สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมขอใช้พื้นทีเ่ล็กๆ บอกผ่านไปถึงใครคนนึงที่ผมรักสักนิดนะครับ
วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่ผมได้รู้จักกับแฟนคนนี้ ผ่านเว็บPantip แ่ห่งนี้ครับ
เรารู้จักกันโดยผ่านกระทู้หนึ่ง ทักทายกันผ่านหลังไมค์คุยกันจากเื่รื่องธรรมดาทั่วไป ค่อยๆพัฒนาขึ้น
จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน และจากเดือนเป็นปีในวันนี้พอดีครับ
เราคุยกันร่วมเดือนผ่านหลังไมค์ จากนั้นจึงค่อยแลกเฟสบุ๊คกัน (นั่นแสดงว่า เราไม่เคยเห็นหน้ากันเลยตลอดเวลาที่คุยกันผ่านหลังไมค์)
จนเข้าเดือนที่ 2 เราถึงได้โทรคุย ได้ยินเสียงกัน (นานเวอร์) เราจีบกัน(หรือเปล่า??)ผ่านบทเพลง หลายเพลง ผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอด
ความรู้สึก (อารมณ์แบบคนโบราณเขียนจดหมายว่างั้น) เค้าเป็นเด็ก (เออผมแก่กว่าน้องเค้า 3ปีครับ) ที่มีโลกส่วนตัวสูงมากกกกกก
(พอรู้ว่าบ้านน้องเค้าอยู่ จังหวัดที่น้ำท่วมบ่อยเลยไม่สงสัยว่าทำไมถึงต้องสูง...จะได้หนีน้ำท่วมไง..เอ้ยไม่เกี่ยว) แต่ผมเป็นพวกถ้ารักใคร
ก็ยกโลกของผมให้เค้าทันที (จุดเริ่มต้นของปัญหาเลยแหละ)
ช่วงแรกที่เราตกลงเป็นแฟนกันเราทะเลาะ เรานอยด์กันหลายครั้งมาก เพราะโลกส่วนตัวที่สูงมากของน้องเค้า><"
ประมาณว่า อยู่บ้านคุยไม่ได้ กลัวที่บ้านถาม อยู่หอคุยไม่ได้ กลัวน้องเมทสงสัย อยู่กับเพื่อนคุยไม่ได้ กลัวเพื่อนรู้ (มันลำบากไปป่ะ)
หรือเวลาที่กลับบ้าน ผมบอกให้น้องเค้าโทรบอกก่อนกลับ และก็เวลาถึง แต่น้องเค้าก็มักจะลืมบ่อย (มีคนบอกกรุ๊ป โอ ขี้ลืม ท่าจะจริงมาก)
เวลาที่เราได้เจอกันแรกๆ เรียกได้ว่าเฉลี่ย 5 อาทิตย์ต่อครั้ง (นานกว่าค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปมาก555) ผมพยายามชวนน้องเค้าไปเที่ยวบ่อยนะ
แต่น้องเค้ายุ่งมาก อารมณ์แบบที่บ้านไม่ยอมให้ไปเที่ยว (น้องเค้าเป็นลูกชายคนเดียว แต่ผมก็ลูกชายคนเดียวเหมือนกันนะ ทำไมป๊าไม่ห่วงผมแบบพ่อน้องเค้าบ้างนี่55) หรืออารมณ์ลงไปฝึกงานทำโปรเจคจบปี4 ผมก็พยายามเข้าใจ แต่ก็ไม่วายจะงอล จะนอยด์จนทะเลาะกันแรงๆหลายหน หรือจะยอมรับตรงๆเลยก็ได้ว่าผมแทบจะบอกเลิกน้องเค้าไปหลายครั้งมาก แต่ก็ไม่บอก
บางทีก็ทำตัวเงียบๆไม่โทรหา ไม่ส่งข้อความ ไม่หลังไมค์ จนน้องเค้ามาโพสกระทู้บอกผมในนี้
ผมก็แอบดีใจนะ แต่ก็แกล้งงอนต่อไป (ยอมง่ายๆได้ใจหมดพอดี)
แต่จนแล้วจนรอดก็มีครั้งนึงที่ทะเลาะกันแรงมาก ด้วยเรื่องเดิมๆ จนน้องเค้าร้องไห้ออกมาเพราะว่าผมเริ่มแสดงออกว่าจะเลิกแน่ๆ
วันนั้นทำให้ผมรู้ว่าน้องเค้ารักผมจริงๆ เพราะด้วยนิสัยของน้องเค้าไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ
และตั้งแต่วันนั้น จากที่บอกกับตัวเองว่าต้องเลิกแน่ๆ ก็กลายเป็นบอกกับตัวเองว่าเราจะต้องรักและดูแลน้องเค้าให้ดีที่สุด (โรคแพ้น้ำตาา)
หลังจากนั้นผมก็พยายามไต่โลกที่แสนสูงของน้องเค้าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็คิดว่าเราสามารถยืนอยู่ในจุดที่สมดุลระหว่างกันได้พอดี..
เราเข้าใจกัน มีเวลาให้กันมากขึ้น ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นเวลาที่มีความสุขมาก ..แต่...
แต่....ดันเป็นช่วงเวลาที่น้องเค้าต้องทำหน้าที่ลูกชาย>< บวชนั่นเองงง
คุณพระ 4 สัปดาห์แห่งความทรมาน ทำเอาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายคืน ทุกวันอาทิตย์ ผมต้องขับรถไปเยี่ยม
เอาหนังสือธรรมะไปให้อ่าน เอานู้นนี่ไปถวาย ความคิดถึงมันร้ายแรงมาก ผมได้แต่นับวันให้ถึงวันที่น้องเค้าจะกลับออกมา
ถึงกับเผลอฉีกปฏิทินก่อนสิ้นเดือนไป 2 วัน ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จนเค้าถามว่า จะรีบไปไหนน><"
จนกระทั่งน้องเค้าออกมาแต่ต้องอยู่วัด ผมก็ทำเนียนพาที่บ้านไปเที่ยวจังหวัดของน้องเค้า ไปโฉบๆให้เห็นหลังคาบ้านน้องเค้าก็อุ่นใจ
(จนป๊าถามว่า ทำไมรู้เส้นทางแถวนี้ดีจัง ก็นะป๊าครับ ลูกเขยเอ้ยสะใภ้ป๊า อยู่นี่ดิ 555)
แต่พายุแห่งความอึึมครึมมันไม่ออกไปง่ายๆสิครับ หลังจากออกมา น้องเค้ากลับไปก่อสร้างความสูงมากขึ้น เรามีความต้องการอะไรที่ต่างกันไปเลยทีเดียว กลายเป็นความเข้าใจของเราเริ่มต้องจูนคลื่นกันใหม่
จนน้องเค้าพูดทำนองว่าทำไมเราไม่เคยเข้าใจอะไรตรงกันเลย คิดต่างทำต่างกันตลอด แต่เคยมีคนพูดว่า
..ความรักมันไม่ใช่เรื่องที่เราเข้าใจกันทุกเรื่อง แต่เป็นเรื่องที่คนสองคนเรียนรู้ที่จะยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน..
ผมก็บอกน้องเค้าไปอย่างนั้น ซึ่งดูท่าว่าน้องเค้าก็คงอมยิ้มไปหลายวันทีเดียว^^
ตอนนี้น้องเค้ามาเรียนต่อป.โท แถวที่ทำงานผม เรามีเวลาเจอกันมากขึ้น แต่อุปสรรคก็ยังมีเหมือนเดิม
น้องเค้าต้องไปอยู่บ้านญาติทำให้คุยกันไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ได้แต่ลุ้นให้น้องเค้าออกมาอยู่หอได้..หึหึแล้วฝันของผมก็จะเป็นจริงฮ่าๆๆ
หลายครั้งที่มีัปัญหา เรามักจะคุยกันว่าความรักของเรามันเป็นความรักที่ไม่มีอนาคต มองอะไรก็ไม่เห็นว่าจะมีทางเดินต่อไป
แต่ผมไม่สนหรอกครับอนาคต ผมขอแค่ปัจจุบันเรามีกันและกันก็พอครับ
วันนี้ครบรอบ 1 ปีที่เราคุยกัน ผมแกล้งถามน้องเค้าเมื่อวันก่อนว่าจำได้ไหม...
แต่แ่น่นอนครับ เค้าจำไม่ได้ ตอนแรกว่าจะงอลซะหน่อย แต่ว่าเมื่อตะกี้
ขณะที่กำลังง่วนกับงาน น้องเค้าโทรมาบอกว่า คิดถึงนะ แล้ววางสายไปทันที (นับเป็นครั้งที่ 2 ที่้น้องเค้าทำแบบนี้)
โอ้วคุณพระ โลกสดใสขึ้นมาทันทีแม้ว่าข้างนอกฝนจะตกหนักมากกกก ไม่งอลดีกว่า^^
ตอนนี้น้องเค้าคงนอนอยู่บ้านแล้ว (โดนเรียกตัวกลับ)
ส่วนผมก็คงไปซื้อเค้กสักก้อน แล้วเอาไปนั่งเป่าเค้กกับตุ๊กตาหมีที่น้องเค้าซื้อให้ และค่อยส่งภาพไปยั่ววว
และนี่ก็เป็นเรื่องราวโดยย่อที่ผมขอใช้พื้นที่บนเว็บไซต์นี้ ที่จะ Learn Share and Fun เรื่องราวของผมที่ผ่านมา 1 ปีกับความรักครั้งนี้
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านเรื่องราวไร้สาระของผมนะครับ ถ้ามีอะไรขัดข้องก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ^^
ขอบคุณPantip ที่ทำให้ผมได้เจอกับคนๆนึง ที่จะใช้ชีวิตไปด้วยกัน
สำหรับใครที่กำลังมองหาความรักในแบบ Y ก็พยายามต่อไปครับ โลกนี้สวยงามเสมอ^^
ขอบคุณครับ
เออ..ผมรู้ว่าน้องเค้าต้องเข้ามาอ่านแน่ๆ....
ปล.1 สุขสันต์วันครบรอบ 1 ปีที่เรารู้จักกันนะ ส่วนเค้กไว้กลับมาจะพาไปกินอีกที....
ปล.2 อย่านึกว่ากลับบ้านแล้วจะลืมเรื่องเลี้ยงไอติมนะ!!! แล้วไม่ต้องเอามาหักกลบกับเค้กด้วยยย
(Y) {กระทู้เพ้อเจ้อ}ขอบคุณพื้นที่ดีๆ ที่ทำให้เรารู้จักกัน
วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่ผมได้รู้จักกับแฟนคนนี้ ผ่านเว็บPantip แ่ห่งนี้ครับ
เรารู้จักกันโดยผ่านกระทู้หนึ่ง ทักทายกันผ่านหลังไมค์คุยกันจากเื่รื่องธรรมดาทั่วไป ค่อยๆพัฒนาขึ้น
จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน และจากเดือนเป็นปีในวันนี้พอดีครับ
เราคุยกันร่วมเดือนผ่านหลังไมค์ จากนั้นจึงค่อยแลกเฟสบุ๊คกัน (นั่นแสดงว่า เราไม่เคยเห็นหน้ากันเลยตลอดเวลาที่คุยกันผ่านหลังไมค์)
จนเข้าเดือนที่ 2 เราถึงได้โทรคุย ได้ยินเสียงกัน (นานเวอร์) เราจีบกัน(หรือเปล่า??)ผ่านบทเพลง หลายเพลง ผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอด
ความรู้สึก (อารมณ์แบบคนโบราณเขียนจดหมายว่างั้น) เค้าเป็นเด็ก (เออผมแก่กว่าน้องเค้า 3ปีครับ) ที่มีโลกส่วนตัวสูงมากกกกกก
(พอรู้ว่าบ้านน้องเค้าอยู่ จังหวัดที่น้ำท่วมบ่อยเลยไม่สงสัยว่าทำไมถึงต้องสูง...จะได้หนีน้ำท่วมไง..เอ้ยไม่เกี่ยว) แต่ผมเป็นพวกถ้ารักใคร
ก็ยกโลกของผมให้เค้าทันที (จุดเริ่มต้นของปัญหาเลยแหละ)
ช่วงแรกที่เราตกลงเป็นแฟนกันเราทะเลาะ เรานอยด์กันหลายครั้งมาก เพราะโลกส่วนตัวที่สูงมากของน้องเค้า><"
ประมาณว่า อยู่บ้านคุยไม่ได้ กลัวที่บ้านถาม อยู่หอคุยไม่ได้ กลัวน้องเมทสงสัย อยู่กับเพื่อนคุยไม่ได้ กลัวเพื่อนรู้ (มันลำบากไปป่ะ)
หรือเวลาที่กลับบ้าน ผมบอกให้น้องเค้าโทรบอกก่อนกลับ และก็เวลาถึง แต่น้องเค้าก็มักจะลืมบ่อย (มีคนบอกกรุ๊ป โอ ขี้ลืม ท่าจะจริงมาก)
เวลาที่เราได้เจอกันแรกๆ เรียกได้ว่าเฉลี่ย 5 อาทิตย์ต่อครั้ง (นานกว่าค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปมาก555) ผมพยายามชวนน้องเค้าไปเที่ยวบ่อยนะ
แต่น้องเค้ายุ่งมาก อารมณ์แบบที่บ้านไม่ยอมให้ไปเที่ยว (น้องเค้าเป็นลูกชายคนเดียว แต่ผมก็ลูกชายคนเดียวเหมือนกันนะ ทำไมป๊าไม่ห่วงผมแบบพ่อน้องเค้าบ้างนี่55) หรืออารมณ์ลงไปฝึกงานทำโปรเจคจบปี4 ผมก็พยายามเข้าใจ แต่ก็ไม่วายจะงอล จะนอยด์จนทะเลาะกันแรงๆหลายหน หรือจะยอมรับตรงๆเลยก็ได้ว่าผมแทบจะบอกเลิกน้องเค้าไปหลายครั้งมาก แต่ก็ไม่บอก
บางทีก็ทำตัวเงียบๆไม่โทรหา ไม่ส่งข้อความ ไม่หลังไมค์ จนน้องเค้ามาโพสกระทู้บอกผมในนี้
ผมก็แอบดีใจนะ แต่ก็แกล้งงอนต่อไป (ยอมง่ายๆได้ใจหมดพอดี)
แต่จนแล้วจนรอดก็มีครั้งนึงที่ทะเลาะกันแรงมาก ด้วยเรื่องเดิมๆ จนน้องเค้าร้องไห้ออกมาเพราะว่าผมเริ่มแสดงออกว่าจะเลิกแน่ๆ
วันนั้นทำให้ผมรู้ว่าน้องเค้ารักผมจริงๆ เพราะด้วยนิสัยของน้องเค้าไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ
และตั้งแต่วันนั้น จากที่บอกกับตัวเองว่าต้องเลิกแน่ๆ ก็กลายเป็นบอกกับตัวเองว่าเราจะต้องรักและดูแลน้องเค้าให้ดีที่สุด (โรคแพ้น้ำตาา)
หลังจากนั้นผมก็พยายามไต่โลกที่แสนสูงของน้องเค้าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดผมก็คิดว่าเราสามารถยืนอยู่ในจุดที่สมดุลระหว่างกันได้พอดี..
เราเข้าใจกัน มีเวลาให้กันมากขึ้น ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นเวลาที่มีความสุขมาก ..แต่...
แต่....ดันเป็นช่วงเวลาที่น้องเค้าต้องทำหน้าที่ลูกชาย>< บวชนั่นเองงง
คุณพระ 4 สัปดาห์แห่งความทรมาน ทำเอาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายคืน ทุกวันอาทิตย์ ผมต้องขับรถไปเยี่ยม
เอาหนังสือธรรมะไปให้อ่าน เอานู้นนี่ไปถวาย ความคิดถึงมันร้ายแรงมาก ผมได้แต่นับวันให้ถึงวันที่น้องเค้าจะกลับออกมา
ถึงกับเผลอฉีกปฏิทินก่อนสิ้นเดือนไป 2 วัน ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จนเค้าถามว่า จะรีบไปไหนน><"
จนกระทั่งน้องเค้าออกมาแต่ต้องอยู่วัด ผมก็ทำเนียนพาที่บ้านไปเที่ยวจังหวัดของน้องเค้า ไปโฉบๆให้เห็นหลังคาบ้านน้องเค้าก็อุ่นใจ
(จนป๊าถามว่า ทำไมรู้เส้นทางแถวนี้ดีจัง ก็นะป๊าครับ ลูกเขยเอ้ยสะใภ้ป๊า อยู่นี่ดิ 555)
แต่พายุแห่งความอึึมครึมมันไม่ออกไปง่ายๆสิครับ หลังจากออกมา น้องเค้ากลับไปก่อสร้างความสูงมากขึ้น เรามีความต้องการอะไรที่ต่างกันไปเลยทีเดียว กลายเป็นความเข้าใจของเราเริ่มต้องจูนคลื่นกันใหม่
จนน้องเค้าพูดทำนองว่าทำไมเราไม่เคยเข้าใจอะไรตรงกันเลย คิดต่างทำต่างกันตลอด แต่เคยมีคนพูดว่า
..ความรักมันไม่ใช่เรื่องที่เราเข้าใจกันทุกเรื่อง แต่เป็นเรื่องที่คนสองคนเรียนรู้ที่จะยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน..
ผมก็บอกน้องเค้าไปอย่างนั้น ซึ่งดูท่าว่าน้องเค้าก็คงอมยิ้มไปหลายวันทีเดียว^^
ตอนนี้น้องเค้ามาเรียนต่อป.โท แถวที่ทำงานผม เรามีเวลาเจอกันมากขึ้น แต่อุปสรรคก็ยังมีเหมือนเดิม
น้องเค้าต้องไปอยู่บ้านญาติทำให้คุยกันไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ได้แต่ลุ้นให้น้องเค้าออกมาอยู่หอได้..หึหึแล้วฝันของผมก็จะเป็นจริงฮ่าๆๆ
หลายครั้งที่มีัปัญหา เรามักจะคุยกันว่าความรักของเรามันเป็นความรักที่ไม่มีอนาคต มองอะไรก็ไม่เห็นว่าจะมีทางเดินต่อไป
แต่ผมไม่สนหรอกครับอนาคต ผมขอแค่ปัจจุบันเรามีกันและกันก็พอครับ
วันนี้ครบรอบ 1 ปีที่เราคุยกัน ผมแกล้งถามน้องเค้าเมื่อวันก่อนว่าจำได้ไหม...
แต่แ่น่นอนครับ เค้าจำไม่ได้ ตอนแรกว่าจะงอลซะหน่อย แต่ว่าเมื่อตะกี้
ขณะที่กำลังง่วนกับงาน น้องเค้าโทรมาบอกว่า คิดถึงนะ แล้ววางสายไปทันที (นับเป็นครั้งที่ 2 ที่้น้องเค้าทำแบบนี้)
โอ้วคุณพระ โลกสดใสขึ้นมาทันทีแม้ว่าข้างนอกฝนจะตกหนักมากกกก ไม่งอลดีกว่า^^
ตอนนี้น้องเค้าคงนอนอยู่บ้านแล้ว (โดนเรียกตัวกลับ)
ส่วนผมก็คงไปซื้อเค้กสักก้อน แล้วเอาไปนั่งเป่าเค้กกับตุ๊กตาหมีที่น้องเค้าซื้อให้ และค่อยส่งภาพไปยั่ววว
และนี่ก็เป็นเรื่องราวโดยย่อที่ผมขอใช้พื้นที่บนเว็บไซต์นี้ ที่จะ Learn Share and Fun เรื่องราวของผมที่ผ่านมา 1 ปีกับความรักครั้งนี้
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านเรื่องราวไร้สาระของผมนะครับ ถ้ามีอะไรขัดข้องก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ^^
ขอบคุณPantip ที่ทำให้ผมได้เจอกับคนๆนึง ที่จะใช้ชีวิตไปด้วยกัน
สำหรับใครที่กำลังมองหาความรักในแบบ Y ก็พยายามต่อไปครับ โลกนี้สวยงามเสมอ^^
ขอบคุณครับ
เออ..ผมรู้ว่าน้องเค้าต้องเข้ามาอ่านแน่ๆ....
ปล.1 สุขสันต์วันครบรอบ 1 ปีที่เรารู้จักกันนะ ส่วนเค้กไว้กลับมาจะพาไปกินอีกที....
ปล.2 อย่านึกว่ากลับบ้านแล้วจะลืมเรื่องเลี้ยงไอติมนะ!!! แล้วไม่ต้องเอามาหักกลบกับเค้กด้วยยย