หมายเหตุ : เหตุการณ์ในเรื่องเป็นเหตุการณ์สมมุติ บุคคลและสถานที่ในเรื่องไม่มีอยู่จริง ช่วงนี้จะพยายามเคาะสนิมเกี่ยวกับการเขียนเรื่องสั้น ไม่งั้นจะลืมไปหมด หากมีข้อผิดพลาดอะไรต้องอภัยด้วยค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ ^^
เรื่องก่อนหน้านี้
ความจริงของตอนจบ :
http://pantip.com/topic/30362594
------------------------------------------------------------------------------------------------------
(1)
“ผมบอกความจริงไปหมดแล้ว”
ถึงจะยืนยันไปเช่นนั้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากเจ้าของร่างในความมืดเลยแม้แต่น้อย และความเงียบงันอันน่าใจหายก็กำลังทำให้ชายหนุ่มหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
“นาย...” เขารู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่น “ผมไม่ได้โกหกนะ นาย... ที่ผมบอกนายเป็นความจริง นายก็เห็นแล้วว่า นายเชื่อคำพูดผมได้ ที่นายส่งไอ้สันต์ไปลงนรกได้ ไม่ใช่เพราะผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับไอ้สันต์ให้นายรู้หรอกเหรอ”
“อั๊วเคยบอกลื้อสักคำไหมว่า อั๊วไม่เชื่อคำพูดของลื้อ” คนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ เอ่ยเสียงเรียบ “ที่ลื้อบอกอั๊ว มันเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าอั๊วไม่เชื่อลื้อ อั๊วก็คงจะล่อไอ้สันต์มาติดกับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ลื้อลำเลิกบุญคุณของลื้อที่มีกับอั๊วมาเมื่อตะกี้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“ผ... ผมไม่ได้ลำเลิก” เขาแย้ง “ผมแค่พูดความจริง”
“ลื้อพูดความจริง... ก็ถูก... ถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ชายที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่แค่นยิ้ม “แต่มันทำให้คนที่พูดความจริงตายได้”
ชื่อเสียงในวงการของ ‘นาย’ เป็นที่รู้กันว่า แม่นยำเหมือนจับวาง ไม่มีครั้งไหนที่ ‘นาย’ หมายหัวแล้วจะพลาดเป้า ยามนี้ ปากกระบอกปืนในมือของ ‘นาย’ ที่เคยจ่อนิ่งกลางหน้าผาก ถูกยัดเข้าไปในปากของเขา แล้วลั่นไก...
“อโหสิให้อั๊วเถอะนะ... ถ้าลื้อไม่พูดความจริง ลื้อคงไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก”
.........................................................................................................
(2)
“อ้าว สารวัตรมาเป็นไทยมุงกับเขาด้วย... แผลที่แขนเป็นไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวก็หาย ขอบใจนะ” นายตำรวจเจ้าของชื่อรับการทำความเคารพจากคนในเครื่องแบบที่เอ่ยกระเซ้า ก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า เกิดอะไรขึ้น
“มีคนตายเพราะถูกยิงน่ะครับ... กระสุนเข้าทางปากทะลุออกทางท้ายทอย ยังไม่ทราบว่ายิงตัวเองตายหรือคนอื่นยิง” พนักงานสอบสวนตอบ เหลือบตาไปทางกลุ่มตำรวจ แพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครกู้ภัยที่สาละวนกับการตรวจศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ลับตาคนอยู่พอสมควร
“ผู้ตายเป็นใคร” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ถามรุ่นน้องร่วมอาชีพ
“ผู้ตายชื่อนายปกรณ์ หรือ โป้ง เป็นพ่อค้าของมือสอง เป็นคนรู้จักของไอ้สันต์ มือปืนที่สารวัตรยิงตายไปเมื่อสองวันก่อน” ผู้อ่อนวัยกว่าบอก “ผู้ตายอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้อยู่ในครอบครองด้วย... ท่อเก็บเสียง หรือไซเลนเซอร์ที่ไอ้สันต์ใช้ก็ซื้อมาจากผู้ตายนี่แหละครับ”
พนักงานสอบสวนเอ่ยเสียงดังฟังชัดในแบบที่เขาฟังก็รู้ว่าคนพูดจงใจ ‘ปล่อย’ ข้อมูลให้นักข่าวที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นได้ยินด้วย “ตะกี้ นายกำลังพูดถึงสารวัตรอยู่ สารวัตรก็มาพอดี ผมไปบอกนายนะครับว่าสารวัตรอยู่นี่”
“เดี๋ยวผมไปหานายเอง” เขาว่า ก้มตัวลอดเทปพลาสติกที่ใช้กั้นเขตที่เกิดเหตุเข้าไป
ดูจากสายตาของชาวบ้านที่มองมา เขารู้ทันทีว่า ทุกคนคงรู้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมดแล้ว และดูจะอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เขาทำลงไป หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้ประณามสาปแช่งสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าการวิสามัญฆาตกรรมที่เขาทำกับมือปืนชื่อดังที่เคยยิงตำรวจตายมาหลายศพรายนี้
แผลกระสุนถากที่เขาได้มาประดับแขนเป็นเครื่องหมายว่า เขาก็เป็นผู้เสียหายและมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้... เจ็บนิดหน่อย แต่ก็คุ้มที่ทำให้ทุกคนเห็นตรงกันว่า... “ไอ้สันต์ สมควรตาย”
ความตายของมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นคนเริ่มต้นลงมือยิงตำรวจที่ขอเข้าตรวจค้นรถก่อน จนกระทั่งพาตัวเองไปสู่จุดจบในที่สุด
“นพ... แผลเป็นไงบ้าง” เป็นคำถามที่ ‘นาย’ ของเขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า
“ดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณครับ” เขาตอบ ทำความเคารพผู้บังคับบัญชานายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี และทักทายนายตำรวจรุ่นน้องคนอื่น ๆ เป็นพิธี
“ที่จริง นายไม่ต้องลงมาทำตรงนี้ก็ได้นี่ครับ...” เขาออกปาก มองพนักงานสอบสวนจดบันทึกรายละเอียดการตรวจศพ
‘นาย’ ยิ้มน้อย ๆ “นพพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก วิสามัญไอ้สันต์ที่เคยฆ่าตำรวจเราไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วคราวนี้ คนที่ตายมันก็เป็นพรรคพวกกับไอ้สันต์ คนกำลังให้ความสนใจ เราจะทำพลาดไม่ได้เลย พี่เลยอยากลงมาทำเอง จะได้มั่นใจไม่มีอะไรหลุดรอดสายตา ทุกอย่างที่เราทำเกี่ยวกับการกวาดล้างไอ้พวกเวรนี่จะได้ไม่สูญเปล่า นพจะได้ไม่ลำบากฟรี ๆ”
คำพูดเรียบเรื่อยของ ‘นาย’ เป็นคำพูดที่จริงจังและจริงใจจนเขาอดตื้นตันอยู่ลึก ๆ ในใจไม่ได้...
‘นาย’ ไม่เคยทิ้งลูกน้องคนไหน ถ้า ‘นาย’ ลงมือเองได้ ‘นาย’ ไม่เคยเกี่ยง... งานนี้ก็เช่นกัน เขารู้ดีว่าการที่ ‘นาย’ ลงมา ‘เก็บกวาด’ ด้วยมือของตัวเอง มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ต้องการทำให้คดีนี้ จบลงด้วยความเรียบร้อยอย่างที่พูด
ผู้ตายที่ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดที่นอนเสียชีวิตมาอยู่ในห่อผ้าดิบสีขาวของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ไม่ใช่แค่พ่อค้าของมือสอง หรือค้าอาวุธและเครื่องกระสุนเถื่อนธรรมดา แต่ยังเป็นสายและนกต่อของตำรวจชุดจับกุมมือปืนที่ดับดิ้นไปแล้วเมื่อสองวันก่อนด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ พ่อค้าของเก่ารายนี้ร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูลและเป็นตัวล่อไอ้สันต์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมหมู่บ้านและลูกค้าของตัวเองมาติดกับ และการยิงต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่วางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี...
สิ่งเดียวที่ผิดพลาด คือ เขาถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้เหตุผลของการ ‘เก็บกวาด’ สมเหตุสมผลอย่างที่สุด
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้านายปกรณ์จะถูกล้างแค้นในเวลาต่อมาด้วยฝีมือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง...
ตอนที่มือปืนที่ทางการต้องการตัวอย่างไอ้สันต์ตาย เขาอดนึกเสียดายและสลดใจกับชะตาของคนที่เขาปลิดชีพด้วยมือของตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มือปืนที่ฆ่าคนมาหลายสิบอย่างมันก็ยังยอมเสี่ยงออกมาด้วยเหตุผลคำว่า ‘เพื่อน’ เพียงคำเดียว ในขณะที่เขานึกสมน้ำหน้าปนสะใจที่ผู้ให้ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมของฝ่ายตนเองตายในสภาพนี้
“คนที่สมควรตายพอ ๆ กับไอ้สันต์ก็คือไอ้โป้งนี่แหละ”
เขาสะดุ้งน้อย ๆ กับคำกล่าวของ ‘นาย’ ที่เอ่ยให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ไอ้โป้งมันปากโป้งสมชื่อ ไม่น่าแปลกใจหรอกที่มันจะตายเพราะไข้โป้งเข้าสักวัน”
(มีต่อนะคะ)
จุดจบของความจริง
เรื่องก่อนหน้านี้
ความจริงของตอนจบ : http://pantip.com/topic/30362594
------------------------------------------------------------------------------------------------------
(1)
“ผมบอกความจริงไปหมดแล้ว”
ถึงจะยืนยันไปเช่นนั้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากเจ้าของร่างในความมืดเลยแม้แต่น้อย และความเงียบงันอันน่าใจหายก็กำลังทำให้ชายหนุ่มหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
“นาย...” เขารู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่น “ผมไม่ได้โกหกนะ นาย... ที่ผมบอกนายเป็นความจริง นายก็เห็นแล้วว่า นายเชื่อคำพูดผมได้ ที่นายส่งไอ้สันต์ไปลงนรกได้ ไม่ใช่เพราะผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับไอ้สันต์ให้นายรู้หรอกเหรอ”
“อั๊วเคยบอกลื้อสักคำไหมว่า อั๊วไม่เชื่อคำพูดของลื้อ” คนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ เอ่ยเสียงเรียบ “ที่ลื้อบอกอั๊ว มันเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าอั๊วไม่เชื่อลื้อ อั๊วก็คงจะล่อไอ้สันต์มาติดกับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ลื้อลำเลิกบุญคุณของลื้อที่มีกับอั๊วมาเมื่อตะกี้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“ผ... ผมไม่ได้ลำเลิก” เขาแย้ง “ผมแค่พูดความจริง”
“ลื้อพูดความจริง... ก็ถูก... ถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ชายที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่แค่นยิ้ม “แต่มันทำให้คนที่พูดความจริงตายได้”
ชื่อเสียงในวงการของ ‘นาย’ เป็นที่รู้กันว่า แม่นยำเหมือนจับวาง ไม่มีครั้งไหนที่ ‘นาย’ หมายหัวแล้วจะพลาดเป้า ยามนี้ ปากกระบอกปืนในมือของ ‘นาย’ ที่เคยจ่อนิ่งกลางหน้าผาก ถูกยัดเข้าไปในปากของเขา แล้วลั่นไก...
“อโหสิให้อั๊วเถอะนะ... ถ้าลื้อไม่พูดความจริง ลื้อคงไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก”
.........................................................................................................
(2)
“อ้าว สารวัตรมาเป็นไทยมุงกับเขาด้วย... แผลที่แขนเป็นไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวก็หาย ขอบใจนะ” นายตำรวจเจ้าของชื่อรับการทำความเคารพจากคนในเครื่องแบบที่เอ่ยกระเซ้า ก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า เกิดอะไรขึ้น
“มีคนตายเพราะถูกยิงน่ะครับ... กระสุนเข้าทางปากทะลุออกทางท้ายทอย ยังไม่ทราบว่ายิงตัวเองตายหรือคนอื่นยิง” พนักงานสอบสวนตอบ เหลือบตาไปทางกลุ่มตำรวจ แพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครกู้ภัยที่สาละวนกับการตรวจศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ลับตาคนอยู่พอสมควร
“ผู้ตายเป็นใคร” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ถามรุ่นน้องร่วมอาชีพ
“ผู้ตายชื่อนายปกรณ์ หรือ โป้ง เป็นพ่อค้าของมือสอง เป็นคนรู้จักของไอ้สันต์ มือปืนที่สารวัตรยิงตายไปเมื่อสองวันก่อน” ผู้อ่อนวัยกว่าบอก “ผู้ตายอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้อยู่ในครอบครองด้วย... ท่อเก็บเสียง หรือไซเลนเซอร์ที่ไอ้สันต์ใช้ก็ซื้อมาจากผู้ตายนี่แหละครับ”
พนักงานสอบสวนเอ่ยเสียงดังฟังชัดในแบบที่เขาฟังก็รู้ว่าคนพูดจงใจ ‘ปล่อย’ ข้อมูลให้นักข่าวที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นได้ยินด้วย “ตะกี้ นายกำลังพูดถึงสารวัตรอยู่ สารวัตรก็มาพอดี ผมไปบอกนายนะครับว่าสารวัตรอยู่นี่”
“เดี๋ยวผมไปหานายเอง” เขาว่า ก้มตัวลอดเทปพลาสติกที่ใช้กั้นเขตที่เกิดเหตุเข้าไป
ดูจากสายตาของชาวบ้านที่มองมา เขารู้ทันทีว่า ทุกคนคงรู้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมดแล้ว และดูจะอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เขาทำลงไป หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้ประณามสาปแช่งสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าการวิสามัญฆาตกรรมที่เขาทำกับมือปืนชื่อดังที่เคยยิงตำรวจตายมาหลายศพรายนี้
แผลกระสุนถากที่เขาได้มาประดับแขนเป็นเครื่องหมายว่า เขาก็เป็นผู้เสียหายและมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้... เจ็บนิดหน่อย แต่ก็คุ้มที่ทำให้ทุกคนเห็นตรงกันว่า... “ไอ้สันต์ สมควรตาย”
ความตายของมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นคนเริ่มต้นลงมือยิงตำรวจที่ขอเข้าตรวจค้นรถก่อน จนกระทั่งพาตัวเองไปสู่จุดจบในที่สุด
“นพ... แผลเป็นไงบ้าง” เป็นคำถามที่ ‘นาย’ ของเขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า
“ดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณครับ” เขาตอบ ทำความเคารพผู้บังคับบัญชานายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี และทักทายนายตำรวจรุ่นน้องคนอื่น ๆ เป็นพิธี
“ที่จริง นายไม่ต้องลงมาทำตรงนี้ก็ได้นี่ครับ...” เขาออกปาก มองพนักงานสอบสวนจดบันทึกรายละเอียดการตรวจศพ
‘นาย’ ยิ้มน้อย ๆ “นพพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก วิสามัญไอ้สันต์ที่เคยฆ่าตำรวจเราไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วคราวนี้ คนที่ตายมันก็เป็นพรรคพวกกับไอ้สันต์ คนกำลังให้ความสนใจ เราจะทำพลาดไม่ได้เลย พี่เลยอยากลงมาทำเอง จะได้มั่นใจไม่มีอะไรหลุดรอดสายตา ทุกอย่างที่เราทำเกี่ยวกับการกวาดล้างไอ้พวกเวรนี่จะได้ไม่สูญเปล่า นพจะได้ไม่ลำบากฟรี ๆ”
คำพูดเรียบเรื่อยของ ‘นาย’ เป็นคำพูดที่จริงจังและจริงใจจนเขาอดตื้นตันอยู่ลึก ๆ ในใจไม่ได้...
‘นาย’ ไม่เคยทิ้งลูกน้องคนไหน ถ้า ‘นาย’ ลงมือเองได้ ‘นาย’ ไม่เคยเกี่ยง... งานนี้ก็เช่นกัน เขารู้ดีว่าการที่ ‘นาย’ ลงมา ‘เก็บกวาด’ ด้วยมือของตัวเอง มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ต้องการทำให้คดีนี้ จบลงด้วยความเรียบร้อยอย่างที่พูด
ผู้ตายที่ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดที่นอนเสียชีวิตมาอยู่ในห่อผ้าดิบสีขาวของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ไม่ใช่แค่พ่อค้าของมือสอง หรือค้าอาวุธและเครื่องกระสุนเถื่อนธรรมดา แต่ยังเป็นสายและนกต่อของตำรวจชุดจับกุมมือปืนที่ดับดิ้นไปแล้วเมื่อสองวันก่อนด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ พ่อค้าของเก่ารายนี้ร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูลและเป็นตัวล่อไอ้สันต์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมหมู่บ้านและลูกค้าของตัวเองมาติดกับ และการยิงต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่วางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี...
สิ่งเดียวที่ผิดพลาด คือ เขาถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้เหตุผลของการ ‘เก็บกวาด’ สมเหตุสมผลอย่างที่สุด
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้านายปกรณ์จะถูกล้างแค้นในเวลาต่อมาด้วยฝีมือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง...
ตอนที่มือปืนที่ทางการต้องการตัวอย่างไอ้สันต์ตาย เขาอดนึกเสียดายและสลดใจกับชะตาของคนที่เขาปลิดชีพด้วยมือของตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มือปืนที่ฆ่าคนมาหลายสิบอย่างมันก็ยังยอมเสี่ยงออกมาด้วยเหตุผลคำว่า ‘เพื่อน’ เพียงคำเดียว ในขณะที่เขานึกสมน้ำหน้าปนสะใจที่ผู้ให้ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมของฝ่ายตนเองตายในสภาพนี้
“คนที่สมควรตายพอ ๆ กับไอ้สันต์ก็คือไอ้โป้งนี่แหละ”
เขาสะดุ้งน้อย ๆ กับคำกล่าวของ ‘นาย’ ที่เอ่ยให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ไอ้โป้งมันปากโป้งสมชื่อ ไม่น่าแปลกใจหรอกที่มันจะตายเพราะไข้โป้งเข้าสักวัน”
(มีต่อนะคะ)