียบได้กับ คุณที่ขายขาดทุนหุ้นอีกตัวหนึ่งที่ไม่วิ่งขึ้นเลย แล้วมาเข้าหุ้นอีกตัวที่วิ่งกันสนุกสนานหูดับตับไหม้ วิ่งกันระนาว ทุ่มสุดตัวเพื่อหวังกำไรคืนมาบ้าง ชดเชยตัวเดืม แต่ กลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ คือเข้าไปปลายไม้แล้ว หุ้นเล่นกันมาจนถึงไหนๆละ บางคนเขาสนุกสนานเต้นกันจนงานเลิกขากลับนั่งรถสปอร์ตกลับ ทั้งๆที่ขามานั้น นั่นแท็คซี่ แต่คุณสิ ขามาขับเบนต์ ขากลับ ต้องนั่งวินมอไซต์กลับบ้าน บางคนติดใจ ไม่ยอมกลับบ้านช่อง นอนเฝ้าเวทีเลย เดือดร้อนเมียมาตามกลับบ้าน  ( ทะเลาะกับเมีย ) บางคนเดือดร้อนไปกู้ยืมเขามาจนเขาต้องมาตามเอาเงิน ( กรณี เล่น margin จนโดน force sell )

ค่ะ อันนี้ก็เป็นแง่คิด ที่หลายๆคนคงเคยเป็น และ ดิฉันเคยเป็นเหมือนกันค่ะ ทีนี้มานั่งคิดได้ เฮ้ย ... อันที่จริง ถ้าเราอยากสนุก เราก็สนุกได้นะ ถ้าเห็นคอนเสริตแบบนี้ โดยกันยืนแอบมองแอบฟัง ไม่ซื้อตั๋วเด็ดขาด เพราะหุ้นบางตัวซื้อตั๋วไปแล้วก็ได้แต้นั่งรอไปวันๆ ( ไม่มีปันผล ) แต่หุ้นบางตัว เราซื้อตั๋วแล้วยังสามารถเอาตั๋วไปแลกคูปองสมนาคุณได้ระหว่างรอคอนเสริตใหญ่บรรเลง  ( มีปันผล )

บางคนนั้นน่าสงสารมาก ที่ตัวเองเป็นนกน้อยในกรงทอง ที่ได้แต่ยืนมองลงมาข้างล่าง ดูคนอื่นเขาสนุกสนานกัน ครั้นจะลงมาด้วยก็เหนื่ิอย เพราะตึกที่อยู่สูงมาก มีentertain ครบวงจรทุกอย่าง แต่ขาดอิสรภาพ  ( เคสที่คนติดหุ้น Banpu 800 บาท แต่ก็ยังมีปันผลให้กิน สุขสบายแต่ไม่อิสระ )

บางคนก็น่าสงสารไม่แพ้กันที่ถูกกังขังอิสรภาพไม่พอ แถมยังเป็นทาสในเรือนเบี้ย ต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้นายกิน ตัวเองไม่เคยได้อะไรเลย เช่น คนที่ติดหุ้นปั่น เน่าๆ ที่ผลประกอบการก็แสนจะแย่ ปันผลไม่เคยมี แต่เพิ่มทุนทั้งชาติ

ดังนั้น การรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมกับตัวเองนั้นดีที่สุดค่ะ เพราะการก้าวตามจังหวะเสียงเพลง โยกย้ายส่ายสะโพกให้เข้ากับดนตรีได้นั้น มันสนุกกว่าเป็นไหนๆ รอแค่ว่า ดนตรีจังหวะของเราจะมา เอาท่วงทำนองที่ตัวเองชอบๆ แล้วจะมีแต่ความสุข สนุกสนาน ไม่เบื่อ ไม่เซ็ง ไม่ต้องไปผิดงาน !!! เฉกเช่นการลงทุนนั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าทุกรอบ เต้นรำก็เหมือนกัน ถ้าเจอจังหวะที่เราเป๊ะ มันก็เค้นถูกจังหวะ ก็ดูดี สง่างาม แต่ถ้าเพลงที่ไม่ถนัด ก็เต้นค่อมจังหวะ สะดุดล้มหัวทิ่ม เจ็บตัวอีก ดังนั้น จะซื้อหุ้นก็เหมือนกัน เลือกจังหวะที่ดีๆ แล้วเข้า จะได้กำไรงามๆ มาแบบง่ายๆ ไม่ต้องเหนื่อยลุ้น !!!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่