เราเป็นผู้หญิงไม่รู้ว่าผู้ชายพฤติกรรมแบบนี้เขาคิดอะไรอยู่ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อกลางปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง ในที่ทำงาน เขาอายุน้อยกว่า และทำงานคนละแผนกมาจีบ ซึ่งเราก็ได้ปฎิเสธไปเพราะเราอายุมากกว่า แต่เขาก็ตามตื้อตามจีบตลอด จนเรายอมคบด้วย แต่ช่วงคบกันเขาบอกเราว่าอย่าเพิ่งเปิดเผยให้คนบริษัทรู้นะ แต่เขาก็พาเราไปพบครอบครัวและญาติพี่น้องเค้านะ ตอนแรกเราก็กะจะคบเล่นๆ อ่ะเด็กมาจีบอ่ะเนอะ แต่พอคุยไปได้สักพัก เรากลับเอาใจลงไปเล่น คือ คุยสนุก รู้สึกดี เราเกิดเริ่มชอบน้องเค้าขึ้นมา แต่เราคบกันแค่ระยะสั้นๆ ประมาณ 5 เดือน พอเข้าเดือนที่4-5 เราก็พบพฤติกรรมน้องเค้าเปลี่ยนไป มาๆหายๆ เลยถามตรงๆ ว่าแอบมีใครรึป่าว แต่เขาก็ยังไม่ยอมเลิกกับเรานะ ก็ยังคุยกันอยู่ พอประมาณเข้าเดือนที่5 สักพักก็โดนน้องเค้าบอกเลิก เราก็ไม่ได้โวยวายนะ ก็ปล่อยน้องเค้าไป ไม่ได้บอกมครในที่ทำงานด้วย พอบอกเลิกปุ๊บ พอไม่กี่วัน เรากลับเห็นเขาประกาศคบน้องอีกคน เป็นคนในที่ทำงานเดียวกันด้วยค่ะ และคนในบริษัทก็รู้กันหมดว่าเขาเริ่มคบกัน คนในแผนกเราก็พูดถึงเรื่องนี้กัน มีการแซว เขาก็เขินๆ แต่เราหน้าชา มันทำให้เราที่ตอนแรกคิดว่าอ่ะที่เลิกคบคงเพราะอายุห่างกันเข้ากันไม่ได้ แต่ที่ไหนได้เขาแอบคุยกับอีกคน ในช่วงเข้าเดือนที่4-5ที่ยังคบเราอยู่
ตอนนั้นรู้สึกหน้าชามาก เก็บความรู้สึกตัวเองมาตลอด แต่ไม่โวยวาย ทำตัวปกติมากๆ จนผ่านไป6เดือน เราคิดว่าเราก็พอทำใจได้ในระดับนึงละ สามารถเดินสวนกันได้ โดยไม่คิดอะไรแล้ว เขาก็ไม่กล้าจะเข้ามาแผนกเราเลยภายใน 6 เดือนนั้น (ปกติก่อนหน้านั้นจะขึ้นมาเอาเอกสารตลอด แต่ตอนเขาคบกับคนใหม่ภายใน6เดือนนั้นจะใช้แม่บ้านขึ้นมาเอาให้แทน เหมือนจะหลบหน้า) แต่เราคิดมันก็ดีเราจะได้ทำใจได้เร็วหน่อยถ้าไม่เจอหน้ามัน แต่พอเข้าเดือนที่ 7 หลังจากที่มันบอกเลิกเราไป อยู่ดีๆเขากับกล้าขึ้นมาเอาเอกสารเอง ขึ้นมาบ่อยๆ เราสังเกตุว่าเขามองเราบ่อยขึ้น ซึ่งตอนแรกๆที่บอกเลิกแล้วคบคนใหม่ เดินสวนกันกลับเชิดหน้า ต่างคนต่างไม่มองหน้ากัน
คือ เราอยากรู้ว่า ที่เขาขึ้นมาแผนกเราบ่อยๆ ณ ตอนนี้ที่เขาคบแฟนใหม่ไปแล้ว 6 เดือน นั้นหมายความว่ายังไง
1.อาจจะคิดว่า ก็นานแล้ว คงให้อภัยแล้วมั้ง คงไม่คิดอะไรหรอก ก็ขอกลับมาอยู่สถานการณ์ปกติละกัน ((สำหรับผู้ชายที่คิดแบบนี้ คือ คุณไม่รู้สึกผิดเลยเหรอ)
2.ก็ขึ้นมาแหย่เล่นๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากรู้ว่าเรายังรู้สึกอะไรกับเขาอยู่รึป่าว (เพราะเงียบไม่โวยวาย)
3.เริ่มมีปัญหากับแฟนใหม่ หรือ คบแล้วไม่โอเค ก็เลยลองๆขึ้นมาดูสถานการณ์ หรือ มาส่องๆเรา(รึป่าว) เผื่ออาจจะอยากกลับมา
สำหรับเราถ้าให้เราคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ก็เลือกข้อ 1 แต่ก็ยังมีคำถามในใจว่า ถ้าคุณแฮปปี้กับคนใหม่ เรื่องจะขึ้นมาเอาเอกสารก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นจะขึ้นมาป่ะ ให้แม่บ้านเดินเอกสารให้ก็ได้ (เลยหาเหตุผลมาแย้งให้กับข้อนี้ไม่ได้เลยค่ะ ตีกันในหัววุ่นเลย)
สำหรับข้อ 2 ก็คิดว่าเหตุผลจะขึ้นมาแหย่ความรู้สึกกันเล่นๆ ก็ยังหาเหตุผลให้มันไม่ได้อีกนั่นแหล่ะค่ะว่าจะมาแหย่กันเพื่ออะไร ทำไปเพื่ออะไร
และข้อ3 เป็นข้อที่เราต้องเอามาตั้งกระทู้วันนี้ เราไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย แต่ก็แอบหวั่นไหวกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยค่ะ หลังจากคิดว่าตัวเองตัดใจได้แล้วแท้ๆ เลยจะมาสอบถามความรู้สึกผู้ชาย ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับคนเก่าแล้ว คุณจะขึ้นมาเจอหน้าเขาบ่อยๆไหม
ถ้าส่วนใหญ่บอกก็ไม่ได้คิดอะไร เราก็จะตัดใจและเดินหน้าต่อค่ะ แต่ถ้าหนักไปทางข้อ3 เราก็จะกลับมานั่งคุยกับตัวเองกับความหวั่นไหวในใจอีกทีค่ะ
(เราอยากได้ความรู้สึกของผู้ชายจริงๆ จะออกมายังไงก็ได้ค่ะ เรารับได้หมดค่ะ)
ปล.แต่ละข้อนั้น คือ เพื่อนมันวิเคราะห์มาให้ค่ะ (เป็นเพื่อนผู้หญิง แต่มันก็ยังไม่มั่นใจข้อไหนเหมือนกัน) เราไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทเลยไม่รู้จะถามใครเลยค่ะ
พฤติกรรมผู้ชายแบบนี้คือเขาคิดอะไรกับเรา
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อกลางปีที่แล้ว เราได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง ในที่ทำงาน เขาอายุน้อยกว่า และทำงานคนละแผนกมาจีบ ซึ่งเราก็ได้ปฎิเสธไปเพราะเราอายุมากกว่า แต่เขาก็ตามตื้อตามจีบตลอด จนเรายอมคบด้วย แต่ช่วงคบกันเขาบอกเราว่าอย่าเพิ่งเปิดเผยให้คนบริษัทรู้นะ แต่เขาก็พาเราไปพบครอบครัวและญาติพี่น้องเค้านะ ตอนแรกเราก็กะจะคบเล่นๆ อ่ะเด็กมาจีบอ่ะเนอะ แต่พอคุยไปได้สักพัก เรากลับเอาใจลงไปเล่น คือ คุยสนุก รู้สึกดี เราเกิดเริ่มชอบน้องเค้าขึ้นมา แต่เราคบกันแค่ระยะสั้นๆ ประมาณ 5 เดือน พอเข้าเดือนที่4-5 เราก็พบพฤติกรรมน้องเค้าเปลี่ยนไป มาๆหายๆ เลยถามตรงๆ ว่าแอบมีใครรึป่าว แต่เขาก็ยังไม่ยอมเลิกกับเรานะ ก็ยังคุยกันอยู่ พอประมาณเข้าเดือนที่5 สักพักก็โดนน้องเค้าบอกเลิก เราก็ไม่ได้โวยวายนะ ก็ปล่อยน้องเค้าไป ไม่ได้บอกมครในที่ทำงานด้วย พอบอกเลิกปุ๊บ พอไม่กี่วัน เรากลับเห็นเขาประกาศคบน้องอีกคน เป็นคนในที่ทำงานเดียวกันด้วยค่ะ และคนในบริษัทก็รู้กันหมดว่าเขาเริ่มคบกัน คนในแผนกเราก็พูดถึงเรื่องนี้กัน มีการแซว เขาก็เขินๆ แต่เราหน้าชา มันทำให้เราที่ตอนแรกคิดว่าอ่ะที่เลิกคบคงเพราะอายุห่างกันเข้ากันไม่ได้ แต่ที่ไหนได้เขาแอบคุยกับอีกคน ในช่วงเข้าเดือนที่4-5ที่ยังคบเราอยู่
ตอนนั้นรู้สึกหน้าชามาก เก็บความรู้สึกตัวเองมาตลอด แต่ไม่โวยวาย ทำตัวปกติมากๆ จนผ่านไป6เดือน เราคิดว่าเราก็พอทำใจได้ในระดับนึงละ สามารถเดินสวนกันได้ โดยไม่คิดอะไรแล้ว เขาก็ไม่กล้าจะเข้ามาแผนกเราเลยภายใน 6 เดือนนั้น (ปกติก่อนหน้านั้นจะขึ้นมาเอาเอกสารตลอด แต่ตอนเขาคบกับคนใหม่ภายใน6เดือนนั้นจะใช้แม่บ้านขึ้นมาเอาให้แทน เหมือนจะหลบหน้า) แต่เราคิดมันก็ดีเราจะได้ทำใจได้เร็วหน่อยถ้าไม่เจอหน้ามัน แต่พอเข้าเดือนที่ 7 หลังจากที่มันบอกเลิกเราไป อยู่ดีๆเขากับกล้าขึ้นมาเอาเอกสารเอง ขึ้นมาบ่อยๆ เราสังเกตุว่าเขามองเราบ่อยขึ้น ซึ่งตอนแรกๆที่บอกเลิกแล้วคบคนใหม่ เดินสวนกันกลับเชิดหน้า ต่างคนต่างไม่มองหน้ากัน
คือ เราอยากรู้ว่า ที่เขาขึ้นมาแผนกเราบ่อยๆ ณ ตอนนี้ที่เขาคบแฟนใหม่ไปแล้ว 6 เดือน นั้นหมายความว่ายังไง
1.อาจจะคิดว่า ก็นานแล้ว คงให้อภัยแล้วมั้ง คงไม่คิดอะไรหรอก ก็ขอกลับมาอยู่สถานการณ์ปกติละกัน ((สำหรับผู้ชายที่คิดแบบนี้ คือ คุณไม่รู้สึกผิดเลยเหรอ)
2.ก็ขึ้นมาแหย่เล่นๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากรู้ว่าเรายังรู้สึกอะไรกับเขาอยู่รึป่าว (เพราะเงียบไม่โวยวาย)
3.เริ่มมีปัญหากับแฟนใหม่ หรือ คบแล้วไม่โอเค ก็เลยลองๆขึ้นมาดูสถานการณ์ หรือ มาส่องๆเรา(รึป่าว) เผื่ออาจจะอยากกลับมา
สำหรับเราถ้าให้เราคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ก็เลือกข้อ 1 แต่ก็ยังมีคำถามในใจว่า ถ้าคุณแฮปปี้กับคนใหม่ เรื่องจะขึ้นมาเอาเอกสารก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นจะขึ้นมาป่ะ ให้แม่บ้านเดินเอกสารให้ก็ได้ (เลยหาเหตุผลมาแย้งให้กับข้อนี้ไม่ได้เลยค่ะ ตีกันในหัววุ่นเลย)
สำหรับข้อ 2 ก็คิดว่าเหตุผลจะขึ้นมาแหย่ความรู้สึกกันเล่นๆ ก็ยังหาเหตุผลให้มันไม่ได้อีกนั่นแหล่ะค่ะว่าจะมาแหย่กันเพื่ออะไร ทำไปเพื่ออะไร
และข้อ3 เป็นข้อที่เราต้องเอามาตั้งกระทู้วันนี้ เราไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย แต่ก็แอบหวั่นไหวกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยค่ะ หลังจากคิดว่าตัวเองตัดใจได้แล้วแท้ๆ เลยจะมาสอบถามความรู้สึกผู้ชาย ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรกับคนเก่าแล้ว คุณจะขึ้นมาเจอหน้าเขาบ่อยๆไหม
ถ้าส่วนใหญ่บอกก็ไม่ได้คิดอะไร เราก็จะตัดใจและเดินหน้าต่อค่ะ แต่ถ้าหนักไปทางข้อ3 เราก็จะกลับมานั่งคุยกับตัวเองกับความหวั่นไหวในใจอีกทีค่ะ
(เราอยากได้ความรู้สึกของผู้ชายจริงๆ จะออกมายังไงก็ได้ค่ะ เรารับได้หมดค่ะ)
ปล.แต่ละข้อนั้น คือ เพื่อนมันวิเคราะห์มาให้ค่ะ (เป็นเพื่อนผู้หญิง แต่มันก็ยังไม่มั่นใจข้อไหนเหมือนกัน) เราไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทเลยไม่รู้จะถามใครเลยค่ะ