ตอนนี้ก็มีการพูดว่า ถ้าควบรวมแล้วค่าบริการจะถูกลงและมีการบริการที่ดีขึ้น ซึ่งคำพูดนี้อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะพูดอะไรก็พูดได้ จะทำตามที่ก็พูดก็ได้ จะไม่ทำตามที่พูดก็ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรจะออกกฎเพื่อทำให้เกิดการแข่งขันจริงๆ จะได้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการ เช่น เมื่อควบรวมแล้ว ค่าบริการจะถูกลง 15% ในปีแรก 25% ในปีที่ 2 อะไรทำนองนี้ ยกตัวอย่างว่า โปร 399 บาท/เดือน ลดเหลือ 340 บาท/เดือนในปีแรก และเหลือ 300 บาท/เดือนในปีที่ 2 เป็นต้น หรือโปรเน็ตบ้าน+เน็ตมือถืออย่าง 699 บาท/เดือน เน็ตบ้าน 300/300 mbps+เน็ตมือถือ 4 mbps เมื่อควบรวมแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 699 บาท/เดือน เน็ตบ้าน 300/300 mbps+เน็ตมือ 6 mbps โทรฟรี 15 นาที ถ้าเกินกว่านี้ทางเครือข่ายตัดสายให้ หรือโปรเน็ตมือถืออย่างเดียวตอนนี้อย่างเช่น 200 บาท/เดือน เน็ตเร็ว 10 โทรฟรีครั้งละ 15 นาทีทุกเครือข่าย ถ้าเกินก็นาทีละ 99 สตางค์ เมื่อควบรวมแล้วก็เปลี่ยนเป็น 200 บาท/เดือน เน็ตเร็ว 15 mbps โทรฟรีครั้งละ 30 นาทีทุกเครือข่าย ถ้าเกินกว่านี้ทางเครือข่ายตัดสายให้ และหากเน็ตและโทรมีปัญหาก็ต้องชดเชยให้ลูกค้าได้มากกว่าเดิม
การขยายเสา 5G 2600 mhz ก็ต้องทำให้ดีกว่าเดิม จากวันนี้ที่ของ true ยังมี 5G 2600 mhz ไม่มาก ส่วนมากเป็น 5G 700 ถ้าควบรวมกับ dtac ทำให้มีทุนทรัพย์ในการขยายโครงข่ายเพิ่มขึ้น ก็ต้องทำให้การขยายโครงข่ายนั้นดีจริง ไม่ใช่แค่การโฆษณา ทำ 5G 2600 mhz ซัก 30,000-35,000 สถานีฐาน หรือเกิน 80% ของประชากร ภายในระยะเวลาเท่าไร 1-2 ปี ถ้าทำไม่ได้ต้องเสียค่าปรับให้กสทช.เท่าไร จะชดเชยให้ลูกค้าเท่าไร
ศูนย์บริการใหญ่ที่สามารถทำหน้าที่เปิดซิม ย้ายค่าย และสามารถโอนชื่อเปลี่ยนตัวเจ้าของเบอร์ได้ ก็ควรมีมากกว่านี้ อาจจะโคกับไปรษณีย์ไทยก็ได้ ทุกวันนี้ของ dtac มีศูนย์บริการน้อย ลำบากผู้ใช้บริการ
ถ้าจะให้อนุมัติการควบรวมได้ ก็ควรจะให้มีการเขียนแผนการแข่งขันออกมาให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการจริงๆ
ถ้าไม่สามารถทำแผนการแข่งขันที่ชัดเจนได้ ก็ไม่ควรให้ควบรวม
ควรจะออกกฎอย่างไร หาก dtac-true ควบรวมแล้ว ถึงจะมีการแข่งขันจริงๆ
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรจะออกกฎเพื่อทำให้เกิดการแข่งขันจริงๆ จะได้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการ เช่น เมื่อควบรวมแล้ว ค่าบริการจะถูกลง 15% ในปีแรก 25% ในปีที่ 2 อะไรทำนองนี้ ยกตัวอย่างว่า โปร 399 บาท/เดือน ลดเหลือ 340 บาท/เดือนในปีแรก และเหลือ 300 บาท/เดือนในปีที่ 2 เป็นต้น หรือโปรเน็ตบ้าน+เน็ตมือถืออย่าง 699 บาท/เดือน เน็ตบ้าน 300/300 mbps+เน็ตมือถือ 4 mbps เมื่อควบรวมแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 699 บาท/เดือน เน็ตบ้าน 300/300 mbps+เน็ตมือ 6 mbps โทรฟรี 15 นาที ถ้าเกินกว่านี้ทางเครือข่ายตัดสายให้ หรือโปรเน็ตมือถืออย่างเดียวตอนนี้อย่างเช่น 200 บาท/เดือน เน็ตเร็ว 10 โทรฟรีครั้งละ 15 นาทีทุกเครือข่าย ถ้าเกินก็นาทีละ 99 สตางค์ เมื่อควบรวมแล้วก็เปลี่ยนเป็น 200 บาท/เดือน เน็ตเร็ว 15 mbps โทรฟรีครั้งละ 30 นาทีทุกเครือข่าย ถ้าเกินกว่านี้ทางเครือข่ายตัดสายให้ และหากเน็ตและโทรมีปัญหาก็ต้องชดเชยให้ลูกค้าได้มากกว่าเดิม
การขยายเสา 5G 2600 mhz ก็ต้องทำให้ดีกว่าเดิม จากวันนี้ที่ของ true ยังมี 5G 2600 mhz ไม่มาก ส่วนมากเป็น 5G 700 ถ้าควบรวมกับ dtac ทำให้มีทุนทรัพย์ในการขยายโครงข่ายเพิ่มขึ้น ก็ต้องทำให้การขยายโครงข่ายนั้นดีจริง ไม่ใช่แค่การโฆษณา ทำ 5G 2600 mhz ซัก 30,000-35,000 สถานีฐาน หรือเกิน 80% ของประชากร ภายในระยะเวลาเท่าไร 1-2 ปี ถ้าทำไม่ได้ต้องเสียค่าปรับให้กสทช.เท่าไร จะชดเชยให้ลูกค้าเท่าไร
ศูนย์บริการใหญ่ที่สามารถทำหน้าที่เปิดซิม ย้ายค่าย และสามารถโอนชื่อเปลี่ยนตัวเจ้าของเบอร์ได้ ก็ควรมีมากกว่านี้ อาจจะโคกับไปรษณีย์ไทยก็ได้ ทุกวันนี้ของ dtac มีศูนย์บริการน้อย ลำบากผู้ใช้บริการ
ถ้าจะให้อนุมัติการควบรวมได้ ก็ควรจะให้มีการเขียนแผนการแข่งขันออกมาให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการจริงๆ
ถ้าไม่สามารถทำแผนการแข่งขันที่ชัดเจนได้ ก็ไม่ควรให้ควบรวม