บ่มไวน์ใส่รัก บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/30777946
บทที่ ๒
ถึงแม้จะตั้งใจตื่นให้สายสมกับที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางทั้งวันเมื่อวานนี้ และยังไม่ต้องเริ่มทำงานในวันนี้ หากลิลลดาก็ลืมตาตื่นมาเช้ากว่าที่ตั้งใจไว้มากโข ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเวลาที่แตกต่างระหว่างควีนส์แลนด์และเวสเทิร์นออสเตรเลียก็ได้ ทำให้ร่างกายที่ยังชินกับเวลาของควีนส์แลนด์ ตื่นมาตั้งแต่ไก่โห่ของเวลาเวสเทิร์นออสเตรเลีย ก็ในตอนนั้นเวลาที่บ้านของหญิงสาวก็ปาไปเก้าโมงแล้วนี่นา
หลังตื่นตอน หญิงสาวชำระร่างกายและรื้อหาเสื้อผ้าจากกระเป๋าที่ทิ้งไว้บนพื้นตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะตัดสินใจหยิบเสื้อจัมพ์เปอร์ไหมพรมเข้ารูปสีแดงขึ้นมาสวม ตามด้วยกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรด อากาศยังไม่คลายความเย็นเท่าไรเลย หญิงสาวจึงหยิบผ้าพันคอสีขาวมาพันอย่างลวกๆ และจบการแต่งตัวที่รองเท้าบูทหนังสีดำครึ่งแข้ง และค้นหาแปรงแปรงผมที่จำได้ว่าจับยัดใส่ลงไปในมุมของกระเป๋าเดินทางสักมุมนี่ล่ะ
“เจอล่ะ” หญิงสาวรำพึง หยิบแปรงที่ซุกอยู่ในซอกกระเป๋าเดินตรงไปที่กระจกแบบเต็มตัวที่ตั้งอยู่มุมห้อง และเริ่มลงมือแปรงผม
เส้นผมตรงยาวสีน้ำตาลเข้มและมีประกายสีทองเมื่อทำมุมที่เหมาะสมกับแสงที่ตกกระทบ ซึ่งสะท้อนกลับมาจากกระจกเงาตรงหน้า เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากการผสมผสานอย่างลงตัว ระหว่างผมสีบลอนด์ของบิดาและสีดำของมารดา มารดาของเธอเป็นลูกสาวนักธุรกิจจากประเทศไทยที่มาเรียนมหาวิทยาลัยที่บริสเบน พบรักกับลูกชายเจ้าของไร่จากซันไชน์โคสท์ และกลายมาเป็นชาวไร่อย่างเต็มตัว ทิ้งทรัพย์สมบัติที่คุณตาคุณยายของเธอเตรียมไว้ให้อย่างไม่ใยดี
แม่มักจะเล่าเรื่องราวชีวิตรักระหว่างพ่อและแม่ให้เธอฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า หากวันหนึ่งเธอมีความรักกับใครสักคนที่อยู่ไกลแสนไกล เธอจะกล้าทิ้งทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจเหมือนอย่างที่แม่ทำหรือเปล่านะ
คิดอะไรเพ้อเจ้อ หาพ่อหนุ่มคนนั้นให้เจอก่อนเถอะ หญิงสาวเอ็ดตัวเองอย่างขำๆ หากแต่ความคิดกลับประหวัดไปถึงชายหนุ่มที่เธอเดินชนบนเครื่องบินอย่างช่วยไม่ได้
และหากหญิงสาวสามารถหยั่งรู้อนาคต เธอคงจะรู้ว่าจะไม่ได้สงสัยอีกนานนักหรอก
ลิลลดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา พบว่าเลยหกนาฬิกาไปไม่กี่นาที จึงรีบวางแปรงลงบนโต๊ะ กระโดดไปที่กระเป๋าเดินทางที่ยังวางอยู่บนพื้น คุ้ยหากระเป๋าเครื่องสำอางที่จำได้ว่าโยนลงไปในกระเป๋าเป็นอันดับสุดท้าย และเมื่อพบสิ่งที่ต้องการ ก็รีบเปิดแล้วหยิบลิปมันขึ้นมาทาปาก หยิกแก้มสองข้างให้เกิดสีเรื่อ จับยัดเสื้อผ้าที่ถูกรื้อและวางเรี่ยราดบนพื้นเข้ากระเป๋าและรูดซิปปิด และยกกระเป๋าโยนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
เดี๋ยวค่อยกลับมาจัด ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว หญิงสาวบอกตัวเอง จากนั้นหมุนตัวกลับไปที่เตียง ดึงผ้าห่มบนเตียงให้ตึงก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังครัวที่แม่บ้านประจำเอสเตทชี้ตำแหน่งที่ตั้งให้เมื่อเธอมาถึง
‘ป้าจะอยู่ในครัวตอนหกโมงเช้า อยากได้ไข่หรือเบคอนก็เข้ามาละกันนะ’ บาร์บาร่า แม่บ้านสูงวัยที่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านทั้งสองหลังในเอสเตทบอกกับเธอเมื่อคืนนี้ ในตอนที่หญิงสาวมาถึง ‘ลิตเติลฮัท’ และมาร์โคแนะนำให้เธอรู้จักกับแม่บ้านซึ่งเป็นอีกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันนอกจากผู้จัดการไร่หนุ่ม หญิงสูงวัยเอื้อเฟื้อพาหญิงสาวเดินไปดูห้องต่างๆในบ้าน ก่อนที่จะมาส่งที่ห้องนอนของเธอเป็นลำดับสุดท้าย
“อ้าว ลิลลี่ ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เมื่อเป็นอย่างไรบ้าง หลับสบายไหม” แม่บ้านสูงวัยทักอย่างมีไมตรีเมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเข้ามาในครัว บาร์บาร่ากำลังวุ่นวายทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา แต่ก็

วตัวมายิ้มและทักหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะบาร์บ หลับสบายมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมาก” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้สึกถูกชะตากับแม่บ้านสูงวัยผู้นี้ เมื่ออยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกอบอุ่น ยิ่งเวลาพูดคุยกันอยู่ในครัวในขณะที่หญิงแม่บ้านกำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับตอนอยู่กับมารดาที่บ้าน
“ฉันไม่ช้าไปใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอก ไม่หรอก ป้ากำลังทำไข่ลวกให้มาร์โคอยู่ หนูอยากได้อะไรล่ะ”
“ขอไข่ดาวสุกๆสักสองฟองได้ไหมคะ” หญิงสาวถาม ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อวานนี้ ทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกหิวในตอนเย็น จึงดื่มนมเพียงแก้วเดียวก่อนเข้านอน และเช้านี้เธอก็รู้สึกหิวจนเหมือนจะตาลาย รู้สึกขอบคุณแม่บ้านสูงวัยที่เอื้อเฟื้อเสนอจะทำอาหารให้เช้าให้กับเธอ
“ได้สิจ๊ะ เครื่องปิ้งขนมปังอยู่นู่น ไปปิ้งขนมปังไว้รอเลย ช่วยทำให้มาร์โคด้วยสักสองแผ่นนะจ๊ะ” หญิงแม่บ้านบอกอย่างใจดี ก่อนจะหันกลับไปง่วนกับหม้อลวกไข่บนเตา ขณะเดียวกันก็เปิดตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและหยิบกะทะขึ้นมาวาง เพื่อทำไข่ดาวให้กับหญิงสาวตามที่เธอขอ
ลิลลดาเดินไปที่กล่องใส่ขนมปังที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว หยิบขนมปังใส่เข้าไปในเครื่องปิ้งสี่แผ่น จากนั้นเดินไปหยิบมาจารีนในตู้เย็นออกมาวาง และเปิดลิ้นชักหลายอันเพื่อหาจาน เมื่อพบแล้วก็หยิบออกมาใบหนึ่ง
“ให้ฉันปิ้งขนมปังให้ด้วยไหมคะบาร์บ” หญิงสาวอาสา
“ไม่ล่ะจ้ะ ป้าเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจะช่วยต้มกาแฟให้ก็จะดีมากเลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
หญิงสาวกุลีกุจอเติมน้ำใส่หม้อกาแฟ เสียบปลั๊ก ตวงกาแฟที่บดแล้วใส่ลงไปในกรวย และกดปุ่มให้เครื่องทำงาน เมื่อแน่ใจว่ากาแฟเริ่มหยดลงในหม้อที่รองอยู่ข้างล่างแล้วก็หันไปชวนแม่บ้านสูงวัยคุย
“ป้าทำงานที่นี่มานานแล้วหรือคะ”
“ตั้งแต่คุณราฟเพิ่งคลอดนู่นล่ะ ก็สามสิบปีมาแล้ว ยาวนานทีเดียว” แม่บ้านตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเล่าต่อไป
“เมื่อก่อนคอร์เนลลี่เป็นไร่องุ่นอย่างเดียว ตั้งแต่สมัยซินญอร์อันโตนิโอ คอร์เนลลี่ อพยพมาจากอิตาลี แล้วมาบุกเบิกพื้นที่ในสวอนวัลเลย์นี่ปลูกองุ่นที่ถือกิ่งติดมือมาด้วย พอมาถึงรุ่นคุณฟาบิโอซึ่งมาแต่งงานกับคุณกลอเรีย ลูกสาวไวน์เนอรี่ที่ทางไร่ส่งองุ่นให้ คอร์เนลลี่ก็เลยหันมาทำไวน์เนอรี่เพิ่มด้วย พอมีคุณราฟ คอร์เนลลี่เลยประกาศหาแม่บ้าน เพราะคุณกลอเรียทำคนเดียวไม่ไหว ไหนจะเลี้ยงลูก ไหนจะงานบ้าน งานในไร่ และไวน์เนอรี่อีก ป้าก็เลยมาสมัครงาน และอยู่ยาวมาจนบัดนี้ ตอนแรกก็ช่วยเลี้ยงคุณราฟ ต่อมาก็คุณวิทตอเรีย ตอนนี้โตๆกันหมดแล้ว ป้าก็ทำงานเป็นแม่บ้าน ดูแลบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดข้างล่างเป็นเซลล่าดอร์ด้วย ร้านอาหารของคุณวิทตอเรียด้วย แล้วก็บ้านหลังเล็กของคุณราฟที่แยกไปปลูกอยู่ในไร่ด้วย เพราะรายนั้นไม่ชอบคนพลุกพล่าน.. เอานี่ ไข่ดาวเสร็จแล้ว" แม่บ้านเล่าเรื่องยืดยาวก่อนจะเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเมื่อไข่ดาวที่ทำให้หญิงสาวสุกได้ที่
“มาโคร์ไปไหนนะ ขนมปังแห้งหมดแล้ว” ผู้สูงวัยกว่าบ่นเมื่อไม่เห็นผู้จัดไร่เข้ามาในครัวเสียที
“มาแล้ว มาแล้ว ขี้บ่นตลอดเลยนะบาร์บ” ผู้จัดการไร่หนุ่มส่งเสียงมาก่อนตัว และไม่ลืมที่จะกระเซ้าหญิงสูงวัยอย่างคนคุ้นเคยกันดี
“ก็ทำอะไรอยู่ล่ะ ไหนว่าจะเข้ามาตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้วแล้ว”
“คุณราฟโทรมา บอกจะเลื่อนวันกลับเป็นพรุ่งนี้เย็นๆ เพราะการประชุมวันสุดท้ายไม่มีอะไรมาก ห่วงเพิร์ลมากกว่าเลยอยากรีบกลับมาดู”
“อ้าว เพิร์ลเป็นอะไรไป” แม่บ้านถามด้วยน้ำเสียงฉงน
“ไม่ค่อยสบาย ไม่กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน คุณราฟให้เรียกหมอเดวิดมาดูแล้วล่ะ แต่ก็ยังอยากมาดูด้วยตัวเอง” มาร์โคตอบ ก่อนจะก้มหน้าจัดการกับอาหารเช้าที่หญิงแม่บ้านเลื่อนจานมาให้ตรงหน้า
เพิร์ล สงสัยจะคนสำคัญของคุณราฟกระมัง หญิงสาวคิด เธอรู้ว่าคุณราฟยังไม่ได้แต่งงาน แต่เพิร์ลอาจจะเป็นคนรักของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับเปลี่ยนเวลากลับเมื่อรู้ว่าเธอไม่สบาย ลิลลดารู้สึกอิจฉาหญิงสาวเจ้าของชื่อเพิร์ลอยู่ในใจที่มีคนรักที่เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เธอจะมีคนรักที่รักและเป็นห่วงเธอแบบที่คุณราฟเป็นห่วงเพิร์ลบ้างหรือเปล่า อยากรู้จริงๆว่าถ้ามีคนที่รักเธอมากๆแบบนั้นแล้วจะรู้สึกอย่างไร
คงรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยกระมัง
บ่มไวน์ใส่รัก บทที่ ๒
บทที่ ๒
ถึงแม้จะตั้งใจตื่นให้สายสมกับที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางทั้งวันเมื่อวานนี้ และยังไม่ต้องเริ่มทำงานในวันนี้ หากลิลลดาก็ลืมตาตื่นมาเช้ากว่าที่ตั้งใจไว้มากโข ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเวลาที่แตกต่างระหว่างควีนส์แลนด์และเวสเทิร์นออสเตรเลียก็ได้ ทำให้ร่างกายที่ยังชินกับเวลาของควีนส์แลนด์ ตื่นมาตั้งแต่ไก่โห่ของเวลาเวสเทิร์นออสเตรเลีย ก็ในตอนนั้นเวลาที่บ้านของหญิงสาวก็ปาไปเก้าโมงแล้วนี่นา
หลังตื่นตอน หญิงสาวชำระร่างกายและรื้อหาเสื้อผ้าจากกระเป๋าที่ทิ้งไว้บนพื้นตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะตัดสินใจหยิบเสื้อจัมพ์เปอร์ไหมพรมเข้ารูปสีแดงขึ้นมาสวม ตามด้วยกางเกงยีนส์สกินนี่ตัวโปรด อากาศยังไม่คลายความเย็นเท่าไรเลย หญิงสาวจึงหยิบผ้าพันคอสีขาวมาพันอย่างลวกๆ และจบการแต่งตัวที่รองเท้าบูทหนังสีดำครึ่งแข้ง และค้นหาแปรงแปรงผมที่จำได้ว่าจับยัดใส่ลงไปในมุมของกระเป๋าเดินทางสักมุมนี่ล่ะ
“เจอล่ะ” หญิงสาวรำพึง หยิบแปรงที่ซุกอยู่ในซอกกระเป๋าเดินตรงไปที่กระจกแบบเต็มตัวที่ตั้งอยู่มุมห้อง และเริ่มลงมือแปรงผม
เส้นผมตรงยาวสีน้ำตาลเข้มและมีประกายสีทองเมื่อทำมุมที่เหมาะสมกับแสงที่ตกกระทบ ซึ่งสะท้อนกลับมาจากกระจกเงาตรงหน้า เป็นสิ่งที่ได้รับมาจากการผสมผสานอย่างลงตัว ระหว่างผมสีบลอนด์ของบิดาและสีดำของมารดา มารดาของเธอเป็นลูกสาวนักธุรกิจจากประเทศไทยที่มาเรียนมหาวิทยาลัยที่บริสเบน พบรักกับลูกชายเจ้าของไร่จากซันไชน์โคสท์ และกลายมาเป็นชาวไร่อย่างเต็มตัว ทิ้งทรัพย์สมบัติที่คุณตาคุณยายของเธอเตรียมไว้ให้อย่างไม่ใยดี
แม่มักจะเล่าเรื่องราวชีวิตรักระหว่างพ่อและแม่ให้เธอฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า หากวันหนึ่งเธอมีความรักกับใครสักคนที่อยู่ไกลแสนไกล เธอจะกล้าทิ้งทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับอีกครึ่งหนึ่งของหัวใจเหมือนอย่างที่แม่ทำหรือเปล่านะ
คิดอะไรเพ้อเจ้อ หาพ่อหนุ่มคนนั้นให้เจอก่อนเถอะ หญิงสาวเอ็ดตัวเองอย่างขำๆ หากแต่ความคิดกลับประหวัดไปถึงชายหนุ่มที่เธอเดินชนบนเครื่องบินอย่างช่วยไม่ได้
และหากหญิงสาวสามารถหยั่งรู้อนาคต เธอคงจะรู้ว่าจะไม่ได้สงสัยอีกนานนักหรอก
ลิลลดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา พบว่าเลยหกนาฬิกาไปไม่กี่นาที จึงรีบวางแปรงลงบนโต๊ะ กระโดดไปที่กระเป๋าเดินทางที่ยังวางอยู่บนพื้น คุ้ยหากระเป๋าเครื่องสำอางที่จำได้ว่าโยนลงไปในกระเป๋าเป็นอันดับสุดท้าย และเมื่อพบสิ่งที่ต้องการ ก็รีบเปิดแล้วหยิบลิปมันขึ้นมาทาปาก หยิกแก้มสองข้างให้เกิดสีเรื่อ จับยัดเสื้อผ้าที่ถูกรื้อและวางเรี่ยราดบนพื้นเข้ากระเป๋าและรูดซิปปิด และยกกระเป๋าโยนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
เดี๋ยวค่อยกลับมาจัด ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว หญิงสาวบอกตัวเอง จากนั้นหมุนตัวกลับไปที่เตียง ดึงผ้าห่มบนเตียงให้ตึงก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังครัวที่แม่บ้านประจำเอสเตทชี้ตำแหน่งที่ตั้งให้เมื่อเธอมาถึง
‘ป้าจะอยู่ในครัวตอนหกโมงเช้า อยากได้ไข่หรือเบคอนก็เข้ามาละกันนะ’ บาร์บาร่า แม่บ้านสูงวัยที่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านทั้งสองหลังในเอสเตทบอกกับเธอเมื่อคืนนี้ ในตอนที่หญิงสาวมาถึง ‘ลิตเติลฮัท’ และมาร์โคแนะนำให้เธอรู้จักกับแม่บ้านซึ่งเป็นอีกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันนอกจากผู้จัดการไร่หนุ่ม หญิงสูงวัยเอื้อเฟื้อพาหญิงสาวเดินไปดูห้องต่างๆในบ้าน ก่อนที่จะมาส่งที่ห้องนอนของเธอเป็นลำดับสุดท้าย
“อ้าว ลิลลี่ ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เมื่อเป็นอย่างไรบ้าง หลับสบายไหม” แม่บ้านสูงวัยทักอย่างมีไมตรีเมื่อเห็นหญิงสาวก้าวเข้ามาในครัว บาร์บาร่ากำลังวุ่นวายทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตา แต่ก็
“อรุณสวัสดิ์ค่ะบาร์บ หลับสบายมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมาก” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้สึกถูกชะตากับแม่บ้านสูงวัยผู้นี้ เมื่ออยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกอบอุ่น ยิ่งเวลาพูดคุยกันอยู่ในครัวในขณะที่หญิงแม่บ้านกำลังทำอาหารอยู่หน้าเตา ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับตอนอยู่กับมารดาที่บ้าน
“ฉันไม่ช้าไปใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอก ไม่หรอก ป้ากำลังทำไข่ลวกให้มาร์โคอยู่ หนูอยากได้อะไรล่ะ”
“ขอไข่ดาวสุกๆสักสองฟองได้ไหมคะ” หญิงสาวถาม ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อวานนี้ ทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกหิวในตอนเย็น จึงดื่มนมเพียงแก้วเดียวก่อนเข้านอน และเช้านี้เธอก็รู้สึกหิวจนเหมือนจะตาลาย รู้สึกขอบคุณแม่บ้านสูงวัยที่เอื้อเฟื้อเสนอจะทำอาหารให้เช้าให้กับเธอ
“ได้สิจ๊ะ เครื่องปิ้งขนมปังอยู่นู่น ไปปิ้งขนมปังไว้รอเลย ช่วยทำให้มาร์โคด้วยสักสองแผ่นนะจ๊ะ” หญิงแม่บ้านบอกอย่างใจดี ก่อนจะหันกลับไปง่วนกับหม้อลวกไข่บนเตา ขณะเดียวกันก็เปิดตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวและหยิบกะทะขึ้นมาวาง เพื่อทำไข่ดาวให้กับหญิงสาวตามที่เธอขอ
ลิลลดาเดินไปที่กล่องใส่ขนมปังที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว หยิบขนมปังใส่เข้าไปในเครื่องปิ้งสี่แผ่น จากนั้นเดินไปหยิบมาจารีนในตู้เย็นออกมาวาง และเปิดลิ้นชักหลายอันเพื่อหาจาน เมื่อพบแล้วก็หยิบออกมาใบหนึ่ง
“ให้ฉันปิ้งขนมปังให้ด้วยไหมคะบาร์บ” หญิงสาวอาสา
“ไม่ล่ะจ้ะ ป้าเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าจะช่วยต้มกาแฟให้ก็จะดีมากเลย ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
หญิงสาวกุลีกุจอเติมน้ำใส่หม้อกาแฟ เสียบปลั๊ก ตวงกาแฟที่บดแล้วใส่ลงไปในกรวย และกดปุ่มให้เครื่องทำงาน เมื่อแน่ใจว่ากาแฟเริ่มหยดลงในหม้อที่รองอยู่ข้างล่างแล้วก็หันไปชวนแม่บ้านสูงวัยคุย
“ป้าทำงานที่นี่มานานแล้วหรือคะ”
“ตั้งแต่คุณราฟเพิ่งคลอดนู่นล่ะ ก็สามสิบปีมาแล้ว ยาวนานทีเดียว” แม่บ้านตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเล่าต่อไป
“เมื่อก่อนคอร์เนลลี่เป็นไร่องุ่นอย่างเดียว ตั้งแต่สมัยซินญอร์อันโตนิโอ คอร์เนลลี่ อพยพมาจากอิตาลี แล้วมาบุกเบิกพื้นที่ในสวอนวัลเลย์นี่ปลูกองุ่นที่ถือกิ่งติดมือมาด้วย พอมาถึงรุ่นคุณฟาบิโอซึ่งมาแต่งงานกับคุณกลอเรีย ลูกสาวไวน์เนอรี่ที่ทางไร่ส่งองุ่นให้ คอร์เนลลี่ก็เลยหันมาทำไวน์เนอรี่เพิ่มด้วย พอมีคุณราฟ คอร์เนลลี่เลยประกาศหาแม่บ้าน เพราะคุณกลอเรียทำคนเดียวไม่ไหว ไหนจะเลี้ยงลูก ไหนจะงานบ้าน งานในไร่ และไวน์เนอรี่อีก ป้าก็เลยมาสมัครงาน และอยู่ยาวมาจนบัดนี้ ตอนแรกก็ช่วยเลี้ยงคุณราฟ ต่อมาก็คุณวิทตอเรีย ตอนนี้โตๆกันหมดแล้ว ป้าก็ทำงานเป็นแม่บ้าน ดูแลบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้เปิดข้างล่างเป็นเซลล่าดอร์ด้วย ร้านอาหารของคุณวิทตอเรียด้วย แล้วก็บ้านหลังเล็กของคุณราฟที่แยกไปปลูกอยู่ในไร่ด้วย เพราะรายนั้นไม่ชอบคนพลุกพล่าน.. เอานี่ ไข่ดาวเสร็จแล้ว" แม่บ้านเล่าเรื่องยืดยาวก่อนจะเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเมื่อไข่ดาวที่ทำให้หญิงสาวสุกได้ที่
“มาโคร์ไปไหนนะ ขนมปังแห้งหมดแล้ว” ผู้สูงวัยกว่าบ่นเมื่อไม่เห็นผู้จัดไร่เข้ามาในครัวเสียที
“มาแล้ว มาแล้ว ขี้บ่นตลอดเลยนะบาร์บ” ผู้จัดการไร่หนุ่มส่งเสียงมาก่อนตัว และไม่ลืมที่จะกระเซ้าหญิงสูงวัยอย่างคนคุ้นเคยกันดี
“ก็ทำอะไรอยู่ล่ะ ไหนว่าจะเข้ามาตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้วแล้ว”
“คุณราฟโทรมา บอกจะเลื่อนวันกลับเป็นพรุ่งนี้เย็นๆ เพราะการประชุมวันสุดท้ายไม่มีอะไรมาก ห่วงเพิร์ลมากกว่าเลยอยากรีบกลับมาดู”
“อ้าว เพิร์ลเป็นอะไรไป” แม่บ้านถามด้วยน้ำเสียงฉงน
“ไม่ค่อยสบาย ไม่กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน คุณราฟให้เรียกหมอเดวิดมาดูแล้วล่ะ แต่ก็ยังอยากมาดูด้วยตัวเอง” มาร์โคตอบ ก่อนจะก้มหน้าจัดการกับอาหารเช้าที่หญิงแม่บ้านเลื่อนจานมาให้ตรงหน้า
เพิร์ล สงสัยจะคนสำคัญของคุณราฟกระมัง หญิงสาวคิด เธอรู้ว่าคุณราฟยังไม่ได้แต่งงาน แต่เพิร์ลอาจจะเป็นคนรักของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับเปลี่ยนเวลากลับเมื่อรู้ว่าเธอไม่สบาย ลิลลดารู้สึกอิจฉาหญิงสาวเจ้าของชื่อเพิร์ลอยู่ในใจที่มีคนรักที่เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เธอจะมีคนรักที่รักและเป็นห่วงเธอแบบที่คุณราฟเป็นห่วงเพิร์ลบ้างหรือเปล่า อยากรู้จริงๆว่าถ้ามีคนที่รักเธอมากๆแบบนั้นแล้วจะรู้สึกอย่างไร
คงรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลยกระมัง