แบกเป้ ลุยเดี่ยว ตะลอนเที่ยวตามฝัน In Europe – ตอนที่ 1… ค ว า ม ฝัน แ ล ะ แ ร ง บั ล ด า ล ใ จ

สวัสดีค่ะทุกคน  

เจ้าของกระทู้เองเพิ่งกลับมาจากการเดินทางแบกเป้ที่ทวีปยุโรป เป็นเวลา 40 กว่าวันช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาเมืองที่ได้ไปเที่ยวมาคือ Barcelona, Valencia, Granada, Cordoba, Madrid, Toledo, Seville, Lisbon, Paris, Brussels, Gent, Bruges, Prague จำนวนทั้งหมด 5 ประเทศค่ะ คือ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชค (ความจริงได้ไปเยอรมนีด้วยค่ะ แต่ว่าไม่ได้เที่ยว ขอไม่นับแล้วกันนะคะ)

อากาศหนาวทีเดียว (ฤดูใบไม้ผลิ อะไรก็ไม่รู้) พอกลับมาเลยตั้งใจอย่างยิ่งว่าจะนำรูปภาพที่ตัวเองตั้งใจถ่าย ข้อคิด แรงบันดาลใจจากการที่ได้เดินทางคนเดียว เป็นเวลานาน เคล็ดลับการเดินทาง โดยเฉพาะผู้หญิงคนเดียว เผื่อใครที่กำลังมีความฝันที่จะอยากออกเดินทางบ้าง จะได้มีข้อมูล มีความมั่นใจ และหวังว่ามันจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

แต่ก่อนที่จะเล่าบันทึกการเดินทางทุกอย่างให้ฟังนั้น อยากจะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาและแรงบันดาลใจส่วนตัวค่ะ ว่าทำไมถึงไป และที่สำคัญ ไปแล้วได้อะไร! เพราะตลอดการรีวิว บางคนอาจจะถามว่าทำไมไม่ไปที่นี้ล่ะ ทำไมไม่ไปที่นั้นล่ะ เราอยากจะตอบว่า ทริปนี้เราเที่ยวตามใจตัวเองล้วนๆค่ะ เราไม่ได้เที่ยวแต่สถานที่ที่ต้องไป ต้องเห็นของเมืองนั้นๆ บางเมืองเราโชคดีได้มีคนรู้จักอยู่ที่นั่น เพื่อนต่างชาติบ้าง นักเดินทางด้วยกันบ้าง ทำให้เราเที่ยวออกนอกเส้นทางกันบ่อยๆ แต่นั้นคือการเดินทางค่ะ เรื่องที่ไม่คาดคิดเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกเสมอค่ะ

เอาล่ะค่ะ .. สั้นๆ หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันคือความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเดินทางไปยุโรปในครั้งนี้  อยู่ในกระทู้ข้างล่างนี้ที่ฉันเคยตั้งไว้ในห้องศุภชลาศัย เมื่อหลายปีก่อน.. บางคนอาจตกใจ อ้าว ห้องกีฬา มันเกี่ยวไรกับห้องบลูแพลเนตล่ะเนี่ย ลองเข้าไปดูเอาแล้วกันดีกว่าค่ะ

http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2010/07/S9519569/S9519569.html

(สำหรับใครขี้เกียจเข้าไปอ่าน  เราก็จะย่อให้มันสั้นลง (หรอออ) เอามาไว้ข้างล่างนี้แล้วกันค่ะ)

ช่วงปี พ.ศ.2545 ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นป.5 จำได้ว่าตกหลุมรักผู้ชายคนนึงอย่างหัวปักหัวปำจากการเห็นเขาทางทีวี เขาคนนั้นชื่อ 'ราอูล กอนซาเลส' นักเตะหนุ่มสัญชาติสเปนของทีมรีลมาดริด ตอนนั้นอาจจะเป็นแค่ความรัก คลั่งไคล้ทั่วไปตามประสาเด็กสาว ทำให้ฉันเครซี่และบีซี่ตัวเองอยู่กับการสะสมสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวกับราอูล เกี่ยวกับทีมรีลมาดริดและเกี่ยวกับประเทศสเปน ปกป้องและหวงแหนทีมรักนี้มากจากเพื่อนฝูงที่คิดอะไรไม่ออกก็เชียร์แต่ แมนยู ลิเวอร์พูล หรือทีมบอลที่คนส่วนใหญ่เขาเชียร์กัน หรือแม้กระทั่งศัตรูตัวฉกาจอย่างทีมบาร์เซโลน่าที่ฉันเคยเกลียดเข้ากระดูก เรียกได้ว่าช่วงชีวิตตอนนั้นฉันกลายเป็นคนที่รัก หมกมุ่นและสนใจในชนชาตินึงทีมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับบ้านเราเหลือเกิน (แถมผู้ชายยังหล่อกว่ามากกกด้วยเถอะค่ะ ความคิดในตอนนั้นนะ) ก็คือชาวสเปนหรือพวกสแปนิชเอามากๆเลยล่ะคะ นอกเหนือจากทีมรีลมาดริด ก็เริ่มมาเชียร์ทุกอย่างที่ทีมสเปนเข้าร่วมแข่งขัน เทนนิส กอล์ฟ บาส รถแข่งf1 หรือแม้กระทั่งภาษาสเปนก็เริ่มฝึก จนกระทั่งมีโอกาสดีได้ไปเรียนต่างประเทศช่วงปี 2549 และได้เรียนภาษาสเปนถึงสองปีหลังจากนั้น ชีวิตเหมือนถูกเติมเต็มค่ะ! แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เคยได้ไปสเปนสักที!

เวลาล่วงเลยเข้าปีที่ 11 ตอนที่โตขึ้นและรู้จักชีวิตดีขึ้นในหลายแง่มุม หนึ่งในความสุขที่แท้จริงสำหรับฉันคือการได้ทำฝันให้เป็นจริงค่ะ ฉันเป็นคนจริงจังกับชีวิตและการเดินตามฝันของตัวเองมานานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เริ่มชื่นชอบและคลั่งไคล้ราอูลและทีมรีลมาดริด (จนถึงตอนนี้ก็ยังรักมากนะคะ แต่ดีกรีความบ้าน้อยลงเยอะตามอายุที่เพิ่มขึ้น) ฉันตั้งใจเก็บเงินทำงานไปด้วยระหว่างเรียนเพื่อที่วันนึงจะมีเงินพอได้ออกเดินทางท่องเที่ยว ก็พวกเราไม่ใช่คนรวยนี่ค่ะ ไม่สามารถเสกสรรอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ (แต่ฉันบอกตามตรงชีวิตแบบที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มาซึ่งอะไรก็ตามในชีวิตเนี่ย สุดท้ายแล้วมีความสุขกว่ากันเย้ออ!) ชีวิตฉันมีความสุขขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวันค่ะ และเคล็ดลับอย่างหนึ่งคือ ฉันชอบฝัน! และชอบเดินตามฝันให้สำเร็จเสียด้วย สิ่งนี้เลยทำให้ในทุกช่วงเวลานาทีของชีวิตเรา เราได้ใช้มันอย่างมีคุณค่า ไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ (โอเค นานๆทีก็ดีค่ะ ผ่อนคลายตัวเองบ้าง) แต่ชีวิตเราจะมีจุดหมาย มีคุณค่าแล้วคุณจะรู้สึกดีกับตัวเอง เคารพตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะไม่ว่าฝันนั้นจะคืออะไร เล็กหรือใหญ่แค่ไหนไม่สำคัญ แต่ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจดี ฝึกฝนและการพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันนั้น แค่นี้คุณก็ใช้ชีวิตได้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วล่ะค่ะ ส่วนผลลัพธ์นะหรอ.. แม่บอกเสมอว่า 'บางทีสิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การเดินไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่ระหว่างทางที่เราเดินไปนั้น เราจะต้องมีความสุขกับสิ่งที่เราทำเสมอ'
การที่ได้เล่าให้ฟังว่าฉันกำลังจะได้ไปยุโรปอันสุดแสนไฮโซโก้เกร๋นี้ ไม่ใช่เพื่อการอวดอ้างอะไรนะคะ แต่แค่อยากเล่าให้ฟัง อยากให้แรงบันดาลใจกับใครอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต หรือคนที่มีความฝัน แต่ยังไม่เห็นมันเป็นรูปเป็นร่างสักที รู้สึกท้อ อยากถอย เหนื่อย มองไม่เห็นความเป็นไปได้ แต่ความฝันบางอย่างต้องใช้เวลาค่ะ และทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ดูอย่างฉันสิค่ะ สิบปียังไม่สายกับการที่จะได้ไปเยือนประเทศสเปน! หัวเราะ

พอตัดสินใจที่จะไป มักจะมีคนถามฉันบ่อยค่ะว่า  "จะไปแบกเป้เที่ยวต่างประเทศนั้นไม่กลัวหรอ" และยิ่งพอรู้ว่าจะไป 'คนเดียว' ก็ยิ่งนำพาสายตาแปลกๆมาสู่คนถูกถามอย่างตัวฉัน ..สำหรับบางคนการเดินทางแบกเป้เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าเสี่ยง สู้หมกตัวอยู่ในโลกแคบๆอันจำเจของตัวเอง หรือรอไปเที่ยวกับทัวร์ก็ไม่ได้ ไม่มีความเสี่ยงใดๆเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างในชีวิตล้วนสามารถควบคุมได้ แต่กับบางคนที่เลือกมีไลฟ์สไตล์อีกแบบหนึ่ง มีความฝันอีกแบบหนึ่ง การได้ออกเดินทาง ได้ใช้ความเสี่ยงไปแลกประสบการณ์การเรียนรู้ และเปิดตัวเองออกไปสู่โลกอีกใบหนึ่ง เจอสถานที่แห่งใหม่ ผู้คนใหม่ๆ เปลี่ยนตัวเองไปเป็นใครอีกคนที่ไม่มีคนรู้จัก ไร้ประสบการณ์ ไม่รู้ทิศทางของพื้นที่ที่จะไป และนั่นย่อมเท่ากับได้บังคับให้ตัวเองลดอีโก้ ลดอัตตาลง เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกกว้างใบใหม่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคยได้ บอกตามตรงค่ะ การเดินทางแบบนี้ไม่ได้แค่ให้โอกาสเราได้เห็นโลกข้างนอก แต่โลกข้างในและเสียงหัวใจตัวเองเราจะได้ยินชัดขึ้น (มาก) ..  อ้าว บางคนถาม จะฟังเสียงหัวใจตัวเองไปทำไม ได้อะไรขึ้นมาในชีวิต ฉันก็จะตอบว่า "ได้เยอะมากกกกเลยล่ะค่ะ" ทุกวันนี้ชีวิตคนเราเร่งรีบขึ้นมาก เพราะด้วยภาระหน้าที่ต่างๆนานาที่รัดตัว ค่านิยมของสังคมที่บอกว่าเราต้องรวยถึงจะมีความสุข เราไม่ควรจะช้า เอื่อยเฉื่อยเป็นเต่าคลาน ตามคนอื่นไม่ทัน ควรจะต้องพัตนาชีวิตและตัวเองไปเรื่อยๆ ตามกระแสโลกาภิวัตน์ให้ทัน ทำให้เวลาที่เราจะได้มานั่งฟัง ทบทวนถึงความต้องการในชีวิต ความหมายและคุณค่าของตัวเรานั้นลดน้อยถอยลงไปมากกกก.. การออกเดินทางจึงจำเป็นและสำคัญมากค่ะ เพราะมันคือการหยุดพักให้ชีวิต ออกไปชาร์ตแบตให้ร่างกายและจิตใจ หาแรงบันดาลใจใหม่ให้ชีวิต ได้มีโอกาสถามตัวเองว่าทุกวันนี้เรามีความสุขรึเปล่ากับสิ่งที่สังคมพยายามบอกเราตลอดเวลาว่าต้องใช้ชีวิตแบบนี้ แบบนั้น แล้วความสุขที่แท้จริงในชีวิตคืออะไร?

ลองเอาไปคิดดูนะคะ ถ้ายังไม่มีเงิน ก็เก็บเงิน ถ้าบอกว่าไม่มีเวลา ก็หาเวลาสิค่ะ ชีวิตง่ายแค่นี้เอง ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราตั้งใจจะทำมันก็จะทำได้เสมอ..

แล้วเจอกันกับตอนที่ 1 เร็วๆนี้ จะพาไปเที่ยวบาร์เซโลน่ากันค่ะ!!! หัวเราะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่