นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาศัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรี พูดบิดเบือนข้อเท็จจริง กระทบกระเทือนต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของทักษิณ
ระหว่างเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้พูดในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย เอ่ยอ้างถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะอาหรับปริงส์ หรือในพม่า ก่อนจะมาเน้นหนักที่ประเทศไทย โดยสาระที่บิดเบือน โกหก น่าเกลียดที่สุด
กลายเป็นว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เดินทางไปพูดโกหกเกี่ยวกับประเทศไทย
โจมตี บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และระบบยุติธรรมของประเทศไทย
1) พูดตามตรง... ไม่เชื่อว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะใช้สติปัญญาของตนเองในการประดิษฐ์เรื่องราวและเสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นไปพูดเอง
หากจะยืนยันว่าตนคิดเองพูดเองจริงๆ ไม่มีใครบอกบทให้พูด ก็ขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามในประเด็นเหล่านั้น ถ่ายทอดสดออกทีวี พิสูจน์กันให้ชัดเจนไปเลย
แต่เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ไปพูดและแสดงออกในฐานะ “นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย” เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทย ในฐานะคนไทยจึงต้องนำความจริงอีกด้านมาหักล้างคำ
2) นายกฯ ยิ่งลักษณ์ บอกว่า “ขอยกเรื่องของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์ ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยประชาชน เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหารแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหน ด้วยเสียงส่วนใหญ่ ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนที่ไม่รู้จักดิฉัน อาจบอกว่า เธอจะบ่นไปทำไม เป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไป ซึ่งหากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียว ดิฉันก็คงจะปล่อยวาง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้น จากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย...”
ความจริง คือ ทักษิณบริหารประเทศ บิดเบือนทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 เสมือนหนึ่ง “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” แทรกแซงครอบงำวุฒิสภา องค์กรอิสระ เกิดการทุจริตโกงกินมโหฬาร อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง โดยซุกหุ้นไว้ในชื่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น ลูกๆ ญาติพี่น้อง รวมทั้งชื่อของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย
ทักษิณจ้างทีมทนายความสู้คดีในศาลอย่างเต็มที่ แต่จำนนด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์การทุจริต ในที่สุด ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน
อันที่จริง พรรคไทยรักไทยนั้น ก็โกงเลือกตั้ง ถูกดำเนินคดี จนล่าสุด ศาลฎีกาก็พิพากษาลงโทษอดีตแกนนำของพรรคไทยรักไทยด้วย
ส่วนที่แหลทำนองว่า หลังรัฐประหารในปี 2549 ยังต้องใช้เวลากว่า 10 ปี จึงได้ประชาธิปไตยคืนมานั้น คงลืมไปว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ได้ผ่านประชามติของประชาชน 14 กว่าล้านเสียง และเมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคของทักษิณก็ได้กลับมาเป็นรัฐบาล (ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย) โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ และเมื่อนายสมัครทำผิดรัฐธรรมนูญ รับจ้างทำรายการอาหารออกทีวี ต้องพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พี่เขยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนที่นายสมัคร ซึ่งถูกหักหลัง ก่อนนายสมชายจะพ้นตำแหน่งจากคดีที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนทุจริตเลือกตั้ง ยุบพรรคพลังประชาชนตามกฎหมาย
การเลือกนายกฯ คนใหม่ในสภา ส.ส.ของทักษิณหันไปยกมือให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ปรากฏว่าคะแนนแพ้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็มีขบวนการปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาต่อต้าน ขัดขวางการทำงาน ทั้งในปี 2552-2553 มีการล้มการประชุมอาเซียน ก่อจลาจล เผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้ายในบ้านเมือง ฆ่าทหารฆ่าประชาชน ฯลฯ โดยที่นางสาวยิ่งลักษณ์เคยมีบทบาทในการส่งน้ำเลี้ยงให้ม็อบเสื้อแดงที่ออกมาล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์
3) นางสาวยิ่งลักษณ์ อาศัยสถานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย บอกกับนานาชาติว่า
“...ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของ กทม. คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนป์เปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ และทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่ แต่ประชาชนคนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันที่จะเดินไปข้างหน้า จนในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของประชาชนได้ ตนได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่ รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้คือการที่ครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ ยิ่งกว่านั้น กลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม...”
นายกฯ ยิ่งลักษณ์วาดภาพเท็จเกี่ยวกับการชุมนุมของเสื้อแดง 2553 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวโดยมีแก้วสามประการ มีมวลชน พรรคการเมือง และกองกำลังติดอาวุธ แล้วในผู้เสียชีวิต 91 รายนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต่อต้านเสื้อแดง แต่ถูกสังหารโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อแดง
นางอ้างว่า ปัจจุบันยังมีเหยื่อจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยติดคุกอยู่ แต่ในความเป็นจริง คนเสื้อแดงที่ยังติดคุก ล้วนแต่เป็นผู้กระทำผิดที่ถูกศาลยุติธรรมพิพากษาลงโทษด้วยข้อหาความผิดกฎหมายอาญาแผ่นดินร้ายแรง เช่น เผาศาลากลาง ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุ หมิ่นสถาบัน ฯลฯ ถ้าพฤติกรรมความผิดเช่นนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย คนที่ไม่พอใจรัฐบาลจะขอสิทธิเคลื่อนไหวอย่างนี้เอากับตระกูลชินวัตรบ้างจะได้ไหม
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังใส่ร้ายองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
กล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต
เป็นข้อใส่ร้ายกล่าวหาอย่างร้ายแรงจากปากนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
4) สุดท้าย นางสาวยิ่งลักษณ์ ยิ่งกว่าละคร “ดอกส้มสีทอง”
“...ดิฉันขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่า ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือน พ.ค. 2553 ต้องเผชิญ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆไป”
ตระกูลชินวัตรมีใครตายหรือ? มีแต่ชาวบ้านที่ถูกหลอกมาตาย
ใครปลุกระดมชาวบ้าน หลอกให้เขามาตาย ต้มตุ๋นว่าเสียงปืนแตกจะเข้ามาเดินนำคนเสื้อแดงด้วยตนเอง
ตระกูลเดียวที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความสูญเสียของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา คือใคร?
ใครคือ เจ๊ ด.? ใครไม่ต้องติดคุก ทั้งที่ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดไปแล้ว?
ใครคุกคามศาล? ขี้ข้าใครยังป่วนบ้านป่วนเมือง? หวังกินรวบประเทศไทย
ใครมีหน้าที่เป็นนายกฯ อยู่ในขณะนี้แล้ว แต่ละเลยไม่แก้ปัญหาของประเทศชาติส่วนรวม? ฯลฯ
นี่คือพฤติกรรม “ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ”
มิใช่ไม่เดียงสา แต่ไม่ละอายต่างหาก
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/6448
ปล.นายกปู สนับสนุนการอันธพาลก่อม๊อบไม่ใช่หรือครับ...ประชาธิปไตยแบบไหนหนอ...เอิ๊ก ๆ ๆ
แหลข้ามชาติ!
ระหว่างเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้พูดในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย เอ่ยอ้างถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะอาหรับปริงส์ หรือในพม่า ก่อนจะมาเน้นหนักที่ประเทศไทย โดยสาระที่บิดเบือน โกหก น่าเกลียดที่สุด
กลายเป็นว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เดินทางไปพูดโกหกเกี่ยวกับประเทศไทย
โจมตี บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และระบบยุติธรรมของประเทศไทย
1) พูดตามตรง... ไม่เชื่อว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะใช้สติปัญญาของตนเองในการประดิษฐ์เรื่องราวและเสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นไปพูดเอง
หากจะยืนยันว่าตนคิดเองพูดเองจริงๆ ไม่มีใครบอกบทให้พูด ก็ขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามในประเด็นเหล่านั้น ถ่ายทอดสดออกทีวี พิสูจน์กันให้ชัดเจนไปเลย
แต่เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ไปพูดและแสดงออกในฐานะ “นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย” เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทย ในฐานะคนไทยจึงต้องนำความจริงอีกด้านมาหักล้างคำ
2) นายกฯ ยิ่งลักษณ์ บอกว่า “ขอยกเรื่องของดิฉันเองเป็นอุทาหรณ์ ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยประชาชน เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหารแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหน ด้วยเสียงส่วนใหญ่ ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมา หลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนที่ไม่รู้จักดิฉัน อาจบอกว่า เธอจะบ่นไปทำไม เป็นเรื่องปกติในกระบวนการการเมืองที่รัฐบาลมาแล้วก็ไป ซึ่งหากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียว ดิฉันก็คงจะปล่อยวาง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความเป็นไปที่เกิดขึ้น จากการรัฐประหารประเทศไทยต้องถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย...”
ความจริง คือ ทักษิณบริหารประเทศ บิดเบือนทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 เสมือนหนึ่ง “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” แทรกแซงครอบงำวุฒิสภา องค์กรอิสระ เกิดการทุจริตโกงกินมโหฬาร อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง โดยซุกหุ้นไว้ในชื่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น ลูกๆ ญาติพี่น้อง รวมทั้งชื่อของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย
ทักษิณจ้างทีมทนายความสู้คดีในศาลอย่างเต็มที่ แต่จำนนด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์การทุจริต ในที่สุด ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาร่ำรวยผิดปกติ ยึดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบตกเป็นของแผ่นดิน
อันที่จริง พรรคไทยรักไทยนั้น ก็โกงเลือกตั้ง ถูกดำเนินคดี จนล่าสุด ศาลฎีกาก็พิพากษาลงโทษอดีตแกนนำของพรรคไทยรักไทยด้วย
ส่วนที่แหลทำนองว่า หลังรัฐประหารในปี 2549 ยังต้องใช้เวลากว่า 10 ปี จึงได้ประชาธิปไตยคืนมานั้น คงลืมไปว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ได้ผ่านประชามติของประชาชน 14 กว่าล้านเสียง และเมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคของทักษิณก็ได้กลับมาเป็นรัฐบาล (ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย) โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ และเมื่อนายสมัครทำผิดรัฐธรรมนูญ รับจ้างทำรายการอาหารออกทีวี ต้องพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พี่เขยของนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนที่นายสมัคร ซึ่งถูกหักหลัง ก่อนนายสมชายจะพ้นตำแหน่งจากคดีที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนทุจริตเลือกตั้ง ยุบพรรคพลังประชาชนตามกฎหมาย
การเลือกนายกฯ คนใหม่ในสภา ส.ส.ของทักษิณหันไปยกมือให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ปรากฏว่าคะแนนแพ้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็มีขบวนการปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาต่อต้าน ขัดขวางการทำงาน ทั้งในปี 2552-2553 มีการล้มการประชุมอาเซียน ก่อจลาจล เผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้ายในบ้านเมือง ฆ่าทหารฆ่าประชาชน ฯลฯ โดยที่นางสาวยิ่งลักษณ์เคยมีบทบาทในการส่งน้ำเลี้ยงให้ม็อบเสื้อแดงที่ออกมาล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์
3) นางสาวยิ่งลักษณ์ อาศัยสถานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย บอกกับนานาชาติว่า
“...ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของ กทม. คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนป์เปอร์ แกนนำการชุมนุมต้องติดคุกหรือหลบหนีไปต่างประเทศ และทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ติดคุกอยู่ แต่ประชาชนคนไทยไม่ท้อถอยและยืนยันที่จะเดินไปข้างหน้า จนในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งก็มีฝ่ายปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยที่เชื่อว่าจะบริหารจัดการและบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาธิปไตยได้ต่อ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของประชาชนได้ ตนได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ มีความชัดเจนว่าผู้ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านประชาธิปไตยยังคงอยู่ รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบเพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในประเด็นนี้คือการที่ครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ ยิ่งกว่านั้น กลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เป็นการดำเนินการเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหนึ่งมากกว่าเพื่อคนส่วนใหญ่ของสังคม...”
นายกฯ ยิ่งลักษณ์วาดภาพเท็จเกี่ยวกับการชุมนุมของเสื้อแดง 2553 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวโดยมีแก้วสามประการ มีมวลชน พรรคการเมือง และกองกำลังติดอาวุธ แล้วในผู้เสียชีวิต 91 รายนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต่อต้านเสื้อแดง แต่ถูกสังหารโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อแดง
นางอ้างว่า ปัจจุบันยังมีเหยื่อจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยติดคุกอยู่ แต่ในความเป็นจริง คนเสื้อแดงที่ยังติดคุก ล้วนแต่เป็นผู้กระทำผิดที่ถูกศาลยุติธรรมพิพากษาลงโทษด้วยข้อหาความผิดกฎหมายอาญาแผ่นดินร้ายแรง เช่น เผาศาลากลาง ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุ หมิ่นสถาบัน ฯลฯ ถ้าพฤติกรรมความผิดเช่นนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย คนที่ไม่พอใจรัฐบาลจะขอสิทธิเคลื่อนไหวอย่างนี้เอากับตระกูลชินวัตรบ้างจะได้ไหม
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังใส่ร้ายองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
กล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต
เป็นข้อใส่ร้ายกล่าวหาอย่างร้ายแรงจากปากนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
4) สุดท้าย นางสาวยิ่งลักษณ์ ยิ่งกว่าละคร “ดอกส้มสีทอง”
“...ดิฉันขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่า ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองไทย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือน พ.ค. 2553 ต้องเผชิญ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายสำหรับประเทศไทย ขอให้เราทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆไป”
ตระกูลชินวัตรมีใครตายหรือ? มีแต่ชาวบ้านที่ถูกหลอกมาตาย
ใครปลุกระดมชาวบ้าน หลอกให้เขามาตาย ต้มตุ๋นว่าเสียงปืนแตกจะเข้ามาเดินนำคนเสื้อแดงด้วยตนเอง
ตระกูลเดียวที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความสูญเสียของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา คือใคร?
ใครคือ เจ๊ ด.? ใครไม่ต้องติดคุก ทั้งที่ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดไปแล้ว?
ใครคุกคามศาล? ขี้ข้าใครยังป่วนบ้านป่วนเมือง? หวังกินรวบประเทศไทย
ใครมีหน้าที่เป็นนายกฯ อยู่ในขณะนี้แล้ว แต่ละเลยไม่แก้ปัญหาของประเทศชาติส่วนรวม? ฯลฯ
นี่คือพฤติกรรม “ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ”
มิใช่ไม่เดียงสา แต่ไม่ละอายต่างหาก
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/6448
ปล.นายกปู สนับสนุนการอันธพาลก่อม๊อบไม่ใช่หรือครับ...ประชาธิปไตยแบบไหนหนอ...เอิ๊ก ๆ ๆ