"ผมจะเป็นตำนานคนถัดไป"
ชายหนุ่มอายุ 22 บอกกับ นักเตะรุ่นน้าที่แก่กว่าเขาถึงเกือบ 20 ปี ในห้องแต่งตัวของสโมสร เขาเปิดเผยว่าการได้มายืนที่นี่ ในทีมนี้ และในทุกๆวัน ได้ตื่นเช้า ออกมาที่สนามซ้อม เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วพบไรอัน กิ๊กส์ กับ พอล สโคล นั่งสวมถุงเท้าอยู่ในนั้น มันเหมือนกับความฝัน ...
แต่ก่อนหน้านี้ มันไม่ได้ซาบซึ้งขนาดนั้น ...
เขาคือชายหนุ่มอายุ 22 ไม่รู้จักความชอบอะไรอย่างอื่นนอกจากฟุตบอล ไม่มีอาชีพที่อยากเป็น แม้ตอนเด็กๆจะเป็นคนขยันเรียน พอ 10 ขวบก็ได้เข้าร่วมเป็นเด็กฝึกหัดในอคาเดมี่ของสโมสรบ้านเกิด แอตแลนติโก มาดริด และฉายแววรุ่งมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ด้วยการคว้ารางวัล MOM มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมใหญ่ตอนปี 2009 และยังคงรักษาฟอร์มมือกาวสมัยเป็นนักเตะเยาวชนได้เป็นอย่างดี
เด เกอา พา แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ ยูโรป้า และ ซุปเปอร์คัพ จนกระทั่งมีสเก๊าจากสโมสรชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษสนใจในตัวเขา จนอยากได้ไปเฝ้าเสาแทนที่ผู้รักษาประตูคนเดิมที่กำลังจะ "เกษียณตัวเอง"
ในตอนแรก เด เกอาไม่ได้สนใจเรื่องการย้ายทีมมาก่อน เขามีความสุขดีในสเปนบ้านเกิด และ ฟุตบอลทีมชาติก็ยังสนุกสนาน เมื่อได้ยินข่าวเรื่องการเซ็นสัญญา หรือ การดึงตัว เขาจึงออกมาปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่ง ทุกอย่างก็กลายเป็นความจริง
ในเดือนมิถุนา ปี 2011 เด เกอา ถูกขายในราคา 19 ล้านปอนด์ .. ย้ายไปเฝ้าเสาในโอล แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ ..
นี่คือครั้งแรกที่เขาต้องจากบ้านไปแบบจริงๆจังๆ
ในวันแถลงอำลาทีมและแฟนบอล แอตเมนติโก มาดริด
.. เขาหลั่งน้ำตา ..
เด เกอาจากมาเหมือนเด็กถูกส่งไปเรียนต่อ ฤดูกาลแรกสำหรับเขาในสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีกส์ คือฝันร้าย เพราะการต้องมาแทนที่ บุคคลที่เป็นที่รัก และเป็นผู้นักษาประตูอันดับต้นๆของโลก เทียบกันแล้ว เด็กอายุ 20 แบบเขา แทบไม่มีอะไรเทียบได้ แฟนบอลหลายกลุ่ม ตั้งท่ารังเกียจรังงอน เด็กใหม่ตื่นสนามแบบเขา ที่ "ป๋า" คนนั้นคาดหวังให้เขาเล่นเป็นมือหนึ่ง แทนที่ "เอ็ดวิน ฟาน เดอซาร์"
แฟนบอลรู้สึกไม่ชอบใจที่เอาเด็กดาวรุ่งมาเล่นเป็น มือหนึ่ง และ ไอ้หน้าลามะจากสเปน ก็ไม่ได้โดดเด่นถึงขั้นอัจฉริยะ และอาจยังไม่คู่ควรพอ หรือ มีศักดิ์ศรีมากพอจะมาแทน "เอ็ดวิน ฟานเดอซาร์"... หลายคนบอกว่า เด เกอา คือ ตัวเลือกที่ผิดพลาด พวกเขาต้องการ ลินเดการ์ดมือสอง ที่ชั้นเชิงมากกว่า หรือ แม้แต่ อามอสเด็กอคาเดมี่ที่เป็นมือสาม ยังเหมาะสมกับทีมมากกว่า ...
สมัยอยู่สเปน เด เกอา แทบไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ ... ความลำบากเรื่องภาษาที่ใช้สื่อสาร บวกกับ เรื่องงาน เรื่องข่าวจากสื่ออังกฤษ เรื่องแฟนบอล เรื่องอาหารการกิน เรื่องการปรับตัว เรื่องสภาพสังคมที่ต่างจากประเทศบ้านเกิดอย่างสิ้นเชิง และ เรื่องสภาพอากาศที่เลวร้าย ...
นั่นทำให้ บางครั้งเขาก็รู้สึกว่า มันช่างยากเหลือเกิน ...
เด เกอาเคยบอกว่า
"ตอนอยู่สเปน เมื่อผมแข่งเสร็จ พอกลับบ้านไป ผมจะได้อยู่กับครอบครัว ได้เจอหน้าพ่อแม่ แต่ที่อังกฤษ ไม่มีใครรอผมแบบนั้น ..."
เป็นที่ทราบกันดี ปัญหาหนึ่งที่นักเตะสเปนที่ย้ายมาอยู่พรีเมียลีกส์ในระยะแรก มักพูดถึงกันทุกครั้งคือ สังคมอังกฤษต่างจากสเปนมาก ตรงที่ส่วนใหญ่แล้วนักเตะสเปน เมื่อแข่งฟุตบอลเสร็จ จะกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว ทำอาหารกินกันเองในหมู่เพื่อนฝูง ขณะที่ นักเตะอังกฤษในเวลาหลังเลิกงานไปกับการปาร์ตี้ นักเตะสเปนหลายคนจึงมักยกย่องนักเตะอังกฤษว่า พวกเขาอยู่ในลีกส์ที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะ Work Hard Play Hard จริงๆ
นอกจากปัญหาการใช้ชีวิตแล้ว ปัญหาที่สำคัญจริงๆสำหรับเด เกอา คงเป็นปัญหาเรื่องงาน และการปรับตัวให้เข้ากับทีม .. นั่นเองเป็นตอนที่ Eric Steele เข้ามาในชีวิตของเขา ...
"เราคาดหวัง แต่เราก็รู้ดีว่า ไม่มีทางที่เขาจะเป็นอย่างที่เราคาดหวังได้ทันที"
สตีล พูดถึงเด เกอากับฟอร์มในฤดูกาลแรก ที่ดูเหมือนเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลแบบอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์นัก นั่นทำให้ฤดูกาลแรกของเด เกอาเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เดเกอามักพลาดกับลูกโ่ด่งเสมอ จนบางครั้งทำให้โดนวิพากย์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากเพื่อนร่วมทีม ยังไม่นับบรรดาสื่ออังกฤษจอมเสี้ยม และ บรรดาแฟนบอลที่ไม่ยอมรับเขาอีก
"เพราะการหาคนมาแทน เอ็ดวิน นั่นทำให้เราต้องคัดเลือกอย่างดี ทั้ง ลิเดการ์ด และ อามอส ไม่เคยถูกมองข้ามไป ฤดูกาลแรกมันหนักหนาเสมอ แต่เรามั่นใจว่า เขาจะพัฒนาอย่างดีต่อจากนี้.."
หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใด ทำไม เฟอร์กูสัน ถึงเลือก เด็กใหม่แบบเดเกอามาเฝ้าเสา แทนที่จะซื้อผู้เล่นมากชั้นเชิงและประสบการณ์มาแทน ในเมื่อ ทีมอยู่ระดับที่ต้องการความแน่นอน และการการันตีแชมป์ มากกว่า การมาคอยประคมประหงมเด็กใหม่ แบบทีมอื่นๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เฟอร์กี้เลือกฝากอนาคตไว้ในมือ เด็กรุ่นใหม่ ..
"ดาบิด สามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ .. อีกมากทีเดียว สำหรับฟุตบอล กองหลังอาจทำพลาดกี่ครั้งก็ได้ในเกมเกมหนึ่ง แต่สำหรับผู้รักษาประตู พลาดครั้งเดียวคือ จบเกม นี่เป็นตำแหน่งที่สำคัญ และเราพอใจกับเขาแล้วในตอนนี้"
เซอร์อเล็กซ์บอกว่า คนที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคือ อีริค สตีล เขาทำให้เด เกอา กลายเป็น เบอร์หนึ่ง ของทีมในตอนนี้
"คุณเคยดู เอ็ดวินเล่นบอลตอนอายุ 20 หรือเปล่า กว่าเขาจะมาอังกฤษ ก็ปาเข้าไป 32 แล้ว แต่ดาบิดมาที่นี่ตอนอายุ 20 เพื่อมาอยู่กับเรา แล้วคุณคาดหวังอะไร ตอนนี้เขาทำได้ดีกว่าที่คุณคาดแล้ว อาจดีกว่าเอ็ดวินตอนอายุ 20 ด้วยซ้ำ เรื่องนั้นไม่มีใครรู้หรอก..." อีริค สตีลเคยบอกกับบรรดาสื่อที่วิพากย์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของเด เกอา
เฟอร์กี้บอกว่า วันที่เราตัดสินใจเซนต์สัญญา เดเกอาถูกพามาที่บ้านของเขา ตอนนั้น อีริคก็อยู่ด้วย เพื่อคอยบอกว่า สไตล์บอลที่อังกฤษ ต่างจากที่เขาเคยเจอมาอย่างไรบ้าง
"เขาได้รับการคาดหวังในการเล่นที่ต่างจากที่เขาเคยเจอ นั่นทำให้เราเซอร์ไพรซ์นิดหน่อย กับการพยายามบอกกล่าวปัญหาเหล่านี้กับผู้รักษาประตูอายุน้อยๆ นี่เป็นปัญหาที่ต่างออกไป
ที่ผมบอกว่า ตอนนี้เค้าคือ มือหนึ่ง เพราะ ตอนที่ปีเตอร์ (ชไมเคิล) มาที่นี่ครั้งแรก เขาก็คล้ายๆกับดาบิดตอนนี้ ตอนที่ปีเตอร์ได้ลงเล่นเกมส์แรกกับวิมเบิลดัน เขาตะโกนร้องไปเสียทุกอย่าง กรีดร้องอย่างกับหมูเจอเชือดทุกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้"
และชไมเคิลกลายเป็น ดีลที่คุ้มค่าที่สุดตลอดกาลของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงปัจจุบัน
"แต่ปีเตอร์ต่างจากดาบิด เขาบ่มเพาะตัวเองเพียงพอแล้วจึงมาอยู่กับเราตอนอายุ 27 แต่ดาบิดพึ่ง 20 และเราจะดูแลเขาจนกว่าเขาจะได้รับการบ่มเพาะที่เพียงพอ จนกลายเป็นสุดยอดให้ได้"
ฤดูกาลแรกที่เด เกอาย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด พวกเขาจบที่อันดับ 2 ในลีกส์ ในวินาทีสุดท้าย มันเป็นปีที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง สำหรับเด เกอา และ นักเตะคนอื่นๆ รวมไปถึงแฟนบอลทุกคน
แต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาทำสำเร็จ คว้าแชมป์ลีกส์มาได้ในที่สุด ...
เหรียญแชมป์ลีกส์สำหรับเด เกอา ในวันนี้ มันจึงไม่ได้มีความหมายแค่ สุดท้ายแล้วพวกเขาคือผู้ชนะ
สำหรับเด เกอา เหรียญแชมป์ อาจเป็นสัญลักษณ์ให้คนไม่สมบูรณ์แบบแบบเขา
ได้พิสูจน์กับตัวเอง
วันนี้
.. เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ ..
.. เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ โดยสมบูรณ์ ..
สำหรับการเป็นสมาชิกใหม่
"การพิสูจน์ตัวเอง" และ "การได้รับการยอมรับ" มันมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด
David de Gea | Madrid, Spain | 22 years old (1990)
... ชายผู้ไม่สมบูรณ์แบบ David de Gea ...
"ผมจะเป็นตำนานคนถัดไป"
ชายหนุ่มอายุ 22 บอกกับ นักเตะรุ่นน้าที่แก่กว่าเขาถึงเกือบ 20 ปี ในห้องแต่งตัวของสโมสร เขาเปิดเผยว่าการได้มายืนที่นี่ ในทีมนี้ และในทุกๆวัน ได้ตื่นเช้า ออกมาที่สนามซ้อม เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วพบไรอัน กิ๊กส์ กับ พอล สโคล นั่งสวมถุงเท้าอยู่ในนั้น มันเหมือนกับความฝัน ...
แต่ก่อนหน้านี้ มันไม่ได้ซาบซึ้งขนาดนั้น ...
เขาคือชายหนุ่มอายุ 22 ไม่รู้จักความชอบอะไรอย่างอื่นนอกจากฟุตบอล ไม่มีอาชีพที่อยากเป็น แม้ตอนเด็กๆจะเป็นคนขยันเรียน พอ 10 ขวบก็ได้เข้าร่วมเป็นเด็กฝึกหัดในอคาเดมี่ของสโมสรบ้านเกิด แอตแลนติโก มาดริด และฉายแววรุ่งมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ด้วยการคว้ารางวัล MOM มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมใหญ่ตอนปี 2009 และยังคงรักษาฟอร์มมือกาวสมัยเป็นนักเตะเยาวชนได้เป็นอย่างดี
เด เกอา พา แอตเลติโก มาดริด คว้าแชมป์ ยูโรป้า และ ซุปเปอร์คัพ จนกระทั่งมีสเก๊าจากสโมสรชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษสนใจในตัวเขา จนอยากได้ไปเฝ้าเสาแทนที่ผู้รักษาประตูคนเดิมที่กำลังจะ "เกษียณตัวเอง"
ในตอนแรก เด เกอาไม่ได้สนใจเรื่องการย้ายทีมมาก่อน เขามีความสุขดีในสเปนบ้านเกิด และ ฟุตบอลทีมชาติก็ยังสนุกสนาน เมื่อได้ยินข่าวเรื่องการเซ็นสัญญา หรือ การดึงตัว เขาจึงออกมาปฏิเสธทุกครั้ง จนกระทั่ง ทุกอย่างก็กลายเป็นความจริง
ในเดือนมิถุนา ปี 2011 เด เกอา ถูกขายในราคา 19 ล้านปอนด์ .. ย้ายไปเฝ้าเสาในโอล แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ ..
นี่คือครั้งแรกที่เขาต้องจากบ้านไปแบบจริงๆจังๆ
ในวันแถลงอำลาทีมและแฟนบอล แอตเมนติโก มาดริด
.. เขาหลั่งน้ำตา ..
เด เกอาจากมาเหมือนเด็กถูกส่งไปเรียนต่อ ฤดูกาลแรกสำหรับเขาในสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีกส์ คือฝันร้าย เพราะการต้องมาแทนที่ บุคคลที่เป็นที่รัก และเป็นผู้นักษาประตูอันดับต้นๆของโลก เทียบกันแล้ว เด็กอายุ 20 แบบเขา แทบไม่มีอะไรเทียบได้ แฟนบอลหลายกลุ่ม ตั้งท่ารังเกียจรังงอน เด็กใหม่ตื่นสนามแบบเขา ที่ "ป๋า" คนนั้นคาดหวังให้เขาเล่นเป็นมือหนึ่ง แทนที่ "เอ็ดวิน ฟาน เดอซาร์"
แฟนบอลรู้สึกไม่ชอบใจที่เอาเด็กดาวรุ่งมาเล่นเป็น มือหนึ่ง และ ไอ้หน้าลามะจากสเปน ก็ไม่ได้โดดเด่นถึงขั้นอัจฉริยะ และอาจยังไม่คู่ควรพอ หรือ มีศักดิ์ศรีมากพอจะมาแทน "เอ็ดวิน ฟานเดอซาร์"... หลายคนบอกว่า เด เกอา คือ ตัวเลือกที่ผิดพลาด พวกเขาต้องการ ลินเดการ์ดมือสอง ที่ชั้นเชิงมากกว่า หรือ แม้แต่ อามอสเด็กอคาเดมี่ที่เป็นมือสาม ยังเหมาะสมกับทีมมากกว่า ...
สมัยอยู่สเปน เด เกอา แทบไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ ... ความลำบากเรื่องภาษาที่ใช้สื่อสาร บวกกับ เรื่องงาน เรื่องข่าวจากสื่ออังกฤษ เรื่องแฟนบอล เรื่องอาหารการกิน เรื่องการปรับตัว เรื่องสภาพสังคมที่ต่างจากประเทศบ้านเกิดอย่างสิ้นเชิง และ เรื่องสภาพอากาศที่เลวร้าย ...
นั่นทำให้ บางครั้งเขาก็รู้สึกว่า มันช่างยากเหลือเกิน ...
เด เกอาเคยบอกว่า
"ตอนอยู่สเปน เมื่อผมแข่งเสร็จ พอกลับบ้านไป ผมจะได้อยู่กับครอบครัว ได้เจอหน้าพ่อแม่ แต่ที่อังกฤษ ไม่มีใครรอผมแบบนั้น ..."
เป็นที่ทราบกันดี ปัญหาหนึ่งที่นักเตะสเปนที่ย้ายมาอยู่พรีเมียลีกส์ในระยะแรก มักพูดถึงกันทุกครั้งคือ สังคมอังกฤษต่างจากสเปนมาก ตรงที่ส่วนใหญ่แล้วนักเตะสเปน เมื่อแข่งฟุตบอลเสร็จ จะกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว ทำอาหารกินกันเองในหมู่เพื่อนฝูง ขณะที่ นักเตะอังกฤษในเวลาหลังเลิกงานไปกับการปาร์ตี้ นักเตะสเปนหลายคนจึงมักยกย่องนักเตะอังกฤษว่า พวกเขาอยู่ในลีกส์ที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะ Work Hard Play Hard จริงๆ
นอกจากปัญหาการใช้ชีวิตแล้ว ปัญหาที่สำคัญจริงๆสำหรับเด เกอา คงเป็นปัญหาเรื่องงาน และการปรับตัวให้เข้ากับทีม .. นั่นเองเป็นตอนที่ Eric Steele เข้ามาในชีวิตของเขา ...
"เราคาดหวัง แต่เราก็รู้ดีว่า ไม่มีทางที่เขาจะเป็นอย่างที่เราคาดหวังได้ทันที"
สตีล พูดถึงเด เกอากับฟอร์มในฤดูกาลแรก ที่ดูเหมือนเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลแบบอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์นัก นั่นทำให้ฤดูกาลแรกของเด เกอาเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เดเกอามักพลาดกับลูกโ่ด่งเสมอ จนบางครั้งทำให้โดนวิพากย์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากเพื่อนร่วมทีม ยังไม่นับบรรดาสื่ออังกฤษจอมเสี้ยม และ บรรดาแฟนบอลที่ไม่ยอมรับเขาอีก
"เพราะการหาคนมาแทน เอ็ดวิน นั่นทำให้เราต้องคัดเลือกอย่างดี ทั้ง ลิเดการ์ด และ อามอส ไม่เคยถูกมองข้ามไป ฤดูกาลแรกมันหนักหนาเสมอ แต่เรามั่นใจว่า เขาจะพัฒนาอย่างดีต่อจากนี้.."
หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใด ทำไม เฟอร์กูสัน ถึงเลือก เด็กใหม่แบบเดเกอามาเฝ้าเสา แทนที่จะซื้อผู้เล่นมากชั้นเชิงและประสบการณ์มาแทน ในเมื่อ ทีมอยู่ระดับที่ต้องการความแน่นอน และการการันตีแชมป์ มากกว่า การมาคอยประคมประหงมเด็กใหม่ แบบทีมอื่นๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เฟอร์กี้เลือกฝากอนาคตไว้ในมือ เด็กรุ่นใหม่ ..
"ดาบิด สามารถพัฒนาได้มากกว่านี้ .. อีกมากทีเดียว สำหรับฟุตบอล กองหลังอาจทำพลาดกี่ครั้งก็ได้ในเกมเกมหนึ่ง แต่สำหรับผู้รักษาประตู พลาดครั้งเดียวคือ จบเกม นี่เป็นตำแหน่งที่สำคัญ และเราพอใจกับเขาแล้วในตอนนี้"
เซอร์อเล็กซ์บอกว่า คนที่ต้องขอบคุณมากที่สุดคือ อีริค สตีล เขาทำให้เด เกอา กลายเป็น เบอร์หนึ่ง ของทีมในตอนนี้
"คุณเคยดู เอ็ดวินเล่นบอลตอนอายุ 20 หรือเปล่า กว่าเขาจะมาอังกฤษ ก็ปาเข้าไป 32 แล้ว แต่ดาบิดมาที่นี่ตอนอายุ 20 เพื่อมาอยู่กับเรา แล้วคุณคาดหวังอะไร ตอนนี้เขาทำได้ดีกว่าที่คุณคาดแล้ว อาจดีกว่าเอ็ดวินตอนอายุ 20 ด้วยซ้ำ เรื่องนั้นไม่มีใครรู้หรอก..." อีริค สตีลเคยบอกกับบรรดาสื่อที่วิพากย์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของเด เกอา
เฟอร์กี้บอกว่า วันที่เราตัดสินใจเซนต์สัญญา เดเกอาถูกพามาที่บ้านของเขา ตอนนั้น อีริคก็อยู่ด้วย เพื่อคอยบอกว่า สไตล์บอลที่อังกฤษ ต่างจากที่เขาเคยเจอมาอย่างไรบ้าง
"เขาได้รับการคาดหวังในการเล่นที่ต่างจากที่เขาเคยเจอ นั่นทำให้เราเซอร์ไพรซ์นิดหน่อย กับการพยายามบอกกล่าวปัญหาเหล่านี้กับผู้รักษาประตูอายุน้อยๆ นี่เป็นปัญหาที่ต่างออกไป
ที่ผมบอกว่า ตอนนี้เค้าคือ มือหนึ่ง เพราะ ตอนที่ปีเตอร์ (ชไมเคิล) มาที่นี่ครั้งแรก เขาก็คล้ายๆกับดาบิดตอนนี้ ตอนที่ปีเตอร์ได้ลงเล่นเกมส์แรกกับวิมเบิลดัน เขาตะโกนร้องไปเสียทุกอย่าง กรีดร้องอย่างกับหมูเจอเชือดทุกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้"
และชไมเคิลกลายเป็น ดีลที่คุ้มค่าที่สุดตลอดกาลของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงปัจจุบัน
"แต่ปีเตอร์ต่างจากดาบิด เขาบ่มเพาะตัวเองเพียงพอแล้วจึงมาอยู่กับเราตอนอายุ 27 แต่ดาบิดพึ่ง 20 และเราจะดูแลเขาจนกว่าเขาจะได้รับการบ่มเพาะที่เพียงพอ จนกลายเป็นสุดยอดให้ได้"
ฤดูกาลแรกที่เด เกอาย้ายมาโอลด์ แทรฟฟอร์ด พวกเขาจบที่อันดับ 2 ในลีกส์ ในวินาทีสุดท้าย มันเป็นปีที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง สำหรับเด เกอา และ นักเตะคนอื่นๆ รวมไปถึงแฟนบอลทุกคน
แต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาทำสำเร็จ คว้าแชมป์ลีกส์มาได้ในที่สุด ...
เหรียญแชมป์ลีกส์สำหรับเด เกอา ในวันนี้ มันจึงไม่ได้มีความหมายแค่ สุดท้ายแล้วพวกเขาคือผู้ชนะ
สำหรับเด เกอา เหรียญแชมป์ อาจเป็นสัญลักษณ์ให้คนไม่สมบูรณ์แบบแบบเขา
ได้พิสูจน์กับตัวเอง
วันนี้
.. เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ ..
.. เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ โดยสมบูรณ์ ..
สำหรับการเป็นสมาชิกใหม่
"การพิสูจน์ตัวเอง" และ "การได้รับการยอมรับ" มันมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด
David de Gea | Madrid, Spain | 22 years old (1990)