อธิบาย​คำว่า(​ ใจไม่ใช่​กิเลส​)​ (กิเลส​ไม่​ใช่ใจ)​

#ใจมิใช่กิเลส_กิเลสมิใช่ใจ..!!

"กาย กับจิตนี้...
ก่อนเขาจะมาอยู่ร่วมกัน ก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาแต่ก่อนเลย เวลาเขาจะแยกทางกันไป
ก็ไม่ได้บอกเล่าเก้าสิบอะไร โดยเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรกันสักนิดเดียว แล้วก็ไม่มีใครจะอาลัยอาวรณ์ถึงกัน และกันเลย แยกทางกันไปแล้ว...ก็แล้วกัน

ถ้าอย่างนั้น อะไรเล่าเมื่อเจ็บ หรือจวนจะตายทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อน พระพุทธเจ้าตรัสว่านั่นคือ...กิเลส
ใจ มันไปหอบเอากิเลสมาไว้ที่ใจ คนเราเลยถือว่า ใจ เป็นกิเลส
หากใจเป็นกิเลสเสียเอง แล้วใครเล่าจะชำระใจ ให้บริสุทธิ์ได้

ใจ มิใช่กิเลส  กิเลส มิใช่ใจ
แต่ใจไปรับช่วงเอาผัสสะอันเกิดจากอายตนะ เช่นตาเห็นรูป เป็นต้น แล้วเอามายึดไว้ที่ใจ
จนเกิดความรักใคร่พอใจ หรือเกลียดโกรธ
ไม่พอใจ จึงทำใจให้มัวหมอง เพราะของสิ่งนั้นเป็นเหตุต่างหาก  จึงเรียกว่า...กิเลส

ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖
เป็นบัญญัติธรรมบอกให้รู้ว่า สิ่งนั้น...ชื่อว่าอย่างนั้น มีหน้าที่อย่างนั้นๆ ต่างหาก
จิต เป็นผู้เข้าไปยึดเอาบัญญัติธรรมมาเป็นตนเป็นตัว เมื่อบัญญัติธรรมทำงานตามหน้าที่ของมันอยู่ จิต ก็เลยถือว่าตนเป็นผู้รับหน้าที่ทำงานไปเสียเอง .จึงเข้าใจว่า...จิต ของตนเป็นกิเลส

ธาตุแท้ของตะกั่ว ก็เป็นตะกั่วอยู่ตามเดิม
ถึงแม้จะประสมเข้ากันกับทองคำแล้ว ก็ตาม เมื่อไล่ทองคำออกแล้ว ตะกั่ว ก็ต้องเป็นตะกั่วอยู่ตามเดิมนั้นเอง

กาย เป็นรูปธาตุ
จิต เป็นนามธรรม
สังขาร เป็นอาการของจิตคิดปรุงแต่ง
รูปธาตุ มาเป็นพาหนะให้ชั่วระยะหนึ่ง
เมื่อหมดความจำเป็นแล้ว...ก็ทอดทิ้งไว้
ที่เดิมของมัน

สังขาร จิตรกรช่างใหญ่สร้างโลก
ไม่มี...ที่สิ้นสุดไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
โลกนี้...
จึงกว้างใหญ่ไพศาล หาประมาณมิได้."
------------------------------------------------------------------
"เรื่องของความเกิด-ดับ"
#พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
#หลวงปู่เทสก์_เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่
จังหวัดหนองคาย (พ.ศ.๒๔๔๕-๒๕๓๗)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่