ตกลงยังไงแน่ ศาลบอกว่ารัฐบาลโดยคลังเป็นผู้กำกับดูแล ธปท.ตามคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา แต่ทำไม รมต.คลังให้ ธปท.ลด

ดอกเบี้ย ตั้งนานแล้ว แต่ ธปท.ไม่ทำตาม

ตกลงยังไงครับศาล ทำไมในทางปฏิบัติจริง ธปท.เขาไม่ทำตาม รมต.คลังละครับ ...แถม รมต.คลังเขาบอกเขาไม่มีอำนาจ เพราะ ธปท.เป็น องกรณ์อิสระ อ้าว แล้วกองทุนฟื้นฟูที่ตั้งโดย ธปท.ไม่ยิ่งไปกว่าเหรอที่ รมต. หรือนายก หรือ รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้

เมื่อแทรกแซงไม่ได้ในทางปฏิบัติจริงตามหลักฐานคำพูดของ รมต.กิตติรัตน์(ตามข่าวด่านล่างนี้)  ดังนั้นประเดนแห่งคดีนี้(การกำกับกองทุนฟื้นฟู) พวกท่านพิพากษาได้ไงว่า "จำเลยที่ 1(นายกทักษิณในขณะนั้น) เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับ ควบคุมดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน"

ก็นี่ไงครับ รมต.คลังปัจจุบัน คุณ กิตติรัฐน์ เขาบอกว่า ( คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากธปท. เป็นองค์กรอิสระ กระทรวงการคลัง หรือในฐานะรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ตามกฎหมาย) และ รมต.คลังยังได้ปฏิบัติโดยการ (หารือการดำเนินนโยบายของธปท. กับผู้ว่าฯธปท. มาตลอด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เมื่อคุยกันแบบเห็นหน้าไม่มีผล)สุดท้าย รมต.เขาก็(ได้ส่งหนังสือไปให้ อยากให้ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1% )  จนวันนี้ ธปท.ยังไม่เห็นทำตามเลย

อ้าวตกลงยังไงครับ  ทำไมตัดสินให้ ปชช.ไม่สิ้นสงสัยละครับ แบบนี้ ปชช.สับสนนะครับ

นี่คือคำพิพากษา คดีที่ดินรัชดา ในประเดน อำนาจกำกับกองทุนฟื้นฟู..

(คำเบิกความของพยานดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว ในทางปฏิบัติของการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เคยใช้อำนาจดังกล่าวกำกับดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยผ่านทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามลำดับชั้น

  องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจในการกำกับ ควบคุมดูแลกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองข้อนี้จึงไม่อาจรับฟังได้)

อ่านคำพิพากษาฉบับเต็มได้ที่นี่..    http://mypolitics.exteen.com/20081022/entry

.....................................................................................................

นี่คือคำพูด รมต.คลัง กิตติรัตน์

นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์หลังงานดีเบตว่า เรื่องนี้เป็นเพียงความคิดส่วนตัว คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากธปท. เป็นองค์กรอิสระ กระทรวงการคลัง หรือในฐานะรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือการดำเนินนโยบายของธปท. กับผู้ว่าฯธปท. มาตลอด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เมื่อคุยกันแบบเห็นหน้าไม่มีผล ได้ส่งหนังสือไปให้ อยากให้ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1% เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และธปท. มีสภาพคล่องสูงถึง 3 ล้านล้านบาท ถือว่ามากจนเกินไป ทำให้ต้องแบกภาระดูแลสภาพคล่องส่วนนี้เป็นจำนวนมาก และเกิดภาวะขาดทุนเดือนละมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

อ่านทั้งหมดได้ที่นี่...    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5qUTBNRFkxTWc9PQ==§ionid