ทำใมประเทศไทยออกกฏหมายไห้เด็กนั่งคาร์ซีทกลับมีคนด่าเยอะมาก

แต่เรียกร้องไห้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว​ แต่พอออกกฎหมายเหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วกลับด่ากันจัง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ปัญหาต่างๆในประเทศไทย จริงๆแล้วคือคนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 40
หยุดด่าประชาชนด้วยกันเองเถอะครับ เคสนี้ผมว่าเป็นขั้นตอนการประกาศใช้กฎหมายที่ไร้กึ๋นสิ้นดี   

ออกกฏหมายไห้เด็กนั่งคาร์ซีท  --->  ผมเห็นด้วยเลย  เป็นเรื่องที่ควรทำมานานแล้วด้วย


ทำใมประเทศไทยกลับมีคนด่าเยอะมาก  --->  ภาครัฐทำไม่ถูกลำดับ ไม่มีศิลปะในการประกาศใช้กฎหมายเลยครับ   แทนที่จะเริ่มด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการให้เด็กนั่งคาร์ซีท  ทำโฆษณารัวรัว ให้คนเห็นว่าเด็กที่ไม่นั่งคาร์ซีทเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วจะเป็นอย่างไร  เอาสถิติที่คาร์ซีทได้ช่วยชีวิตเด็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุมารณรงค์ทำให้คนรับรู้โดยทั่วกัน ให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของคาร์ซีทก่อน  แล้วก็ควรมีการแนะนำเทคนิคการทำให้ลูกยอมนั่งคาร์ซีทให้คนที่เค้ากังวลกลัวว่าลูกไม่ยอมนั่ง      กลับเริ่มต้นด้วยการประกาศใช้กฎหมายเลย    คนที่เค้าไม่เคยรับทราบข้อมูลตรงนี้เค้าก็ด่าและต่อต้านน่ะสิครับ

หลักการมันควรจะเริ่มต้นด้วยการให้ข้อมูล ให้ความรู้  รณรงค์ให้ประชาชนได้คล้อยตาม   แล้วจึงออกกฎบังคับ  ไม่ใช่อยู่ๆ ออกกฎมาบังคับเลยทันที

"คนไม่พัฒนา ไม่มีจิตสำนึก " มันก็คือหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องรณรงค์และส่งเสริมครับ
ความคิดเห็นที่ 5
มีลูกเมื่อพร้อม
ความคิดเห็นที่ 24
ผมสนับสนุนให้ใช้คาร์ซีทนะครับ แต่การออกกฎหมายอ่ะครับ
ถ้าอยากให้ออกกฎหมาย ปึ้ง เหมือนประเทศโลกที่ 1 เลยทุกอย่าง วันนี้ผมก็ว่าออกได้หมดแหละครับ
แต่การออกกฎหมายแบบนั้นมันมีภาระตามมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย เวลา ทรัพยากรต่างๆ

คำถามที่น่าถามกว่าคือ การ Implementation กฎหมายตรงนี้ให้ได้ประสิทธิผลต่างหากที่น่าสนใจกว่า
ซึ่งภาระก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ใครต้องช่วยกันบ้างเพื่อให้สังคมโดยรวมที่ทุกคนอยู่อาศัยมีคุณภาพที่ดีขึ้น?
ควรให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเองอย่างเดียวรึเปล่า? ภาครัฐควรช่วยเหลือมั้ย เช่นลดภาษีอุปกรณ์เด็ก?
แล้วเอกชนผู้ประกอบการหล่ะ ให้รัฐควบคุมมาตรฐานการผลิตและเพิ่มการแข่งขันได้มั้ย?

หลายนโยบายที่ผ่านมารวมถึงนโยบายนี้ก็ดีนะครับ แต่นโยบายต่างๆ เกิดภาระนะครับ
แล้วหากให้ภาระตกกับประชาชนมากๆ แค่ฝั่งเดียว มันก็อย่างที่หลายคนว่ามาแหละครับ "มีลูกเมื่อพร้อม"
ซึ่งหลายครอบครัวก็คือ "มีลูกเมื่อพร้อม" จริงๆ ก็คือ ตัดสินใจว่า "ไม่มีเลย"
เพราะภาระตรงนี้หลายๆอย่างมันสูงขึนมาก ไม่ใช่แค่จากนโยบายนี้นโยบายเดียว

ซึ่งภาระทั้งหมด รวมๆกัน มันก็ได้สะท้อนไปแล้วใน Trend ประชากรไทย 10 ปีที่ผ่านมามันก็เป็นตามนั้นแหละครับ
กลายเป็นตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องโครงสร้างประชากรที่กำลังหดตัวลงอีก กระทบกับสภาพเศรษฐกิจอีก ซ้ำเติมปัญหารายได้กับค่าใช้จ่ายอีก

ผมว่ารัฐควรพิจารณาภาพกว้างๆ รวมทั้งการ Implementation ให้มากกว่านี้ มากกว่าแค่ประกาศใช้กฎหมายแล้วก็จบกันไปนะครับ
ความคิดเห็นที่ 3
อยากจะด่า​ แต่ไม่รู้จะด่าว่าอะไร

เอาเป็น​ สังเวช​ + สมเพช​ พวกที่ต่อต้านนโยบายนี้ละกันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่